ภาพปกจาก pixabay.com ปัจจุบันนี้หลายประเทศบนโลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกระบบในสังคม และระบบการศึกษา ก็เป็นอีกระบบหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก หลายประเทศจึงได้มีการปิดโรงเรียน และเลื่อนการเปิดเทอมออกไป รูปภาพจาก pixabay.com สำหรับประเทศไทยเองก็มีการเลื่อนเปิดเทอมออกไปเช่นกัน และในระหว่างปิดเรียนก็ได้มีระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ขึ้นมาสอนทดแทนระหว่างรอเปิดเทอม ซึ่งก็มีทั้งข้อดีข้อเสียตามมาอยู่แล้ว แต่ในที่นี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักเรียนแต่ละคนจริง ๆ สำหรับในมุมมองของผู้เขียนบนความเอง ซึ่งมีประสบการณ์ในการสอนนักเรียนในระดับประถมต้น คือ ป.1- ป.3 ซึ่งถือว่ายังเป็นเด็กเล็กอยู่ จึงจำเป็นต้องดูแลเอาใจใส่นักเรียนอย่างมาก ในการสอนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ครูต้องเข้าใจความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน เนื้อหาที่จะสอนครูต้องเลือกใช้คำที่ทำให้นักเรียนเข้าใจง่าย รูปภาพจาก pixabay.com รูปภาพจาก pixabay.com แต่ถึงกระนั้นแล้ว ใช่ว่าที่สอนไปนักเรียนจะเข้าใจและเรียนทันตามที่ครูสอนทุกคน ครูต้องมาอธิบายใหม่ให้กับนักเรียนที่ไม่เข้าใจ และนักเรียนบางคนต้องใช้วิธีหรือเทคนิคการสอนแบบอื่นที่จะทำให้เขาเข้าใจเหมือนเพื่อนได้ เพราะนักเรียนแต่ละคนเรียนรู้ช้าหรือเร็วต่างกัน นอกจากนั้นแล้วการเรียนการสอนต้องมีการโต้ตอบ ถามคำถามกันระหว่างครูกับนักเรียน แน่นอนอยู่แล้วว่าการสอนเด็กในระดับนี้ ครูต้องเจอคำถามในการสอนแต่ละเรื่องไม่น้อยเลย เพราะเด็กอยู่ในวัยที่กำลังสงสัย ดังนั้นการเรียนการสอนแบบออนไลน์จึงไม่ใช่ทางออกที่จะได้ผลกับนักเรียนทุกคน และการดูแลเอาใจใส่ของผู้ปกครองก็มีผลต่อการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างมากเช่นกัน บางครอบครัวที่ไม่มีรายได้มากพอที่จะส่งเสริมสนับสนุนลูก ก็จะเสียเปรียบและเรียนไม่ทันครอบครัวที่มีความพร้อมมีฐานะทางเศรษฐกิจดี แต่ในทางกลับกัน หากครอบครัวที่มีความพร้อมแต่ปล่อยให้ลูกเรียนเองและไม่ได้ดูแลอย่างดี ก็จะส่งผลเสียต่อเด็กด้วยเช่นกัน รูปภาพจาก pixabay.com ปัญหาที่จะตามมาอีกคือ นักเรียนอาจจะสนใจในบทเรียนได้ไม่นานหรือสมาธิหลุดบ่อย เนื่องจากการเรียนผ่านหน้าจอจะทำให้มี แสง สี และภาพที่เปลี่ยนไปมา อาจทำให้เด็กเสียสายตาและมองไม่ทัน หรือตั้งใจมองมากกว่าจะทำความเข้าใจในเนื้อหาที่กำลังเรียน รูปภาพจาก pixabay.com นี่เป็นแค่มุมมองในจุดเล็ก ๆ ของปัญหา ซึ่งจริง ๆ แล้วมีปัญหาเยอะแยะมากมายที่ตามมา โดยจะมีแค่คนที่ปฏิบัติจริงเท่านั้นถึงจะเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นก็คือครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครองนั่นเอง ทั้งนี้ แนวทางในการช่วยส่งเสริมการเรียนของเด็กในการเรียนออนไลน์ หรือการเรียนอยู่ที่บ้านจะด้วยวิธีใดก็ตาม ผู้ปกครองจะต้องเอาใจใส่และสอนเด็กให้รู้จักคิดและปฏิบัติจริง อย่างเช่น เรียนคณิตศาสตร์ ก็ต้องรู้จักประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็ก ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เมื่อซื้อของทุกครั้ง ให้บันทึกรายรับรายจ่าย คำนวณค่าใช้จ่ายในแต่ละวันดูว่าวันนี้ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง และวิชาอื่น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวิชาศิลปะ ก็ให้วาดภาพสิ่งต่าง ๆ ที่ซื้อมา วิชาภาษาอังกฤษ ก็ให้เขียนคำศัพท์ของของที่ซื้อมา หรือการให้เขาจดสูตรอาหารก็เป็นวิชาเขียนไทย รวมไปถึงการให้เขาช่วยทำอาหารก็เป็นวิชาคหกรรมด้วย นอกจากนี้แล้วกิจกรรมอย่างอื่นก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน คือการบูรณาการให้เกิดการเรียนรู้ ไม่ใช่การนั่งเรียนที่บ้านอย่างเดียว แต่ให้ใช้การดำรงชีวิตที่บ้านมาบูรณาการให้เกิดความรู้นั่นเอง ในประเทศ สิงคโปร์ เรียกว่า Home-Based Learning ถือเป็นการปฏิบัติที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้ และเด็กจะจดจำได้ดี เกิดความเข้าใจและเรียนรู้ที่บ้านแบบไม่น่าเบื่อ ไม่ว่าการเรียนแบบออนไลน์จะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ตาม แต่ในทางกลับกันหากครอบครัวที่มีความพร้อมแต่ปล่อยให้ลูกเรียนเอง และไม่ได้ดูแลอย่างดีก็จะส่งผลเสียต่อเด็กด้วยเช่นกัน หากเปิดเทอมแล้วครูก็ต้องทำหน้าที่สอนนักเรียนให้ครบตามหลักสูตร ไม่ว่าจะนักเรียนที่เรียนออนไลน์แล้วเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ดี ครูก็จะต้องเริ่มสอนตั้งแต่เนื้อหาแรก หากนักเรียนเข้าใจมาก่อนแล้วก็จะเรียนรู้ไปได้ไว แต่ถ้านักเรียนไม่เข้าใจหรือไม่ได้เข้าถึงการเรียนออนไลน์ ครูก็ต้องใช้เวลาในการอธิบายให้นักเรียนฟังจนกว่านักเรียนจะเข้าใจ รูปภาพจาก pixabay.com การเรียนการสอนแบบออนไลน์ถือเป็นการได้พัฒนาระบบด้านการศึกษาด้วยก็จริง แต่หัวใจสำคัญของการเรียนการสอนไม่ได้อยู่ที่บทเรียนหรือเครื่องมือ แต่อยู่ที่ "ครู" กับ "นักเรียน" ในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่งที่ถามตัวเองว่า "เราจะช่วยเหลือนักเรียนที่ด้อยโอกาสอย่างไร และนักเรียนที่เรียนรู้ช้าจะทำอย่างไร" อาชีพครูจึงเป็นอาชีพที่ท้าทาย และรับบทบาทหนักอย่างมากสำหรับการสอนออนไลน์ในช่วงสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ที่จะสอนออนไลน์ให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดทุกคน และการมองหาเทคนิคอื่น ๆ ในการสอนหรือการไม่พึ่งเทคโนโลยีก็เป็นไปได้ยาก สำหรับการปฏิบัติตาม Social Distancing เพราะฉะนั้นการร่วมมือกันระหว่างครูกับผู้ปกครองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐก็สำคัญในการที่จะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนเข้าถึงการเรียนแบบออนไลน์อย่างทั่วถึงมากขึ้น