ปัจเจกชนบนโลกอันกว้างใหญ่ ‘The Catcher in the Rye’ บางครั้ง คนเราก็รู้สึกแปลกแยกและเป็นอื่นอยู่บ่อยครั้งท่ามกลางผู้คนในสังคมมากมายใช่หรือไม่ ? นั่นคงเป็นความรู้สึกทั้งแปลกและปรกติธรรมดาอย่างยากจะอธิบาย แต่อย่างน้อยนั่นก็พอพูดได้ว่ามนุษย์ทุกคนมีความเป็นปัจเจก ในความเหมือนก็มีความต่าง ๆ และความต่างในความเหมือนก็เป็นสิ่งที่นิยามตัวเราได้อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับ โฮลเดน คอลฟีลด์ เจ้าของเรื่องเล่าใน ‘The Catcher in the Rye’ แต่งโดย เจ.ดี.ซาลินเจอร์ และได้ชื่อภาษาไทยสุดไพเราะว่า ‘จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น’ ด้วยฝีมือการแปลโดย ปราบดา หยุ่น เด็กหนุ่มที่มีลักษณะแปลกแยกออกจากสังคม แถมยังมีความคิดสับสนวุ่นวายอย่างโฮลเดน ที่เป็นอีกหนึ่งปัจเจกบุคคลท่ามกลางผู้คนมากมายที่เด่นชัด การเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของโฮลเดนเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหดหู่ ชวนให้ผู้อ่านเข้ามาสัมผัสว่าอะไรที่ทำให้เรื่องเล่าของโฮลเดน เต็มไปด้วยความหดหู่สิ้นหวัง ทั้ง ๆ ที่เขายังเป็นเด็กที่มีอนาคตยาวไกลเช่นนี้เมื่อเรื่องราวของประวัติศาสตร์ การเมือง สังคม วัฒนธรรมต่าง ๆ ห่างไกลและกลับมาใกล้ชิดกับผู้คนวนเวียนเกิดขึ้นอย่างไม่จบไม่สิ้น บางครั้งนักเขียนก็หยิบจับเรื่องราวตรงนี้ตรงนั้นซึ่งสะท้อนสังคม กลับเข้ามาเป็นวัตถุดิบในงานเขียนอย่างไม่จบไม่สิ้น และเช่นเดียวกัน งานเขียนที่เกี่ยวกับเรื่องราวภายใน อันสะท้อนภาพความโดดเดี่ยวและเป็นปัจเจกของมนุษย์ในสังคม การสนใจเรื่องราวภายในของคนคนหนึ่งจึงเกิดขึ้นได้ในงานเขียน แม้เรื่องราวในลักษณะของ The Catcher in the Rye จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น ดูจะเป็นงานเขียนที่รับใช้หรือตอบสนองเรื่องราวทางสังคมที่น้อยมาก ๆ แต่มันกลับมีความน่าสนใจในเรื่องราวของมนุษย์และจิตใจภายในได้เป็นอย่างดี เนื้อเรื่องเล่าถึง โฮลเดน คอลฟีลด์ เด็กหนุ่มที่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนหลายครั้งและได้ตัดสินใจออกเดินทางไปในสถานที่ใกล้ ๆ วนเวียนอยู่อย่างนั้นพร้อมกับความคิดสะระตะสุดแปลก และเต็มไปด้วยความหดหู่ของช่วงชีวิตวัยรุ่น เมื่อเล่าถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าโฮลเดนเป็นเด็กหนุ่มร้ายกาจ เสเพล และเป็นตัวปัญหา แต่เปล่าเลย เด็กหนุ่มถือว่าเป็นชายหนุ่มที่ลึก ๆ มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่มากมาย เขาชอบเรียนวรรณกรรม รักพี่น้องและมักกล่าวถึงพวกเขาด้วยน้ำเสียงแห่งความรักใคร่อ่อนโยนเสมอ ที่สำคัญรักในผู้หญิง บางครั้งอาจจะดูหื่นกามไปตามแรงขับความต้องการ แต่ความสนใจเรื่องผู้หญิงของโฮลเดนมีความละเอียดอ่อนกว่านั้น ซึ่งบางครั้งตัวโฮลเดนเองก็อธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่มักจะมีช่วงเวลาหนึ่งของผู้คนที่เลือกวางเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เบื้องหลัง เช่นเดียวกับโฮลเดนที่อยากผละหนีออกไปจากสังคมและผู้คนรอบตัว การมีชีวิตเป็นของตัวเอง สนใจเพียงตัวเอง และเลิกเห็นใจคนอื่น แต่ชีวิตแท้จริงกลับไม่ง่ายเช่นนั้นเลยสักนิด ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้เสมอให้ไม่อาจเห็นแก่ตัว จำใจต้องใช้ชีวิตหรือแสดงลักษณะอาการแบบ ‘เฟก’ อย่างที่โฮลเดนชอบเสียดสีผู้คนอยู่บ่อยครั้งอย่างไม่จบไม่สิ้นThe Catcher in the Rye จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น ถือเป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องเล่าที่มีฉากแคบ ๆ วนเวียนอยู่ในเมืองอันน่าเบื่อหน่าย ไม่มีเรื่องราวมหัศจรรย์ ไม่มีฉากตื่นเต้น มีแต่เพียงวัยรุ่นคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่ชอบทุกอย่างในชีวิต เกลียดชังสิ่งรอบกาย แต่กลับรักเอ็นดูน้องสาวน้องชายอย่างสุดหัวใจ เราจะได้เห็นมุมมองความเป็นปัจเจกชนที่มีต่อโลกใบนี้ผ่านสายตาของโฮลเดน ความเป็นวัยรุ่นไม่ได้ทำให้คนคนนั้นเป็นคนช่างฝันและมีความทะเยอทะยานเสมอไป บางครั้งกลุ่มคนเหล่านี้กำลังกลายเป็นคนถดถอย ท้อแท้และเบื่อหน่ายในชีวิตได้ไม่แพ้คนวัยชราเลยแม้แต่น้อย แม้ The Catcher in the Rye จะเป็นงานเขียนที่ราบเรียบ แถมยังเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบคายบ้างตามประสาวัยรุ่น แต่กลับเป็นงานที่ถึงพร้อมด้วยจิตวิทยา และความเปล่าเปลี่ยวสิ้นหวังของปัจเจกชน รวมถึงอธิบายการก้าวพ้นวัยของบุคคลโดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งมีความซับซ้อนและความเจ็บปวดซ่อนอยู่โดยไม่อาจบอกกล่าวใครให้เข้าใจได้แม้แต่คนในช่วงวัยเดียวกัน ลองหานิยายเรื่องนี้มาอ่าน ไม่แน่ว่าเราอาจได้สิ่งดี ๆ และอยากที่ ‘จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น’ เช่นเดียวกับใครบางคนในเรื่องก็เป็นได้The Catcher in the Rye จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น โดย เจ.ดี.ซาลินเจอร์ แปล ปราบดา หยุ่น พิมพ์ครั้งที่ 6 ไลต์เฮ้าส์ พับลิชชิ่ง ราคา 317 บาทซื้อได้ที่ se-edภาพปก,ภาพ 1,2 โดย K.N.ภาพ3 : slightly_different จาก Pixabay