อื่นๆ
ประสบการณ์ของ "สาวออฟฟิศ" ที่คิดเปลี่ยน !!
สวัสดีค่ะทุกคนเราเป็นเด็กบ้านนอกที่เข้ามาศึกษาในเมื่องกรุงค่ะ แล้วได้ต่อยอดทำงานที่เมืองกรุงหรือที่คนเรียกกันว่า กทม. ทำงานมาเป็นเวลาสิบกว่าปีค่ะ และตอนนี้ชีวิตก็เข้าเลข 3 แล้วยิ่งพูดก็เศร้ากับตัวเลขอายุที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเราเจอเหตุการการทำงานมาหลายรูปแบบทั้งดี ทั้งร้าย ทั้งทำให้ตื่นเต้นและเสียน้ำตา แต่ถ้าจะเอามาเล่าประวัติทั้งหมดเลยคงไม่ได้เลยขอเลือกเล่าแค่ออฟฟิศที่ใช้ชีวิตเป็นพนักงานประจำอยู่ทุกๆวันละกันนะคะ
เราทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำงานด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วละค่ะ ประสบการณ์ที่จะเล่าคือ เราเป็นพนักออฟฟิศที่ ทำงานแต่เช้า กลับบ้านค่ำๆหน่อย เพราะรถติด เราได้เจอกับสภาพแวดล้อมที่มันเปลี่ยนไปตามสถานที่ทำงานค่ะที่ๆมีผู้คนต่างพ่อต่างแม่มารวมตัวกัน ต่างก็มีนิสัยและจิตใจต่างกันคงเหมือนที่เขาว่ากันว่า ร้อยพ่อพันแม่แหละค่ะ การทำงานปัจจุบันที่เราอยู่เราได้เจอคนมากมายเลยในแต่ละวันเพราะงานที่เราทำต้องพูดคุยตลอดเวลา จึงได้รู้ว่าทุกคนล้วนมีความต่าง
Advertisement
Advertisement
เมื่อก่อนเราคิดว่าเราเป็นคนนิสัย ตรงๆง่ายๆเข้าได้กับทุกคนค่ะแต่แล้ววันหนึ่งก็มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาเปลี่ยนความเป็นเราค่ะ เปลี่ยนความคิดที่เข้าข้างตัวเองของเรา คนๆนั้นก็คือหัวหน้าของเราค่ะ เรื่องคือเรามาทำงานที่นี้ได้สักพัก เราก็เริ่มมีปัญหากับหัวหน้าค่ะ หัวหน้าเราแกเป็นคนตรงๆแมนๆแหละค่ะ และหัวหน้าชอบบอกว่าเราชอบเถียง เป็นเรื่องที่เราไม่โอเคๆมากในตอนนั้นนะคะคิดในใจผู้ชายคนนี้ไม่น่ารักมากๆ เราเถียงตรงไหน เอาปากกามาวง 5555 เราแอบคิดในใจเท่านั้นนะคะ คิดและแสดงออกทางสีหน้าค่ะ เพราะเราคิดว่าเราเป็นคนตรงๆเป็นคนง่ายๆนี้แหละค่ะที่ทำให้เรารู้ว่ามันไม่จริงเราไม่ใช่คนตรง ไม่ใช่คนง่ายๆเราแค่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเท่านั้นค่ะนั้นคือความจริง เราจะไม่พอใจเวลาหัวหน้าสั่งให้เราแก้ไขงานเราจะมีคำถามกับไปที่หัวหน้าตลอดว่าทำไม…..จนรู้สึกได้ว่าช่วงนั้นหัวหน้าก็ไม่ไหวกับเราแล้ว เช่นกัน เราเหนื่อยใจทุกวันที่จะต้องตื่นเช้าไปทำงานแล้วเจอกับหัวหน้าที่เข้ากันไม่ค่อยได้มันไม่แฮปปี้เลยค่ะทุกคน เราได้แต่บ่นกับแม่ทุกวันค่ะว่าทำไมหัวหน้าต้องทำอย่างนั้นเราไม่เข้าใจแต่พอแม่ได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับหัวหน้าบ่อยเข้า แม่ก็พูดกับเราว่า “ถ้าเราเปลี่ยนเขาไม่ได้เราก็ควรเปลี่ยนตัวเอง” หยุดคิดเลยค่ะตอนนั้นแล้วลองกับมาคิดทบทวนสิ่งที่แม่พูดและช่วงนั้นบวกกับฟังธรรมะเพื่อขัดเกลาใจอยู่ตลอดเวลาค่ะ เราฉุดคิดขึ้นได้ว่าทำไมเราถึงตั้งคำถามที่ไม่รู้ว่าใครจะตอบให้ได้ แล้วทำไมเราไม่ลองถามตัวเองว่าเราบกพร่องตรงไหนหัวหน้าถึงได้บอกให้เราทำอย่างนั้นมันเป็นผลดีต่อเราไหม หรือเขาประสงค์ร้ายต่อเรากันนะ ถึงบางอ้อเลยค่ะที่ผ่านมาเราถกเถียงกับหัวหน้าเพราะเราต้องการอะไรแล้วสิ่งที่เราได้มาคืออะไรเรารู้แล้วว่าการถกเถียงให้ตัวเองชนะสิ่งที่ได้มาคือความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ค่ะ และสิ่งที่ทุกคนจะเห็นตอนนั้นก็คือเด็กก้าวร้าวคนหนึ่ง เท่านั้น
Advertisement
Advertisement
หลักจากตกตะกอนความคิดของตัวเองได้เราก็เปลี่ยนค่ะ เปลี่ยนเป็นเราคนใหม่ เปลี่ยนจากการคิดตั้งคำถามว่าทำไมเป็นการถามมาว่าเราทำผิดแล้วยังมีคนคอยบอกถือว่าเราโชคดี เราควรปรับปรุงให้ดีขึ้น หลังจากนั้นการทำงานในปีที่ 2 และจนถึงปัจจุบันเราก็เลือกที่จะพูดให้น้อยลงรับฟังให้มากขึ้น ขัดหัวหน้าน้อยลงมากๆแล้วค่ะไม่ใช่เพราะอยากเอาใจหรือประจบนะคะ แต่เพราะเรารู้แล้วว่าการถกถียงเพื่อเอาชนะ ไม่มีวันชนะค่ะ
ทุกวันนี้เราก็เป็นพนักงานออฟฟิศที่เข้าใจสังคมออฟฟิศและการใช้ชีวิตมากขึ้น ขอบคุณประสบการณ์ที่ดีที่ได้ประสบพบเจอทำให้ได้เรียนรู้ว่าเราควรมองมาที่ตัวเราก่อนไปมองที่คนอื่น ผิดก็แก้ไขทุกคนผิดพลาดได้ค่ะ แต่ต้องยอมรับความผิดพลาดให้ได้ด้วย อย่ารู้ตัวเมื่อตอนที่สายไปแล้วเพราะถึงตอนนั้นเราอาจจะไม่เหลือใครเลยนะคะ ^^ ขอให้ทุกคคนมีความสุขกับการทำงานของตัวเองนะคะ : )
Advertisement
Advertisement
ภาพทั้งหมดโดย JIRA ผู้เขียน
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
พาตัวเองออกมาจากความคิดที่คิดว่าอยากจะทำแล้วเปลี่ยนมาเป็นลงมือทำ 😊
ความคิดเห็น