สถานที่อันเก่าแก่เมืองเก่าของกัมพูชาปราสาทเกาะแกร์ที่ยิ่งใหญ่ มีเหตุคือการชิงบัลลังก์ภายใน ซ่อนในป่าใหญ่นานนม สถานที่แห่งนี้ตอนแรกนั้นไม่ได้มีในตารางของการเดินทาง ได้รับการแนะนำจากอาจารย์โรงเรียนที่เราจะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ และได้ร่วมเดินทางในทริปเพื่อที่จะพาเที่ยวจังหวัดเขาพระวิหาร อาจารย์สอนในรายวิชาถ้าเป็นในไทย คือวิชาประวัติศาสตร์ และอีกท่านหนึ่งนั้นสอนในวิชาการท่องเที่ยว ได้แนะนำว่า เมื่อไม่นานมานี้ จังหวัดเขาพระวิหาร นั้นได้ค้นพบปราสาทเก่าแก่ในป่าที่ถูกซ่อนไว้นับพันปี จึงเป็นที่มาของการเที่ยวปราสาทแห่งนี้เพราะมีเวลาเหลือเยอะ มาถึงที่แล้วก็เข้าเที่ยวชมสักหน่อย ปราสาทมีลักษณะเป็นรูปพีระมิด ซึ่งยังบอกต่อว่าปราสาทนี้ยังเป็นอาณาจักรของกัมพูชา ถือว่าเป็นเมืองหลวงในสมัยก่อน แต่ก่อนนั้นสถานที่แห่งนี้มีน้ำท่วมอยู่นานหลายปี จึงได้มีการค้นพบ ปราสาทที่จะพูดถึงนั่นคือ “ปราสาทเกาะแกร์” ปราสาทนี้นั้นรู้จักกันในชื่อพีระมิดเกาะแกร์ไม่น่าเชื่อว่าปราสาทนี่นั้นได้ถูกซ่อนไว้ในป่าใหญ่นาน 1000 ปี ซึ่งได้มีการค้นพบเมื่อไม่นาน ในปี 2546 ถือว่าเป็นความโชคดีของเราที่ได้เข้าไปเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดถึง 7 ชั้น ปราสาทนี้ถ้าเราเดินเข้าไปใกล้จะเห็นถึงความเก่าแก่มาก ประวัติย่อของปราสาทแห่งนี้ ได้มีการเล่าว่า ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นเมืองเก่าของเขมรแห่งกัมพูชา ได้มีการถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 4 ซึ่งรู้จักกันในชื่อพีระมิดเกาะแกร์ ชั้นทั้งเจ็ดของปราสาทนี้มีความสูงประมาณ 5 เมตร สูงมาก ฐานของพีระมิดเกาะแกร์ การจะเข้ามาถึงตรงนี้ได้นั้น เราต้องเดินผ่านประตูเมืองเข้ามาก่อน และพีระมิดจะห่างจากปราสาทด้านหน้าประมาณสามร้อยเมตร เดินผ่านสนามหญ้ามา ฐานด้านล่างแข็งแรงและสียังเห็นสีส้มอ่อน ด้านบนนั้นมีสีเขียวและมีต้นไม้หรือหญ้าขึ้นปกคลุมจำนวนมาก การขึ้นของต้นหญ้าต้นไม้เล็กๆ ทำให้พีระมิดมีเสน่ห์น่ามอง เราอาจจะบอกว่าทำไมถึงสร้างสูงแบบนี้ด้านบนมีอะไร ที่ด้านบนของปราสาทเกาะแกร์นั้นบริเวณยอดของพีระมิดเคยมี ศิวลึงค์ขนาดใหญ่ประดิษฐาน (ตรีภูเนศวร) แต่ตอนนี้นั้นไม่มีแล้ว ถ้าเรามองปราสาทด้านล่างอาจจะดูแข็งแรง แต่เพื่อความปลอดภัยจะมีบันไดเหล็กด้านหลังสำหรับเดินขึ้น บันไดด้านหน้าไม่เปิดให้ขึ้น บันได สำหรับขึ้นยอดพีระมิดของเกาะแกร์ เรียกได้ว่าถ้าใครกลัวความสูงไม่ควรขึ้นด้านบนสูงมาก ใจวิวแน่นอน เนื่องจากแต่ละชั้นสูงห้าเมตร รวมทั้งหมดเจ็ดชั้นคือสูง 35 เมตร เท่ากับตึกสูง มองลงมาจากด้านล่างเห็นคนเป็นเหมือนมด และต้องเจอกับอาการขาสั่น เพราะลมด้านบนพัดแรง การขึ้นจะต้องขึ้นทีละน้อยเพราะพอถึงด้านบนถ้าขึ้นเยอะจะไม่มีที่ยืน เสียวสุดๆ ชุดและรองเท้าที่สวมใส่ ในการเที่ยวชมปราสาท และพีระมิดเกาะแกร์ ถ้าจะให้ดีจะต้องแต่งตัวให้มิดชิด กางเกงจะดีที่สุด เพราะถ้าหากเราใส่กระโปรงจะต้องระวังมากหน่อยเพราะถ้าเราเดินขึ้นสูงลมจะแรงขึ้น รองเท้าควรจะมีพื้นที่ยึดเกาะได้อย่างดี เพราะเวลาเดินบางครั้งต้องเดินบนแผ่นหิน อาจจะทำให้ลื่นและเกิดอันตรายได้ ยิ่งตอนขึ้นบันได ถ้าพลาดรองเท้าหล่นจะทำให้ได้รับอันตราย การเข้าชมสถานที่แห่งนี้ยังไม่มีการเก็บค่าเข้าชม ยังเป็นสถานที่ให้ความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการจะศึกษา เพราะเพิ่งได้รับการเปิดไม่นาน ประมาณสิบกว่าปียังไม่เป็นที่รู้จัก แต่หลังจากนี้ สถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวกัมพูชาต้องไปเยือน การขึ้นลงบันได บันไดทั้งสองข้างมีราวให้จับ เพื่อความปลอดภัย ห้ามหยอกล้อเล่นขณะที่ขึ้นบันได อาจจะแวะถ่ายภาพโดยการเดินออกไปยืนบนหินได้ แต่ไม่ควรที่จะกระโดดถ่ายภาพ และเดินไปขอบหินมากไป ตอนขึ้นไม่ค่อยเท่าไหร่ พอถึงตอนลงนี่สิ แทบจะคลานลงบางคนถึงกับหน้ามืด ตาลายกับขั้นบันได ซึ่งตอนที่ขึ้นนั้นตื่นเต้นจนไม่ได้นับขั้นบันได ถ้าเราขึ้นคนเดียวจะไม่ค่อยเท่าไหร่ พอมีเพื่อนเดินด้วยบางครั้งรู้สึกเหมือนบันไดสั่น แต่ถ่ายภาพสวยสุด อ่อนแอกลัวความสูงก็นั่งให้กำลังใจเพื่อนอยู่ด้านล่าง เพราะขึ้นแล้วลงไม่ได้เพื่อนจะลำบาก สถานที่แห่งนี้เพิ่งเป็นที่รู้จักของชาวกัมพูชา จึงมีนักเรียนเดินทางมาทัศนศึกษาบ่อยเพราะเพิ่งมีการเปิดให้เข้าชม มีที่นั่งรอสำหรับคนที่กลัวหรือขึ้นที่สูงไม่ได้ ถ่ายรูปรอวนไป เนื่องจากการที่ถูกทอดทิ้งนานนับ 1000 ปี จึงทำให้มีซากปะรักหักพังของหินจำนวนมากกระจัดกระขาย หินแต่ละก้อนมีขนาดใหญ่ เมื่อเดินเข้ามาอาจจะต้องกระโดดข้ามหินเป็นระยะๆ กำแพงเมือง ก่อนเดินเข้ามีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบ ซึ่งแน่นหนาตามลักษณะของกำแพงเมือง สถานที่แห่งนี้เวลาเดินเข้าจะรู้สึกว่ามีความต่ำลงจากพื้นดินลานจอดรถด้านหน้า มีร่องรอยของการถูกน้ำท่วมเป็นเขตตามหินแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามลดน้อยลง รอบกำแพงนั้นจะมีบันไดสามขั้นซึ่งสามารถเดินรอบหรือเดินขึ้นไปถ่ายภาพได้มีความแข็งแรง ทางเดินด้านใน ด้านในของปราสาทในส่วนที่ยังคงมีความสมบูรณ์ ซึ่งเราสามารถเดินชมด้านในได้ หินที่ก่อขึ้นนั้นไม่ค่อยสูงมากนัก และก้อนหินก็ก้อนใหญ่ยากที่จะพังลง และพื้นที่ที่เราเดินนั้นได้ถูกทำเป็นทางไม้ทำให้เดินได้สะดวกมากขึ้น ความเย็นของหินปราสาทนี้เอาหน้าเข้าแนบเย็นคลายร้อนได้ ด้านบนของประตูตรงนี้ยังเป็นหินวางทับซ้อนกันช่องประตูมีขนาดไม่กว้างมากนัก รอบข้างของปราสาทนั้นเป็นบ่อน้ำทั้งสองด้าน แต่น้ำในช่วงที่เราไปคือลดลงมาก แต่ถ้าฤดูฝนก็ไม่แน่ที่น้ำในบ่อจะทะลักมาท่วมบางส่วนของปราสาท ธรรมชาติสร้างสรรค์จริงๆ คนสมัยก่อนน่าจะมีความรู้และฉลาดเป็นอย่างมากในการสร้างเมือง เพราะสภาพอากาศดีแม้ว่าจะมีแดดส่องเป็นระยะ แต่ความชุ่มชื่นในตัวปราสาทก็ไม้ได้หายไป บรรยากาศ ในการชมเมืองเก่าปราสาทเกาะแกร์แห่งนี้ บรรยากาศดีมีร่มไม้ให้ร่มเงาตลอดการชม เพราะสถานที่แห่งนี่อยู่ในป่า ดูขนาดของก้อนหินที่วางอยู่ ใหญ่โตกว่าคนสิบเท่า คิดดูในอดีตจะมีความยิ่งใหญ่และสวยงามเพียงใด หินทุกก้อนสามารถเล่าเรื่องราวได้เป็นหลายย่อหน้า เป็นความจริง หินสามารถบอกอายุ สภาพอากาศ สภาพแวดล้อม คนเราเพียงเกิดมาไม่นานก็สลายกลายเป็นธุลีที่ไม่มีค่า ซ้ำแล้วที่เวียนว่ายกลับมาเกิดไม่จบไม่สิ้น แต่ปราสาทยังคงสภาพไม่เสื่อมไปจากเดิม ยังคงอยู่คู่กับป่าตราบนาน การเดินทางเพื่อชมสถานที่โบราณและเก่าแก่ ถือเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตัวของเรา การเข้าใจประวัติและที่มาของปราสาทนั้นก็มีความสำคัญ ถ้าเรารู้เราจะสามารถที่จะจินตนาการตามได้ เล่นสถานที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองเก่าของกัมพูชาที่เคยเจริญรุ่งเรือง จะทำให้มีความสุขในการชมมากขึ้นกว่าที่เราไปเที่ยวแล้วไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เหลือให้คนรุ่นหลังได้ชมนั้นเป็นสิ่งที่มีค่า ใครจะคิดว่าปราสาทที่มีอายุมากกว่า 1000 ปี เราจะได้ไปพบและสัมผัสสักครั้งในชีวิต ซึ่งบางครั้งเราเองอาจจะเคยเกิดมาเจอแล้วในอดีตชาติ ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว) พิกัด : ปราสาทเกาะแกร์ ประเทศ กัมพูชาอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !