ด้วยกระแสโลกาภิวัตน์ที่มากระทบกับโลกกับประเทศกับสังคมไทย ทำให้การ หันหน้าเข้าหากันการพบปะพูดคุยหรือแม้แต่การ สร้างความไมตรีต่อกัน น้อยลง สังคมการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมากขึ้น วัฒนธรรมเดิมๆที่สวยงามของประเทศไทยก็เริ่มจางหายลงไป การเข้าวัดทำบุญ ตักบาตรตอนเช้า หรือแม้แต่การให้ทาน ทำให้คนห่างเหินกันมากขึ้นในทุกวันนี้ถ้าพูดถึงเรื่องการทำบุญ คนอาจจะมองว่าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เนื่องจากว่า มีการทำบุญออนไลน์ แต่ในการทำบุญออนไลน์ทุกคน ได้เห็นว่าเงินตัวเองได้เข้าบัญชีวัดหรือเข้าบัญชีสถานที่ที่ตัวเองอยากเข้าทำบุญมากแค่ไหน ล่าสุดที่เราเจอมา แก้ปีชงวัดเล่งเน่ยยี่ ซึ่งทุกคนก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สถานที่หนึ่งที่ทุกคนไปแก้ปีชงก็คือวัดเล่งเน่ยยี่ ที่เยาวราช แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไร เว็บไซต์ที่เรากดไปเป็นเว็บไซต์จริงทุกวันนี้อะไรๆก็ออนไลน์ ในทฤษฎีออนไลน์ ทุกคนมองว่าโลกใกล้กันมากขึ้น ด้วยการเดินทางหากันได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นด้วยการเจอกันผ่านหน้าจอ เรามีไลฟ์สด เรามีวีดีโอคอล แต่สิ่งเหล่านี้บางครั้งระบบ AI ก็ทำให้เราสับสนได้นะคะเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เราได้มีโอกาส ได้ไปบวชชีพราหมณ์วัดใหม่สันติ สีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นการสร้างมิติใหม่ของเราเลยค่ะ ถามว่าเคยอยู่วัดไหมเคยนอนวัดไหม ตอบได้ค่ะว่าเคย แต่เป็นเข้าค่ายธรรมะตั้งแต่สมัยมัธยม แต่พอโตขึ้นมาเราก็ห่างวัดกันมากขึ้น ครั้งสุดท้ายที่นอนวัดน่าจะเป็น เข้าค่ายธรรมะตอนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่วัดปัญญานันทาราม แล้วก็นอนเรือนนอนเหมือนเล้าไก่ค่ะ สิ่งที่ห้ามคือโทรศัพท์มือถือ แต่ตอนนั้น ทุกคนก็จะมีของหลอก คือยื่นเครื่องนึงให้กับครู แล้วอีกเครื่องนึงเก็บไว้กับตัวเอง พอตอนกลางคืน หลังจากที่ปล่อยกับเรือนนอน ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปกันเล่น ในรูปที่ถ่ายออกมามีคนที่ไม่ได้อยู่ในเพื่อนเราด้วย นี่ไงเจอของดีกันค่ะ เลยทำให้ความรู้สึกการนอนวัดของผู้เขียนไม่ค่อยดี แต่เราก็เห็นเพื่อนๆ ที่เคยเรียนด้วยกันไปบวชชีพราหมณ์ กันอยู่ตลอดเวลา ครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่ของเราเลยค่ะขอเกิ่นก่อนนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจไปบวชชีพราหมณ์ในช่วงวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งจริงๆพระอาจารย์ได้ ทักให้บวชตั้งแต่ภายในเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่เนื่องจาก วัดที่จะไปบวช ในสัปดาห์นั้นได้ติดกันทอดกฐิน และทำให้ไม่มีที่นอน แก่งผู้มาบวช จึงเลื่อนมาอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งก่อนหน้าที่จะบวช พระอาจารย์ ที่เราไปทำบุญใน หลายๆวัดได้ทักทานให้บวชชีพราหมณ์ ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจบวชชีพราหมณ์เรามีความวิตกกังวลมาก กลัวมากค่ะ เราตัดสินใจมาบวชวัดนี้ด้วยเพื่อน และได้สอบถามข้อมูลจากพี่ๆที่รู้จัก พี่ๆแนะนำให้มาวัดนี้เลยค่ะ วัดนี้รับบวชชีพราหมณ์ตลอดทั้งปี อยากบวชวันไหนก็ได้ สึกวันไหนก็ได้ แต่ 1 ครั้งต่อการบวชจะต้องไม่เกิน 10 วันเรือนนอนที่นี่แยกผู้หญิงกับผู้ชายนะคะ ผู้ที่มาบวชสบายใจได้ค่ะ ถ้ามาเป็นครอบครัวจะขออยู่กุฏิก็ได้ แต่ แม่ชีไม่แนะนำ โดยเฉพาะอยู่คนเดียว เนื่องจากว่าแต่ละกุฏิอยู่ห่างไกลกันมาก และต้องขับรถมา มีพี่ท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ถ้าขออยู่กุฏิ พอขึ้นไปถึงกุฏิแล้ว ปิดห้องล็อคห้องใครมาเคาะประตูไม่ต้องเปิด เปิดอีกทีคือตี 3 เลยแล้วขับรถลงมาที่ศาลาเพื่อมาทำวัตรเช้าที่นี่เวลาเขาแน่นอนมากนะคะ เช้าแม่ชีจะปลุกเราประมาณตี 3:30 น. อารมณ์เหมือนอยู่ประจำโรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์เลยค่ะ มีเสียงปลุกเช้า ที่โรงเรียนจะเป็นอ๊อด แต่ที่นี่เสียงระฆัง แล้วแม่ชีก็เดินมาปลุกมห้ทุกคนเปิดไฟในเรือนนอน แล้วให้เราล้างหน้า แต่งตัว เข้าศาลา นั่งสมาธิก่อน ประมาณตี 4:30 น. จะเริ่มสวดมนต์ทำวัตรเช้าทำวัตรเช้าเสร็จก็จะทานอาหารเช้าประมาณ 6:00 น อาหารมื้อเช้าก็จะเป็นข้าวต้มเจ ชา กาแฟ ขนมที่ได้จากที่พระออกบิณฑบาต แล้วหลังจากนั้นก็จะต้องไป กวาดศาลา กวาดลานวัด ทำความสะอาดห้องน้ำ แล้วเตรียมใส่บาตร เคารพธงชาติ และเข้าศาลาเพื่อถวายสังฆทาน หลังจากนั้นเวลาประมาณ 10:00 น ก็จะเป็นเวลากรรมฐาน หรือที่นั่นเรียกวิชากรรมฐาน ซึ่งที่เราไปอยู่ มีวันนึง ให้ไป เข้าป่าไปถางป่า เพื่อเป็นสถานที่ให้พระ จะมาปริวาส ปักกลดกรรมฐาน เราชอบนะแบบนี้ กวาดลานวัดตัดกิ่งไม้ ล้างห้องน้ำ แม่ชีไม่ได้บังคับทำนะคะคือใครเต็มใจทำก็ทำไม่เต็มใจทำก็นั่ง เพราะศักยภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราชอบแบบนี้มากกว่านั่งกรรมฐานเวลา 11:00 น เป็นเวลาทานข้าวกลางวัน ที่นี่เขาจะวางอาหารให้ติดป้ายของผู้ถือศีล 8 ผู้ถือศีล 8 จะได้เป็นคนตักอาหารก่อน แล้วถึงจะเป็นผู้ถือศีล 5 ค่ะ อาหารที่นี่จะเป็นอาหารเจแล้วมังสวิรัติจะไม่มีเนื้อสัตว์แต่จะมีไข่เป็นส่วนประกอบในการทำกับข้าวนะคะ ซึ่งของที่นำมาทำก็จะเป็นวัตถุดิบที่จากแต่ละท่านซื้อสังฆทานมาถวายพระแล้วพระท่านจะเอามาเข้าโรงครัวเพื่อปรุงอาหาร อาหารอร่อย คนที่ทานอาหารเจไม่ได้ มาวันนี้เราเชื่อว่า ทานเจกันเป็นทุกท่านค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆไม่อิ่มหรือเลยมื้ออาหาร จะไปซื้อ ของที่สหกรณ์ และร้านคาเฟ่ ของทางวัดก็มีนะคะตอนช่วงที่เราไปบวช พี่คนที่นอนข้างเรา น่ารักมากเลยค่ะ เทคแคร์ดูแล พี่เขาบวช 9 วันค่ะเข้าก่อนเราอีก แต่สึกพร้อมเรา พี่เขาเล่าให้ฟังว่า พี่เคยมาบวชชีที่นี่ และเมื่อมีโอกาสก็จะกลับมาบวชชีพราหมณ์เรื่อยๆ วัดนี้สงบ ร่มเย็น เราเชื่อว่าทุกคนอยู่ได้ค่ะก่อนกลับเพื่อนเราบอกว่าให้ไปหากุฏิย่าโมแล้วกราบท่านด้วย กุฏิย่าโมอยู่ใกล้ๆกับที่เราไปทำความสะอาดลาน ที่พักจะมาปริวาส แต่ตอนที่ไปทำความสะอาดเราไม่รู้ พอเสร็จแล้ว จึงถามแม่ชี แม่ชีน่ารักมากเลยค่ะทุกท่าน ให้ยืมมอเตอร์ไซค์ขี่ขึ้นไปด้วย ที่สำคัญยังแนะนำให้เราไหว้เจ้าแม่กวนอิมด้วยแหละ ถึงบางอ้อเลยจ้า ทำไมวัดนี้ถึงทำอาหารเจ เนื่องจากมีรูปปั้นเจ้แม่กวนอิมอยู่หลายจุดค่ะ และในการสวดมนต์ ยังมีบทสวดเจ้าแม่กวนอิม ถึงจะเป็นบทเดียว แต่เป็นบทที่เราสวดได้นะคะ "นำมอ ไต่ซือ ไต่ปุย...) ดีนะเคยสวด😍อ่อ...อีกหนึ่งสิ่ง วัดนี้นิยมอาบน้ำ ซักผ้าครั้งเดียว เวลา 16:00 น. เนื่องจากที่นี่ใช้วิธีปั่นน้ำขึ้นมาใช้ ทำให้ระหว่างวันน้ำอาจไม่เพียงพอ แต่ด้วยความที่เป็นวัดที่มีต้นไม้สูงใหญ่ จำนวนมาก ทำให้ไม่ร้อน แต่อาบน้ำครั้งเดียว สิ่งนี้เรายังทำไม่ได้ ดังนั้นในตอนเช้าที่ตื่นก่อนทำวัตรเช้า เราก็เข้าอาบน้ำตั้งแต่ตี 3 (ตื่นก่อนแม่ชีมาปลุก) สุดท้ายวันนี้แม่ชีทุกท่านน่ารัก เป็นกัลยาณมิตรมาก ถึงแม้บางท่านจะดุ จะระเบียบไปนิดค่ะ เพื่อนท่านใดเคยมีประสบการณ์บวชชีพราหมณ์ที่ไหนหรือวัดนี้ แชร์กันได้นะคะรูปปกและรูปประกอบ ถ่ายและจัดทำโดยผู้เขียนพิกัด วัดใหม่สันติ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !