สวัสดีครับ บทความนี้ผมจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผมได้เจอและอยู่ในเหตุการณ์สถานที่แห่งนั้น ที่โรงเรียนอาชีวะแห่งหนึ่งจังหวัดหนองคาย ส่วนตัวผมเป็นเด็กจังหวัดจันทบุรี ค่อนข้างเป็นเด็กขี้เกียจ ไม่เอาอะไรเลยขอแค่เรียนจบก็พอใจแล้ว จนวันหนึ่งผมได้เรียนจบตามที่คาดหวังไว้ เพื่อนๆ ก็ต่างคนกระตือรือร้นหา มหาวิทยาลัยเพื่อเข้าศึกษาต่อกันทั้งนั้น ส่วนเพื่อนที่ได้โควตาก็สบายตัวไปไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากนัก ส่วนตัวผมกว่าจะรู้สึกว่าอยากจะไปเรียนต่อเวลาก็ผ่านไปจนต้นปีการศึกษาแล้ว รู้สึกอยากจะไปเรียนเพราะเพื่อนๆ ที่เราสนิทก็ต่างมีที่เรียนกันหมดแล้ว ผมจึงไปปรึกษากับทางบ้านว่าอยากจะเรียนต่อ ทางบ้านก็ได้ถามลุง(พี่ชายของพ่อ) ขอบอกก่อนว่าลุงทำงานเป็นผู้บริหารอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้เลยทำให้ผมหาที่เรียนได้ไม่ยากแต่มันอยู่ที่จังหวัดหนองคายไกลมากๆ สำหรับตัวผม แต่ก็ยังดีที่มีที่เรียนเลยเป็นที่มาของการไปศึกษาต่อและก็ได้พบเจอกับเรื่องน่ากลัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เริ่มเรื่องเลยละกันนะครับ ตอนนั้นผมอายุประมาณ19 ปี ผมก็ได้ไปศึกษาต่อในโรงเรียนอาชีวะในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ได้ที่เรียนใหม่แล้ว เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ การใช้ชีวิตใหม่ๆ ที่ไกลบ้าน ก็รู้สึกเหงาๆ อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่มีเพื่อนแต่ก็คิดในใจว่าที่นี่แหละจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบมากขึ้น... ...ในวันรุ่งขึ้น เป็นวันที่ผมต้องไปโรงเรียนวันแรก ก็ได้พบอาจารย์ เพื่อนใหม่มากมาย แต่ผมเป็นเด็กจากต่างจังหวัด(จันทบุรี) เรื่องที่ตามมาคือเรื่องภาษาถิ่นเราจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเวลาเพื่อนๆคุยกัน แต่ผมก็พยายามฟังและปรับตัวให้เข้าใจกับภาษาถิ่น จนพอฟังได้บ้างและก็ปรับตัวได้ก็เริ่มที่จะมีความสุขกับที่นี่แล้ว... เวลาผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์เห็นจะได้ อาจารย์ใหญ่ได้ประกาศหน้าเสาธงว่า วันพรุ่งนี้จะเป็นการทำพิธี "บายศรีสู่ขวัญ" ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคือพิธีอะไร ในคืนนั้นผมก็พักผ่อนตามปกติอย่างตื่นเต้นว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรบ้าง แล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงทุกคนมาเข้าแถวอย่างพร้อมเพรียง เข้าแถวตามที่อาจารย์ได้แจ้งไว้ และก็นั่งลงบนเสื่อที่ได้ปูเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ รอสักระยะหนึ่ง อาจารย์ได้ประกาศว่าวันนี้จะเป็นการทำพิธี "บายศรีสู่ขวัญ"ประจำปีการศึกษานี้ ขอให้นักศึกษาทุกคนเข้าร่วมพิธีอย่างตั้งใจ ผมก็มองไปข้างหน้าแถวเวทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นและก็ได้เจอกับพานใหญ่มากใส่ดอกไม้และมีธูปเทียนกลิ่นธูปลอยมาเป็นระยะๆ มีสายสิญจน์หลายเส้นบนพาน สังเกตุได้ว่าทุกคนจะอยู่ในวงล้อมของสายสิญจน์และจะมีพราหมณ์เป็นผู้ดำเนินพิธีการ อากาศในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงฤดูร้อนไม่มีแม้กระทั่งลมพัด ร้อนอบอ้าวมาก พอทุกอย่างพร้อม พราหมณ์คนนั้นก็สวดมนต์ทำพิธี สถานที่ตรงนั้นเงียบมากมีแต่เสียงบทสวดออกทางลำโพงเท่านั้น พอสวดไปสักพักนึงอยู่ๆ ก็มีลมแรงมากพัดเข้ามาภายในพื้นที่โล่งที่ทำพิธีอยู่นั้น เสื่อที่ปูไว้รองรับผู้ปกครองที่ว่างอยู่ปลิวด้วยแรงลมกระจายไปทั่ว สักพักหนึ่งพราหมณ์หยุดสวดกระทันหัน เพราะลมได้พัดไฟจาก ธูป เทียน ไปโดยพานบายศรี จนเกิดไฟลุกขึ้น อาจารย์ต่างช่วยกันดับไฟ ทุกคนตกใจมีเสียงระงมขึ้นคุยกันต่างๆ นานา ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง อาจารย์ใหญ่ประกาศว่า นักศึกษาทุกคนขึ้นห้องเรียนไปก่อนและให้ผู้ปกครองกลับบ้านได้หรือจะรับนักศึกษากลับด้วยก็ได้ หลังจากนั้นทุกคนที่เหลืออยู่รวมถึงผมด้วยก็ขึ้นห้องตามคำที่อาจารย์ใหญ่บอก ก็ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรทุกคนต่างเก็บไว้ในใจ จนเย็นของวันนั้นเราทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้าน.... ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็เข้าเรียนตามปกติ วันนี้อาจารย์ประจำชั้นมีสีหน้าแปลกๆ สักพักอาจารย์พูดว่า มีน้องนักศึกษาระดับชั้น ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.)ได้เสียชีวิตก่อนวันที่จะมีการ"บายศรีสู่ขวัญ"และอาจารย์ก็เล่าต่อไปว่า จากการสอบถามจากพราหมณ์ ได้เรื่องว่าวันที่ทำพิธีการนั้น น้องคนที่เสียชีวิตจะเข้ามาร่วมพิธีด้วยและพยายามจะเข้ามาภายในวงสายสิญจน์แต่เข้าไม่ได้ พราหมณ์ได้บอกกับอาจารย์ว่า เนื้อตัวของเด็กมีแต่รอยบาดแผลของมีคมทั่วลำตัวใบหน้ามีอาการเศร้าและ นักศึกษาคนนั้นยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นได้เสียชีวิตแล้วเลยมาร่วมพิธีตามปกติ และอาจารย์ก็ได้เล่าสาเหตุการเสียชีวิตต่อไปว่าน้องนักศึกษาได้ทะเลาะกับเพื่อนที่นั่งดื่มสุราด้วยกันขั้นรุนแรงและน้องก็ได้วิ่งเข้าไปในป่ายูคาลิปตัสและเพื่อนๆ ที่ทะเลาะกันก็วิ่งตามเข้าไปกับพร้อมมีดดาบไล่ฟันจนเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย จนเสียชีวิตในที่สุด...ทุกคนฟังจบก็ขนหัวลุกไปตามๆ กัน นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้ประสบกับตัวเองถึงเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนผมก็ยังไม่มีวันที่จะลืมได้ลง... การบายศรีสู่ขวัญ เป็นประเพณีของชาวอีสานและทางภาคเหนือที่ทำกันมายาวนานมาก พิธีกรรมนี้ทำขึ้นเพื่อ ให้มีชีวิตที่ราบรื่น พ้นทุกข์พ้นภัยร้าย ปัดเรื่องทุกข์ให้หายไป นำสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต ส่วนใหญ่แล้วจะทำเมื่อลูกหลานเรียนจบ ลูกหลานกลับมาจากต่างจังหวัดหรือเกิดอุบัติเหตุ หายจากการไม่สบายหนักๆ... บทความนี้...เป็นเรื่องราวที่ NonSoSadWalkAlone ได้แต่งเรียบเรียงด้วยตนเองภาพประกอบหน้าปก โดย รูปที่ 1 โดย tanyaborozenets/canva.comรูปที่ 1 ภาพโดย Tama66/pixabayรูปที่ 2 ภาพโดย truthseeker08/pixabayรูปที่ 3 ภาพโดย chitradeep/pixabayรูปที่ 4 ภาพโดพ niekverlaan/pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !