เด็กคนหนึ่งนั่งเขียนอักษรคันจิ อยู่ริมระเบียงหน้าบ้าน แต่เมื่อสังเกตให้ดีแล้ว ตัวอักษรที่เขียนนั้นไม่ใช่อักษรคันจิแม้แต่น้อย เพราะนั่นคืออักษรฮันกึลที่ใช้เขียนภาษาเกาหลี เพื่อนๆ จะเห็นป้ายต่างๆที่เขียนด้วยอักษรภาษาเกาหลีเกือบทุกที่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย หมู่บ้านแห่งนี้ชื่อว่า หมู่บ้านการ์ยาบารู บนเกาะบูตน จังหวัดสุลาเวสีเต็งการา ประเทศอินโดนีเซีย จากเมืองเบาเบาเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งนี้มุ่งหน้าสู่ตะวันออกเป็นระยะทาง 20 กิโลเมตร มีประชากรที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ประมาณ 80,000 คน ซึ่งเป็นชาวเจียเจีย ชาวบ้านที่นี่ ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ มีความคล่องแคล่วในการเขียนด้วยตัวอักษรเกาหลีเป็นอย่างดี เพื่อนๆ จะเห็นป้ายบอกทางต่างๆที่เขียนด้วยอักษรเกาหลีแทบทุกที่ในหมู่บ้านแห่งนี้ บนป้ายบอกทางต่างๆจะเขียนเป็นอักษรละตินและจะมีอักษรเกาหลีตามมาด้วยเสมอ ชาวเจียเจียแทบทุกครัวเรือนจะใช้อักษรฮันกึลในการเขียนภาษาของตนเอง โรงเรียนที่หมู่บ้านแห่งนี้จะมีการเรียนการสอนการเขียนอักษรฮันกึล และเปิดสอนภาษาเกาหลีให้แก่เด็กมัธยม การเขียนในลักษณะนี้เกิดขึ้นช่วงแรกเริ่มปี 2000 ซึ่งนายกเทศมนตรี MZ. Amirul Tamin ท่านได้ดำรงตำแหน่งในสมัยนั้น ท่านต้องการอนุรักษณ์ภาษาท้องถิ่นให้อยู่คงตลอดไป เพราะในปัจจุบันนี้ภาษาถิ่นในทุกส่วนของอินโดนีเซียเริ่มจะสูญหายไปตามกาลเวลา เหตุผลหลักก็คือชาวเจียเจียไม่มีระบบการเขียนในภาษาของตัวเอง จนถูกกลืนไปกับภาษาหลักของประเทศนี้ไป นายกเทศมนตรี Amirul ท่านเริ่มตระหนักเรื่องภาษาของชาวเจียเจียที่ไม่มีระบบการเขียนเป็นของตัวเอง ท่านคิดว่าถ้าภาษาเจียเจียไม่มีระบบการเขียนแบบนี้ อีกต่อไปภาษานี้ก็อาจจะสูญหายไปได้ ด้วยเหตุนี้เองทางหน่วยงานของเมืองเบาเบา ได้สรรหาอักษรที่เข้ากับภาษาเจียเจีย ในเริ่มแรกระดมความคิดว่าจะใช้อักษรอาหรับเหมือนกับภาษาโวลีโย ( ภาษาส่วนใหญ่บนเกาะบูตน ) จากการวิเคราะห์แล้วอักษรอาหรับบางตัวไม่สามารถเทียบเสียงภาษาเจียเจียได้ ในปี 2005 มีการทำงานร่วมกันกับ Masyarakat Pernaskahan Nusantara (Manassa) และมีการจัดประชุมสัมมนาเกี่ยวกับทรัพยากรสารสนเทศ ณ เมืองเบาเบา. ในการประชุมครั้งนั้นมีศาสตราจารย์ชุนเทฮยุน จากเกาหลีใต้ ท่านได้ฟังบรรยายแล้วรู้สึกสนใจเกี่ยวกับความหลากหลายของภาษาและประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นบนเกาะบูตนแห่งนี้ ศาสตราจารย์ชุนเทฮยุน ใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับชาวเจียเจีย ซึ่งในตอนนั้นไม่มีระบบการเขียนเป็นของตัวเอง ท่านมองว่าภาษาเจียเจียมีระบบการออกเสียงและโครงสร้างภาษาคล้ายกับภาษาเกาหลี สามปีต่อมา มีองค์กรทางด้านสังคมจากเกาหลีใต้ ชื่อว่า Hunminjeongeum Research Institute เดินทางมายังเกาะบูตนโดยการชักชวนของศาสตราจารย์ชุนเทฮยุน ทางด้านองค์กรเริ่มทำการเผยแพร่การใช้อักษรฮันกึลแก่ชุมชนชาวเจียเจียซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้นองค์กรจากเกาหลีใต้นี้ ได้ทำงานร่วมกันกับหน่วยงานท้องถิ่นในการทำสื่อการเรียนการสอนภาษาเจียเจียในรูปแบบการเขียนอักษรฮันกึล ได้เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษา ตั้งแต่นั้นชื่อเจียเจียได้เป็นที่รู้จักในสากล ในประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเดินทางข้ามทวีปไปถึงอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาอีกด้วย จากการพัฒนาอักษรฮันกึลให้เข้ากับภาษาเจียเจียนั้น ทำให้ปัจจุบันนี้มีการแปลเอกสารภาษาเจียเจีย ไปเป็นสามภาษา ได้แก่ ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาเกาหลี และภาษาอังกฤษ จากความพยายามดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ชาวเจียเจียในการใช้ตัวอักษรเกาหลีนั้น นักเรียน ครู แม้กระทั่งหน่วยงานในเมืองเบาเบา ได้รับเชิญไปประเทศเกาหลี เพื่อเป็นประจักษ์ว่าภาษาเจียเจียได้ใช้อักษรฮันกึลในการเขียนเอกสารในภาษาเจียเจียแล้ว หลังจากนั้นครูจากเกาหลีใต้ได้ถูกส่งมาสอนหลักการเขียนอักษรฮันกึลให้แก่ชุมชน ขอขอบคุณรูปภาพหน้าปกจาก : https://www.pexels.com/th-th/photo/2166553/ขอบขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก : รูปภาพประกอบที่ 1, รูปภาพประกอบที่ 2, รูปภาพประกอบที่ 3เพจบน Blockdit เป็นของเจ้าของบทความ : https://www.blockdit.com/articles/5ecf5d6e36ef9147b1ee5904