สวัสดีครับเพื่อนวันนนี้เราจะพาทุกคนมุ่งหน้าไปยังลาวใต้กัน ซึ่งแน่นนอนว่าคงหนึไม่พ้นสถานที่สุดยอดฮิตนั้นคือ "ปราสาทหินวัดพู" นั่นเอง เมื่อเราไปถึงก็จะพบกับบรรยากาศที่แบบว่าทุ่งหญ้าสีเขียว และอากาศเย็นนิด ๆ ซึ่งช่วงนั้นที่ผมไปเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนั้นเอง บอกได้เลยว่าอากาศดีมาก ๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็ไม่ค่อยเยอะมาก เข้าเรื่องกันเลย!!! ตามประวัติ ปราสาทวัดพู เป็นโบราณสถานในประเทศลาว ซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว เป็นโบสถ์พราหมณ์ที่สร้างถวายพระศิวะ ตั้งอยู่บนเนินเขาภู หรือเรียกกันว่าภูเก้า ซึ่งหมายถึงผม ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาศักดิ์โดยประมาณ 6 กิโลเมตร ลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหารซึ่งบอกเลยว่าเหมือนมาก ๆ สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน ถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นคือภูเขาด้านหลังปราสาทที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล ทุกคนต่างบอกว่ารูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผาแห่งนี้ว่าเขานมสาว แต่ชาวบ้านนิยมเรียกภูเกล้ามากกว่า อาณาเขตของปราสาทวัดภู ซึ่งเริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้นรถหลั่นกันขึ้นมา 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่ชั้นบนสุด นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่แข่งเรือและที่สรงน้ำสำหรับพิธีกรรมต่าง ๆ ส่วนทางด้านหลังซ้ายมือของปรางค์ประธานมีแผ่นหินขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีภาพแกะสลักรูปตรีมูรติขนาดเกือบเท่าคนจริง ซึ่งหมายถึงเทพเจ้าทั้ง 3 องค์ ผู้เป็นใหญ่ในศาสนาฮินดูได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม เดินถัดมาประมาณ 10 เมตร จะพบก้อนหิน 2 ก้อน แกะสลักเป็นรูปจระเข้และบันไดนาคอยู่ตรงข้ามกัน เชื่อว่าอาจเป็นฝีมือของชาวเจนละในสมัยนั้นที่สลักไว้เพื่อใช้ในพิธีบูชายัญ นอกจากนี้ยังพบก้อนหินรูปร่างกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขาแกะสลักเป็นรูปหัวช้างเชื่อว่าเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายสมัยของเรืองอำนาจ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน : nano