ว่าด้วยเรื่องของสิวใครก็ไม่อยากมี ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนๆก็ตาม สิวเป็นปัญหาหลักของใครหลายๆคน ซึ่งบางทีสิวก็เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของเรา และอาจเกิดขึ้นจากฮอร์โมน เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นสิวได้ เเต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเป็นสิวไปตลอด เราสามารถรักษาให้หายได้ แต่การรักษาก็ต้องรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องเเละเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเราเอง การเป็นสิวสำหรับบางคน ทำให้หมดความมั่นใจไปเลย เพราะไม่ว่าจะรักษายังไง หมดเงินกับการรักษาสิวไปไม่รู้เท่าไหร่ ก็ยังไม่สามารถรักษาสิวได้ประสบการณ์เป็นสิว จากประสบการณ์การเป็นสิวของดิฉัน เป็นสิวตอนม.4 เริ่มจากการใช้โฟมล้างหน้า และน้ำที่ใช้ล้างหน้า น้ำที่อยู่หอพัก เเล้วเกิดอาการเเพ้ ทำให้สิวขึ้นบริเวณหน้าผากหนักมาก ด้วยความที่เสียดายโฟมเพราะซื้อมาเเพงเลยลองใช้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าเเพ้โฟมล้างหน้าชัวร์ เมื่อรู้ว่าเราเเพ้ ควรเลิกใช้ไม่ว่าโฟมล้างหน้านั้น จะแพงเเค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าเป็นสิวเเล้วเรายิ่งจะเครียดกว่าราคาโฟมอีก หลังจากเเพ้โฟมล้างหน้า ก็ทำให้สิวขึ้นไม่หยุด พอมีสิวขึ้นก็ทั้งบีบ ทั้งกด เลยทำให้เกิดรอยสิวขึ้น รอยสิวจากน้อยๆเริ่มเยอะมากขึ้น หลังจากที่รู้สึกว่าหน้ามีรอยสิวเพิ่มขึ้น หายช้า ตอนนั้นรู้สึกเครียดมากๆ เพราะเป็นคนที่เป็นสิวได้ยากมาก พอได้เป็นก็เป็นเยอะ เป็นนานกว่าจะหาย จึงตัดสินใจเลิกใช้ โฟมล้างหน้า เเละครีมบำรุงหน้าต่างๆ พร้อมกับการใช้น้ำที่ซื้อในร้านค้า มาล้างหน้า ทำแบบนี้ประมาณ 3 วัน หลังจากผ่านไปเป็นเวลา 3 วัน ก็เริ่มบำรุงผิวอีกครั้ง ช่วงที่ดูแลรักษาหน้าของดิฉัน 1.ก่อนล้างหน้าในทุกๆวันจะใช้สำลีชุบคลีนซิ่งลบกันเเดด ลบรองพื้น ให้หน้าสะอาด 2.เลือกใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว ล้างหน้าให้สะอาดที่สุด (ล้างหน้าด้วยวิธีที่ถูกต้อง) 3.หลังจากล้างด้วยน้ำสะอาด ก็จะใช้น้ำเย็นล้าง น้ำเย็น จะช่วยลดการอักเสบของสิว เเละช่วยลดรอยเเดงจากสิวได้ (หากวันไหนที่มีเวลามากๆก็จะใช้เป็นน้ำเเข็ง ถูบริเวณผิวหน้าด้วย น้ำเเข็งที่ใช้ต้องเป็นน้ำที่เราใช้ดื่มจะได้สะอาด เเล้วล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง) 4.หลังจากล้างหน้าเสร็จก็จะลงบำรุงผิวหน้า ให้ผิวชุ่มชื่น เลือกเป็นเจลส้ม เจลว่านหางจระเข้ ในเซเว่น 5.ใช้ยาลดรอยเเผลเป็นของ Smooth e แต้มบริเวณรอยสิว รอยสิวจะค่อยๆจางลง แต่ก็ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร 6.เวลามีสิวขึ้นจะใช้เป็น clinda m เเต้มบริเวณหัวสิว 7.ในทุกๆวันจะต้องทากันเเดด จะเป็นของ Nivea เพราะกันเเดดจำเป็นมากๆ รอยสิวจะหายเเละจางได้เร็วขึ้นถ้าโดนเเดดน้อย หรือไม่โดนเเดดเลย ถ้ายิ่งโดนเเสงเเดดยิ่งทำให้รอยสิวจางได้ยากมากขึ้น 8.ดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยทำให้ผิวดีขึ้น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 9.ออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายได้ใช้พลังงาน และทำให้รู้สึกสดชื่น 10.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ 8 ชม.ต่อวัน ไม่นอนดึก 11.เมื่อสิวขึ้นห้ามใช้มือจับบริเวณสิวบ่อย เพราะจะทำให้สิวอักเสบ ไม่ควรบีบกดสิวเพราะจะทำให้ผิวบริเวณนั้นช้ำ รอยสิวใหญ่ขึ้นเเละรักษายากขึ้นกว่าเดิม 12.ทำความสะอาดที่นอน โดยเฉพาะปอกหมอน ซักให้สะอาด เพราะบางทีที่สิวไม่หายสักทีอาจเกิดจากการเเพ้ฝุ่น จากที่นอน ผ้าห่มและปอกหมอนด้วย เมื่อเราได้ใช้ผลิตภัณฑ์ ตัวไหนเเล้วก็ตามทำให้ไม่เกิดการเเพ้เหมาะสมกับผิวหน้าเเล้ว เราไม่ควรเปลี่ยนไปใช้เเบบอื่นๆไปเรื่อย ๆหรือใช้หลายๆอย่างพร้อมกัน เมื่อผิวของเราเเพ้จะทำให้เราไม่รู้ว่าเเพ้จากผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง ระยะเวลาในการลดรอยสิวถ้ามีตัวช่วยก็นเริ่มเห็นผลจาก 2 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยในการรักษารอยสิวก็จะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน กว่ารอยสิวจะจางหายไป แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจะหายไปเลย และที่สำคัญคือเราไม่ควรคิดมากจนทำให้เกิดความเครียด ค่อยๆรักษาไปเรื่อยๆใช้เวลาอาจจะค่อนข้างนานเเต่ก็เห็นผลดีเเน่นอน ขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Canva ข้อมูลทั้งหมดจาก ผู้เขียนอ่านรีวิวไอเทมเด็ด ๆ เกี่ยวกับความสวย ได้ที่นี่ App TRUEID โหลดฟรี !