สวัสดีค่ะทุกคน แนะนำตัวก่อนว่าเราเป็น #Dek63 ที่ลาออกจากคณะวิศวะกรรมนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าคณะ SIIT มาเป็น #Dek64 เพื่อมาสอบหมอใหม่นะคะ เนื่องจากเราค้นพบตัวเองว่าตัวเองอยากเป็นแพทย์มากๆ และไม่สามารถที่จะอดทนเรียนจบวิศวะทั้ง 4 ปีได้ วันนี้เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การซิ่วของเราคร่าวๆ ให้ฟัง สามารถอ่านที่บทความด้านล่าง หรือฟังเราพูดคุยเคล้าน้ำตาได้ที่นี่เลยค่ะ คลิก มาเริ่มกันเลยยยเราลาออกจากคณะวิศวะตั้งแต่เรียนจบปี 1 เทอม 1 เลยค่ะ ตั้นนั้นเป็นช่วงเดือนธันวาคม เราลาออกมาเพราะคิดว่าอยากจะมาตั้งใจอ่านหนังสือจริงๆ ให้สอบติดแพทย์ให้ได้ เพราะถ้าเรียนวิศวะไป อ่านหนังสือสอบไป เรากลัวว่าเราจะเต็มที่ไม่มากพอให้เราสอบติดได้ เล่าย้อนไปว่าจริงๆ เราอยากเป็นหมอมาตั้งนานแล้ว แต่เราสอบติดคณะวิศวะนี้ตั้งแต่รอบ 1 เมื่อก่อนเรามีมายเซ็ตที่ว่า 'ไม่ว่าจะเรียนคณะไหน ก็คงมีความสุขได้เหมือนกัน' พอติดรอบแรก เราเลยถือว่าตัวเองสอบติดแล้ว ไม่ต้องขยันอ่านหนังสืออีกต่อไป ไปสอบรอบ 3 แบบสอบไปงั้นๆ ฟลุ๊กติดหมอก็โชคดีไป ไม่ติดก็เรียนวิศวะ สรุปว่าคะแนนเราไม่ถึงแพทย์มหาลัยที่เราอยากเข้า ตอนเป็น #Dek63 เราได้คะแนนรวม 62.3 ค่ะ ก็เลยได้มาเรียนวิศวะ (คลิกเพื่อดู คะแนน 9 สามัญปี 63, คลิกเพื่อดู คะแนน กสพท ) วิศวะที่เราเรียน คือวิศวะนานาชาติ SIIT อยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตนะคะ ซึ่งเราได้ทุนการศึกษาค่าเทอม 50% ค่ะ(คลิก เพื่อดูรายละเอียดการสอบชิงทุน SIIT)เราก็ใช้ชีวิตปี 1 ในคณะวิศวะกรรมนี้ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ เราเริ่มรู้สึกว่าเราไม่มีแพชชั่นในการเรียนเลย ไม่มีวันไหนเลยที่เราอยากตื่นขึ้นมาแล้วไปเรียนในคลาส เราไม่ได้สนใจในสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ และเราก็รู้สึกตัวว่าวิศวะมันไม่ใช่ที่ของเรา เรามองไม่เห็นตัวเองในเส้นทางนี้เลยแม้แต่น้อย ความรู้สึกไร้ซึ่งแรงบันดาลใจ ไม่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ จากการต้องเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบทำให้ช่วงนั้นสุขภาพจิตเราแย่มากๆ หลังจากนั้น เราก็เริ่มรู้สึกโกรธตัวเองว่าทำไมเราถึงทรยศต่อความฝันที่อยากจะเป็นหมอ เรายังไม่ได้ทำให้เต็มที่เลย เราจะทิ้งคำตอบที่เราตอบผู้ใหญ่ทุกคนไปว่า 'เราอยากเป็นหมอ' ไปดื้อๆ แบบนี้จริงเหรอ อย่างน้อย ถ้าเราได้ทำเต็มที่แล้วมันไม่ติด เราจะไม่เสียใจเท่ากับการที่สอบไม่ติดเพราะเรายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เลย นึกย้อนกลับไปในชีวิตเราก็ยังคงรู้สึกว่าเราอยากเป็นหมดมากจริงๆ (ฟังประสบการณ์เส้นทางการตามหาตัวเองได้ที่นี่ คลิก) ด้วยความคิดด้านบน จึงทำให้เราเลือกที่จะลาออกมาทันทีที่จบเทอม 1 ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าเราจะสอบติดแพทย์มั้ย ส่วนนึงคือเรารู้ตัวดีว่าวิศวะไม่ใช่เส้นทางของเราจริงๆ ต่อให้คะแนนจะน้อยนิดแค่ไหนเราก็คงไม่คิดจะเรียนวิศวะอีก ซึ่งแน่นอนว่าทางเลือกนี้มันยากลำบากมากๆ ที่จะตัดสินใจ เพราะหากเราสอบไม่ติดแพทย์จริงๆ ชีวิตเราจะเคว้งมากๆ ไม่มีที่เรียน และกลายเป็นว่าต้องซิ่วมากถึง 2 ปี แต่เราก็ตัดสินใจออกมา และไม่เสียใจที่ตัดสินใจแบบนี้เลยค่ะ (จริงๆ ยังมีเรื่องของการชดใช้ทุนที่ต้องจ่ายคืนคณะหลักแสนบาทอีก ถ้าใครสนใจสามารถเข้าไปฟังในคลิปได้นะคะ) สุดท้ายนี้เราขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน เราว่าสิ่งสำคัญคือการหาตัวเองให้เจอ ตอบให้ได้ว่าเราอยากทำอะไรกันแน่ เพราะการต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้ชอบ ไม่ได้สนใจ มันทำให้ชีวิตเราหม่นหมอง และไร้ซึ่งแรงบรรดาลใจในการใช้ชีวิตเอามากๆ เลยจริงๆ เราไม่เคยมองว่าการซิ่วเป็นเรื่องไม่ดี กลับกัน เรารู้สึกว่าคนที่กล้าที่จะซิ่วออกมา เพราะคณะที่เรียนมันไม่ใช่ มันเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ชัด ว่าคุณเป็นคนที่จริงใจและเคารพต่อความฝันตัวเองเอามากๆ ขอเป็นกำลังใจให้เด็กซิ่วทุกคนได้เดินไปตามทางที่เลือกด้วยมือของตัวเองนะคะมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามเราได้ที : https://www.instagram.com/janyourdiary_/?hl=enคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการสอบเข้าเป็นแพทย์ รวบรวมอยู่ในเพลย์ลิสต์ "เส้นทางฟิตกว่าจะติดหมอ" ตรงนี้เลยนะคะ คลิก ช่องยูทูปของเราค่ะภาพที่ 1 จาก SIITภาพที่ 2 จาก sasint / Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !