หนาว หนาว .. นอกจากสายลมเย็นและทะเลหมอกฉ่ำ ๆ ที่ออกตามล่าตามยอดภู ยอดดอยกันแล้ว ดอกไม้สีชมพูแสนหวาน แต่ชื่อแสนดุ "นางพญาเสือโคร่ง" ที่เบ่งบานพร้อมลมหนาว ช่วงระหว่าง ธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ ก็เป็นอีกหมุดหมายของใครหลาย ๆ คน ที่ตั้งใจออกตามล่า ตามหา ชื่นชมความสวยงาม ! ด้วยสีสัน รูปลักษณ์คล้ายดอกซากุระของญี่ปุ่น จึงถูกยกให้เป็น "ซากุระเมืองไทย" แม้ว่าจะเป็นพืชพรรณในวงศ์เดียวกัน แต่ต้องบอกว่าเป็นคนละชนิดกัน และยังแตกต่างในช่วงเวลาออกดอกเบ่งบาน เพราะ นางพญาเสือสีชมพูหวานของไทย จะออกดอกในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูหนาว (แสนสั้น) ของไทย ... ส่วนซากุระญี่ปุ่นออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่นนั่นเองในประเทศไทยพบ "นางพญาเสือโคร่ง" ได้ตามภูเขาที่มีระดับสูงตั้งแต่ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ดังนั้นในจังหวัดตอนบนที่อากาศหนาวเย็น มีหลายจุดที่ให้สามารถเที่ยวชมนางพญาเสือโคร่งได้ และอย่างน้อย ๆ 5 พิกัด 5 พื้นที่ ที่เคยไปมาและไม่ผิดหวัง ยกมาแนะนำไว้ตรงนี้ ... "ดอยอ่างขาง - ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่"ไฮไลต์เลยคงไม่พ้นดอยสูงใน จ.เชียงใหม่ จริง ๆ มีอยู่หลายจุด แต่ 2 พิกัดที่ได้รับความนิยมและยกมาตรงนี้ ขอเป็นที่ "ดอยอ่างขาง" ในอำเภอฝาง อยู่ที่ "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง" ช่วงหน้าหนาวที่นี่อากาศหนาวเย็นมากถึงขั้นเกิดปรากฎการณ์น้ำค้างแข็งให้ได้เห็น และยังหนาวต่อเนื่องยาวนาน สามารถเจอพญาเสือสีชมพูผลิดอกเบ่งบานสะพรั่งอยู่ริม 2 ข้างทาง ไล่ไปตั้งแต่ทางขึ้นดอย ไต่ไปตามไหล่เขา จนถึงในพื้นที่สถานีเกษตรหลวงฯ นั่นเลย ซึ่งนอกจากนางพญาเสือโคร่งแล้ว ยังจะได้เห็น "ซากุระญี่ปุ่น" ที่ทางโครงการหลวงนำเข้ามาปลูกด้วยนางพญาเสือโคร่ง อ่างขางซากุระญี่ปุ่น อ่างขาง มาถึงเชียงใหม่ ไม่พูดถึง ดอยอินทนนท์ คงไม่ได้ เพราะเป็นอีกจุดท่องเที่ยวหน้าหนาวที่มัดรวมทุกสิ่งอย่างไว้ ไม่ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์พ้นยอดเขายามเช้า ทะเลหมอกที่ปนกับปุยเมฆจนแยกไม่ออก ไหนหมอก ไหนเมฆ ? น้ำค้างแข็งแม่คะนิ้งบนยอดหญ้า และที่ "ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี" ดอยอินทนนท์ ก็เป็นอีกจุดชมนางพญาเสือสีหวาน ที่รายล้อมรอบทะเลสาบ บรรยากาศสวยงามราวภาพวาด"นางพญาเสือโคร่ง" ริมอ่างเก็บน้ำสีชมพู "ดอกนางพญาเสือโคร่ง" ตัดกับสีท้องฟ้าและปุยเมฆ "ปางอุ๋ง จ.แม่ฮ่องสอน"ถัดจากเชียงใหม่ ไปต่อที่ "แม่ฮ่องสอน" ในพื้นที่ "โครงการในพระราชดำริปางตอง 2 หรือ ปางอุ๋ง" โครงการพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่สูง สวยงามด้วยทัศนียภาพของป่าสนสองใบสนสามใบ ล้อมรอบอ่างเก็บน้ำกว้างใหญ่แล้วโอบล้อมด้วยขุนเขา เรียกได้ว่าเป็นอ่างเก็บน้ำพื้นที่สูงที่สุดในประเทศไทยก็น่าจะได้ ด้วยบรรยากาศ สายหมอก ขุนเขา แอ่งน้ำ ทิวสน และ ดอกไม้ นี่เอง ทำให้ปางอุ๋งถูกเปรียบว่าเป็นดินแดน สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย ผู้คนแห่ไปเยือน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว หยุดยาว ไฮซีซั่น บูมสุด ๆ คนมากสุด ๆ จนทางโครงการต้องประกาศจำกัดจำนวนคนที่จะขึ้นไปนอนบนปางอุ๋งแม้ต้นนางพญาเสือโคร่งที่ปางอุ๋ง จะไม่เรียงแถวเป็นดง แต่ก็มีอยู่หลายต้น กระจายอยู่ในพื้นที่ลานกางเต็นที และเวลาที่ผลิดอกบาน นอกจากความหนาวฉ่ำในอุณหภูมิเลขตัวเดียว ยังฉ่ำหวานด้วยสีชมพูทำเอาลานกางเต็นท์ริมอ่างเก็บน้ำ หวานสุด ๆ ไปเลยต้นพญาเสือโคร่ง ลานกางเต็นท์ปางอุ๋งชมพูฉ่ำสุดใจ !! และอย่างที่บอก ว่าช่วงไฮซีซั่น วันหยุดยาว "ปางอุ๋ง" ผู้คนค่อนข้างมาก แนะนำไปช่วงพ้นไฮซีซั่นไปแล้ว หรือให้ตรงกับวันธรรมดา แล้วจะได้สัมผัสบรรยากาศปางอุ๋ง แบบสวยสุดใจจริง ๆบรรยากาศ "ปางอุ๋ง" ช่วงพ้นไฮซีซั่น "ขุนสถาน จ.น่าน"ขยับมาทางดอยสูงภาคเหนือด้านตะวันออก อย่างที่ จ.น่าน กัน .. จริง ๆ มีหลายจุดชมนางพญาเสือโคร่งรับลมหนาว ไม่ว่าจะเป็นที่ "ดอยวาว" ในพื้นที่อุทยานแห่งชาตินันทบุรี หรือจะเป็นดอยภูคา ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา แต่ถ้าใครตั้งใจล่าหมอกด้วย ล่านางพญาเสือโคร่งด้วย แนะนำที่ "สถานีวิจัยต้นน้ำ อุทยานแห่งชาติขุนสถาน" บ้านขุนสถาน ต.สันทะ อ.นาน้อย โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นางพญาเสือโคร่งสีหวาน ออกดอกเต็มพรึบ และยังเป็นหมุดหมายของนักล่าทะเลหมอกทั้งหลายด้วย ยิ่งช่วงรอยต่อปลายฝนต้นหนาว เขาว่าทะเลหมอกขุนสถานอลังการสุด ๆ รับรองสายล่าหมอก ล่าเสือ ไม่ผิดหวัง !!พญาเสือโคร่ง ลานกางเต็นท์ อุทยานฯขุนสถานพญาเสือโคร่ง ขุนสถาน "ภูลมโล จ.เลย"ถ้าจะล่านางพญาเสือโคร่ง ลืมพิกัดนี้ไม่ได้เลย กับ "หุบเขาสีชมพู" อันลือลั่น ในพื้นที่อิสานเหนือ "ภูลมโล จ.เลย" เดินทางขึ้นได้ 2 ทาง ด้านอำเภอด่านซ้าย จ.เลย หรือจะผ่านภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ ไปขึ้นทาง ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ก็ได้ !!พญาเสือโคร่ง ภูลมโล "ภูลมโล" ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย ต้นนางพญาเสือโคร่งถูกปลูกเรียงรายเป็นแถวบนพื้นที่นับ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น 3 แปลงหลัก ๆ ได้แก่แปลงปลูก “คอกวัว” บริเวณนี้สามารถมองเห็นดอกนางพญาเสือโคร่งได้ทั่วเนินเขาแปลงก้อนหินใหญ่ 2 ก้อน มีฉากหลังสีชมพูของทุ่งดอกนางพญาเสือโคร่งและที่แปลงภูขี้เถ้า ซึ่งแปลงนี้พญาเสือโคร่งจะบานทีหลังสุดทั้ง 3 แปลง ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานไล่กันไปทีละแปลง แต่ก็มีบางปีที่พร้อมใจกันเบ่งบานทีเดียวพร้อมกันทั้ง 3 แปลง ทำเอาทั้งหุบเขากลายเป็นสีชมพู จนเป็นที่มาแห่งฉายา “หุบเขาสีชมพู” นั่นเองหนาวนี้ ไม่ว่าจะปักหมุดล่านางพญาเสือโคร่งที่ไหน เช็คก่อนไปว่านางบานสวยพร้อมให้ชมมากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละที่ แต่ละจุดก็ใช่ว่าจะบานพร้อมกัน เช็คให้ชัวร์จะได้ไม่พลาดพิกัดแห่งความสุข !! ภาพและเรื่องโดย "เป๋าเป้"กำลังหาที่เที่ยวหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !