สุขภาพที่ดีคือสิ่งที่ทุก ๆ คนอยากมีแน่นอนอยู่แล้ว จริงไหมคะ? แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงเหมือนที่หวัง ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีโรคประจำตัว ถึงจะไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรงอะไรมาก แต่โอกาสการเสียชีวิตก็มีเช่นกันค่ะ หลายคนน่าจะรู้จักดี "โรคหอบหืด" เผื่อหลายคนยังไม่รู้จักดี เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันก่อน โรคหอบหืด เป็นเหมือนภูมิแพ้ค่ะ แต่ละคนอาจจะมีสิ่งที่แพ้แตกต่างกันออกไป เช่น เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ควันรถหรือควันบุหรี่ หรือสภาพอากาศที่แปรปรวน นอกจากนี้อาการด้านจิตใจก็มีผลนะคะ อาการหอบที่กำเริบอาจเกิดจากความเครียด ความกลัวหรือตกใจ และอาการซึมเศร้า อาการแพ้จะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง ทำให้หลอดลมอักเสบและเกิดอาหารหดตัว ทำให้หลอดลมตีบ รวมถึงสร้างเมือกมากีดขวางหลอดลม ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบากค่ะ เมื่ออาการกำเริบจะเริ่มไอ หายใจเหนื่อยหอบ เจ็บแน่นหน้าอก ขอบอกว่าทรมานสุด ๆ เลยค่ะ ผู้เขียนป่วยเป็นโรคหอบหืดตั้งแต่เด็ก หมอบอกว่าน่าจะเกิดจากกรรมพันธ์ุ เพราะคุณแม่ของผู้เขียนเองก็เป็นเช่นกัน ผู้เขียนมีอาการหอบหืดกำเริบครั้งแรกตอนอายุประมาณ 6 ขวบค่ะ จำได้ว่าครั้งแรกเป็นอะไรที่ทรมานมาก ๆ คิดว่าตัวเองจะตายซะแล้ว😅 สาเหตุเกิดจากการเล่นกีฬาในคาบพละช่วงบ่าย ที่โรงเรียนจนเหนื่อยเกินไป จนกลับไปถึงบ้านตอนเย็นก็ยังไม่หายเหนื่อย อาการเหนื่อยจะเหมือนหายใจลำบาก แน่นหน้าอก เหมือนหายใจไม่ได้ทั้ง ๆ ที่จมูกก็โล่ง แต่รู้สึกเหมือนจะขาดใจยังไงยังงั้นเลยค่ะ พอถึงโรงพยาบาลคุณหมอก็ให้พ่นยาขยายหลอดลม จนอาการดีขึ้น แต่ต้องนอนดูอาการที่โรงพยาบาล ต้องพ่นยาและฉีดยาทุก ๆ 4 ชั่วโมง เป็นอะไรที่ทรมานสุด ๆ หลังจากนั้นผู้เขียนก็เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เมื่อมีอาการครั้งแรกแล้ว ต่อมาอาการก็กำเริบง่ายมาก แค่เจอฝุ่นหรือควันนิดหน่อยก็เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบแล้วค่ะ ยิ่งช่วงหน้าหนาว อาการกำเริบทุกคืน เวลาเดิม ๆ ประมาณตี 1 ถึง ตี 3 นี่ประจำเลย ดีที่คุณหมอให้ยาพ่นขยายหลอดลมแบบพกพามาใช้ ทำให้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลบ่อย ๆ แล้ว ผู้เขียนจำได้เลยว่าช่วงประถมและมัธยมต้น ผู้เขียนแทบไม่ได้เรียนพละเหมือนเพื่อน ๆ เล่นได้แต่กีฬาเบา ๆ ทัศนะศึกษาไกล ๆ ก็อดไปตามระเบียบค่ะ 😅 ผู้เขียนจะใช้ยาตัวนี้พ่นเวลามีอาการค่ะ ชื่อยา Ventolin ซื้อได้จากร้านยาทั่วไป แต่ต้องซื้อกับเภสัชกรนะคะ ผู้เขียนซื้อมา 250 บาท ราคาอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละร้านค่ะ ปัจจุบันนี้ผู้เขียนไม่มีอาการหอบหืดกำเริบมาเกือบ 4 ปีแล้ว ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ อาจจะมีหายใจเหนื่อยหอบบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นต้องใช้ยา ไม่ใช่ว่าจะหายจากโรคเลยนะคะ คุณหมอบอกว่าอาการจะไม่กำเริบช่วงอายุประมาณ 18-40 ปี (ในบางคนและอาจจะคลาดเคลื่อนไปจากนี้) เพราะช่วงนี้ภูมิคุ้มกันร่างกายมีมากพอที่จะทำให้ไม่เกิดการกำเริบ แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็จะมีอาการกลับมาอีก ต้องคอยออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอด้วยค่ะ ทำอย่างไรให้อาการหอบหืดไม่กำเริบ? สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ต้องคอยสังเกตตัวเองเยอะ ๆ นะคะ เพราะสาเหตุของอาการในแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะแพ้สิ่งเร้าภายนอก บางคนก็เกิดจากอาการในจิตใจ ผู้เขียนจะรวบรวมวิธีการดูแลตัวเองและวิธีป้องกันไม่ให้อาการกำเริบให้นะคะ พยายามหลีกเลี่ยงที่แออัด ที่ที่มีฝุ่นควันเยอะ อย่างควันรถ ควันบุหรี่ หรือควันไฟ ถ้าแพ้ขนสัตว์ พยายามอย่าจับหรืออยู่ใกล้สัตว์ที่มีขนหนาและขนเบาบาง เช่น แมว กระต่าย บางคนอาจแพ้อาหารทะเล หรืออาหารพวกแป้งสาลีหรือนม ต้องคอยสังเกตตัวเองมาก ๆ ช่วงรอยต่อของฤดู อากาศเปลี่ยนแปลง พยายามอย่าให้ตัวเองเป็นหวัด อย่าตากฝน และทำร่างกายให้อบอุ่นตลอดเวลา สามารถออกกำลังกายได้ แต่ต้องมีขีดจำกัด ทั้งประเภทกีฬา ระยะเวลาและสถานที่ กีฬาควรจะเป็นกีฬาเบา ๆ ไม่เครียดหรือมีการแข่งขันสูง ที่สำคัญที่สุด ต้องประเมินตัวเองให้ได้นะคะ อาการขนาดไหนควรใช้ยา ขนาดไหนควรไปโรงพยาบาล อย่าคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก โอกาสการเสียชีวิตจากโรคก็มีไม่น้อยเลยนะคะ โรคหอบหืด ถึงแม้จะเป็นโรคเรื้อรัง รักษาให้หายขาดได้ยากมาก แต่ถ้าเราดูแลตัวเองดี ๆ เราก็สามารถใช้ชีวิตอยู่กัยมันได้อย่างปกติและมีความสุขได้นะคะ อย่างคุณแม่ของผู้เขียน ท่านอายุจะ 60 ปีแล้ว อาการหอบหืดกำเริบแทบจะไม่มีเลยค่ะ สุขภาพของเราต้องดูแลให้ดีนะคะ ขอให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดและทุก ๆ คนแข็งแรงตลอดไปค่าา 😊 ภาพประกอบโดยผู้เขียนและจาก Pixabay ภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 โดยผู้เขียน / ภาพที่ 4 (1,2,3,4)