สวัสดีค่ะทุกคนกลับมาพบกับบทความของ Diary Therapy กันอีกครั้งนะคะ ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ทำให้ตระหนักเลยค่ะว่า การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐจริง ๆ ค่ะ นอกจากการไม่มีหนี้แล้วสิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ยิ่งตระหนักคือการออม เรามีเงินออมมากพอที่จะดูแลตัวเองและครอบครัวได้มากน้อยแค่ไหนยิ่งทำให้ฉุกคิดไม่ได้เลยค่ะ และอดห่วงลูกไม่ได้ด้วยยุคที่มีสิ่งของให้เราเลือกซื้อมากมายแบบนี้ ไม่เฉพาะผู้ใหญ่นะคะ เด็กอนุบาลก็เป็นเหมือนกัน พอเพื่อน ๆ ในชั้นมีอะไรใหม่มาอวดก็ร้องขอจากแม่เลยค่ะ ฉะนั้นเราต้องเริ่มให้ลูกได้รู้จักการใช้เงินให้เหมาะสม และสิ่งสำคัญคือการออม มาดูวิธีการออมของบ้านนี้กันค่ะบ้านนี้เริ่มด้วยการใช้นิทานมาเป็นผู้ช่วยชื่อเรื่อง “ปั๊ปโปะ อยากได้ค่าขนม” และเรื่อง “ปั๊ปโปะ หยอดกระปุก”เขียนโดย “ภารดี มีนชัยนันท์” จากสำนักพิมพ์ “1168 พับลิชชิ่ง” ราคาเล่มละ 149 บาท ทั้งสองเล่มนี้เป็นนิทานเกี่ยวกับการออมที่ปลูกฝังได้ดีมากเลยค่ะ เป็นเรื่องราวของปั๊ปโปะครอบครัวและพองเพื่อน ปั๊ปโปะเป็นปลานะคะ ขอเล่าที่เล่มแรกก่อนค่ะ เล่มแรก เรื่อง “ปั๊ปโปะ อยากได้ค่าขนม” นั้นพ่อแม่ของปั๊บโปะ ขายขนมปัง วันหนึ่งปั๊บโปะลืมเอาค่าขนมไปโรงเรียน จึงไม่มีเงินซื้อขนม พ่อมดจึงแนะนำให้ปั๊ปโปะไปขอเงินพ่อแม่เพิ่มแล้วร่ายมนตร์ส่งปั๊บโปะไปยังร้านขนมปังของพ่อและแม่ แต่เมื่อไปถึงร้าน ปั๊ปโปะเห็นพ่อและแม่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นเลยค่ะ ทำให้ปั๊บโปะย้อนกับไปทบทวนสิ่งต่าง ๆ ว่าพ่อกับแม่ซื้อของที่จำเป็นและของที่ปั๊บโปะอยากได้แล้วยิ่งมาเห็นพ่อแม่ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เงินมาตัวปั๊ปโปะเองจะช่วยพ่อกับแม่ได้อย่างไร เด็ก ๆ หลายบ้านมักไม่รู้ค่ะว่าพ่อแม่กว่าจะหาเงินมาได้แต่ละบาท การที่เราจะบอกลูกว่าเหนื่อยก็คงจะยากค่ะเพราะแม่เองก็ไม่ได้อยากให้ลูกมารับรู้อะไรมาก แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้ลูกถามเราว่าแล้วแม่ละเหนื่อยมั้ย คนเป็นแม่ก็ชื่นใจ ถือว่าเล่มนี้ได้ผลค่ะ ถือว่าบอกลูกแทนแม่อย่างเราได้เล่มที่สอง เรื่อง “ปั๊ปโปะ หยอดกระปุก” ปั๊ปโปะและเพื่อน ๆ ไปซื้อไอศกรีมด้วยกันค่ะ แต่ปั๊ปโปะเห็นว่าเพื่อนของเขาชื่อว่า พองพอง (ปักเป้า) ซื้อไอศกรีมมากกว่าตน เท่านั้นไม่พอ พองพองยังซื้อนิทานเล่มใหม่และดินสอกล่องใหม่ จึงทำให้ปั๊ปโปะสงสัยว่าทำไมนะ พองพอง ถึงมีเงินซื้อของหรือเพราะว่า พองพอง ได้เงินค่าขนมเยอะกันแน่ แต่เมื่อคุยกับ พองพอง แล้วจึงรู้ว่า ที่พองพอง สามารถซื้อของได้ เพราะพองพอง มีเคล็ดลับเกี่ยวกับ “การออม” นั่นเองค่ะ เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ลูกสาวผู้ซึ่งอยากได้ของเยอะแยะมากมายเห็น พองพอง ออมเงินแล้วมีเงินซื้อของได้เองจึงอยากออมเงินเองบ้างนอกจากนำนิทานมาอ่านให้ฟังเพื่อเป็นการปลูกฝังแล้ว การให้ลูกได้เลือกกระปุกออมสินเองจะยิ่งส่งเสริมให้ลูกอยากออมเงินมากขึ้นด้วยนะคะ อย่างบ้านเราลูกสาวขอเลือกเป็นกระปุกออมสินที่มาพร้อมกับขนมเพราะได้กินทั้งขนมและได้กระปุกออมสินด้วย หวังว่าบทความนี้จะถูกใจทุกคนโดยเฉพาะแม่ ๆ ไว้เป็นแนวทางปลูกฝังลูกกันนะคะ ไว้พบกันใหม่ในบทความหน้าสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีค่ะDiary Therapyเครดิตรูปภาพ รูปภาพหน้าปก , ภาพประกอบที่ 1, ภาพประกอบที่ 2, ภาพประกอบที่ 3 โดย : ผู้เขียนสามารถดูข้อมูลหนังสือเพิ่มเติมได้ที่ : ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค