เคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ทำไมใบไม้ถึงเปลี่ยนสีแล้วก็ร่วงลงพื้น⁉️ทำไมต้องร่วงตอนหน้าหนาว⁉️🤔 แล้วทำไมต้นไม้ไม่ตาย⁉️ทั้งหมดเกี่ยวกับปรากฏการณ์การเปลี่ยนสีของใบไม้ (fall color หรือ autumn color) ปกติเราจะสังเกตเห็นใบไม้มีสีเขียวเกือบจะตลอดทั้งปี สีเขียวที่เราเห็นเรียกว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) แต่อยู่ๆ เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวกลับเริ่มเห็นใบไม้เปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีเหลือง นั่นคือ แซนโทรฟิลล์ (Xanthophylls) และไม่นานหลังจากนั้นก็จะเห็นใบไม้เริ่มมีสีส้มจากแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) และก่อนจะร่วงลงสู่พื้นใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงจนถึงสีน้ำตาลในที่สุดจากแอนโทรไซยานิน (Antrocyanins) เมื่อเรามองไปโดยรอบก็จะดูสวยงามไปอีกแบบ แต่นี่คือความมหัศจรรย์ของกลไกทางธรรมชาติที่สามารถลอกเลียนแบบได้ยาก ถึงขนาดที่ว่าแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งดึงเอาปรากฏการณ์นี้มาเป็นจุดขายและนักท่องเที่ยวก็ประทับใจกับภาพที่เกิดขึ้นอย่างมาก ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นและเห็นได้ชัดในต้นไม้ชนิดผลัดใบ เช่น ทองกวาว ต้นแดง กระถิน เป็นต้น ในช่วงฤดูก่อนที่ใบไม้จะเปลี่ยนสี ต้นไม้จะทำการเก็บสะสมอาหารไว้ โดยการสังเคราะห์แสงโดยมีคลอโรฟิลล์ เพื่อการเจริญเติบโตของต้นไม้เองและในขณะเดียวกันก็เป็นการเก็บกักตุนสารอาหารและน้ำในช่วงก่อนจะเกิดการเปลี่ยนสีของใบไม้ ซึ่งจะส่งผลทำให้การสร้างอาหารและดูดซึมน้ำได้น้อยลง พอเข้าฤดูใบไม้ร่วง แสงแดดจะเริ่มลดน้อยลง เพราะมีช่วงกลางวันที่สั้น น้ำก็น้อยลง อุณหภูมิที่ลดลง เมื่ออุณหภูมิลดลงคลอโรฟิลล์จะผลิตได้น้อยลง ในขณะที่ของเดิมที่มีอยู่ก็ค่อยๆ สลายไป ดังนั้นในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเริ่มหยุดการผลิตอาหารและจะดึงเอาอาหารที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้มาใช้แทน โดยเราจะเริ่มเห็นใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีเหลืองสีส้มสีแดงจนกระทั่งเป็นสีน้ำตาลและค่อยๆ ร่วงจนเหลือแต่ลำต้นและกิ่งตามลำดับ หลังจากนั้นต้นไม้จะสังเคราะห์แสงเท่าที่เป็นไปได้โดยอาศัยคลอโรฟิลล์บางส่วนที่มีในลำต้น เพื่อให้ผ่านพ้นฤดูหนาวและเข้าสู่ฤดูถัดไป การผลัดใบของต้นไม้ คือ การประหยัดพลังงานในช่วงที่มีทรัพยากรขาดแคลนทั้งน้ำและแสงแดด ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการสังเคราะห์แสง จริงๆ แล้วมนุษย์เราก็มีโหมดประหยัดพลังงานเหมือนต้นไม้ นั่นก็คือช่วงที่เรานอนหลับพักผ่อนในตอนกลางคืน