จากการที่สถานประกอบการปิดกิจการประกาศเลิกจ้างพนักงานหลายแห่ง เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และด้วยเหตุผลเดิมที่ยกขึ้นมาอ้างในทุกยุคทุกสมัยคือเศรษฐกิจตกต่ำ ลูกจ้างหลายคนอาจจะกำลังวิตกกังวนว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองหรือไม่เมื่อไร ถ้าถูกเลิกจ้างแล้วจะทำอย่างไร อยากจะบอกว่าตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ยังมีสมอง มีสองมือและสองขาที่จะพาตัวเราก้าวไปข้างหน้าได้อีก ไม่ต้องไปกลัวตกงานถ้าเรายังเชื่อมั่นในความขยันขันแข็งของตัวเอง ข่าวการเลิกจ้างมีบ่อย แต่ข่าวประกาศรับสมัครงานก็มีให้เห็นอยู่ทุกวันเช่นกัน นั่นแสดงว่ายังมีสถานประกอบการอีกมากมายหลายแห่งที่ยังต้องการคนเข้าไปทำงานสิ่งที่ผู้เขียนขอแนะนำไว้เป็นแนวปฏิบัติหากมีข่าวลือว่าบริษัทที่กำลังทำงานอยู่กำลังจะปิดกิจการ หรือกรณีที่บริษัทแจ้งว่าไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว1. ถ้าฝ่ายบุคคลเรียกให้ไปเขียนใบลาออก ห้ามเขียนห้ามเซ็นชื่อเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะอ้างเหตุผลใดๆ2. ถ้าฝ่ายบุคคลเรียกให้ไปเซ็นเอกสารใดๆ ต้องอ่านทุกบรรทัด ถ้าไม่เข้าใจควรถาม ถ้าอ่านไม่ออกไม่ต้องเซ็น ถ้าเป็นเอกสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาจ้าง ค่าตอบแทน เงินชดเชย ห้ามเซ็นชื่อเด็ดขาด ระวังข้อความต่อไปนี้ ได้แก่ ยอมรับ ยินยอม หรือจะไม่เรียกร้อง ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อความในลักษณะที่ว่าจะไม่ได้รับผลประโยชน์เหมือนเดิมหรือถูกตัดสิทธิประโยชน์บางอย่างออกไป3. ศึกษาพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 (ราชกิจจานุเบกษา) เกี่ยวกับเงินชดเชยการเลิกจ้าง นายจ้างจะต้องจ่ายให้ในกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยที่ไม่ได้มีความผิด หรือไม่ได้ลาออกเองโดยสมัครใจ สรุปประเด็นเงินชดเชยมีดังนี้ทำงานต่อเนื่องครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี ได้ค่าชดเชยไม่น้อยกว่า 30 วันทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 90 วันทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 180 วันทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 240 วันทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 300 วันทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 400 วัน4. ถ้านายจ้างปิดกิจการโดยไม่ประกาศแจ้งล่วงหน้า (ก่อน 30 วัน หรือก่อน 60 วัน แล้วแต่กรณี) นายจ้างต้องจ่ายเงินกรณีบอกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่บอกล่วงหน้าหรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วันหรือ 60 วันแล้วแต่กรณี (จ่ายต่างหากไม่รวมเงินชดเชยตามข้อ 3. และต้องจ่ายให้ลูกจ้างทุกคนไม่ว่าจะมีอายุงานเท่าไร)5. เมื่อมีการเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง, ค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย ให้แก่ลูกจ้างภายใน 3 วันนับตั้งแต่วันที่เลิกจ้าง6. ถ้านายจ้างไม่คืนเงินหลักประกัน ไม่จ่ายเงินกรณีบอกเลิกสัญญาจ้างโดยไม่บอกล่วงหน้า หรือไม่จ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่าย หรือไม่จ่ายเงินกรณีนายจ้างหยุดกิจการ หรือค่าชดเชยพิเศษแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า นายจ้างจะต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่ลูกจ้างในระหว่างเวลาผิดนัด 15% ต่อปี7. ลูกจ้างที่ถูกหักเงินเดือนเพื่อส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน ขอรับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ว่างงาน (ระบบขึ้นทะเบียนและรายงานตัวผู้ประกันตนกรณีว่างงานผ่านอินเตอร์เน็ต ลงทะเบียนเข้าใช้งาน) ถ้าไม่สะดวกใช้อินเตอร์เน็ตก็ต้องเดินทางไปขึ้นทะเบียนที่สำนักงานจัดหางานของรัฐทั่วประเทศ เมื่อลงทะเบียนเข้าสู่ระบบเสร็จสิ้นแล้ว ให้ผู้ประกันตนไปยื่นแบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน พร้อมเอกสารประกอบการยื่นแบบคำขอ ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหน้าแรกสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน ส่งสำเนาแบบคำขอ ณ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทุกแห่งทั่วประเทศที่สะดวก หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1506เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจตามที่ผู้เขียนแนะนำเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องวางแผนการดำเนินชีวิตต่อไปหลังจากว่างงาน ขอให้คิดเชิงบวกตามความเป็นจริงว่าสถานประกอบการทั่วประเทศมีมากมายหลายแห่งที่ยังต้องการคนเข้าไปทำงาน วันนี้เราแค่ว่างงานชั่วคราว เราไม่ได้ตกงานไปตลอดชีวิต ขอเป็นกำลังใจให้มนุษย์เงินเดือนหรือลูกจ้างทุกท่านยิ้มสู้กับทุกสถานการณ์ต่อไป ผู้เขียนขอแนะนำสิ่งที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ว่างงานไว้ดังนี้1. ติดตามข่าวประชาสัมพันธ์ของสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมนัดพบแรงงาน หรือดูประกาศรับสมัครงานหน้าสถานประกอบการ และประกาศรับสมัครงานทางอินเตอร์เน็ต2. สมัครงานไว้หลายๆ แห่งตามความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ถ้าหากไม่มีตำแหน่งงานที่ต้องการ ก็ควรสมัครในตำแหน่งอื่นเอาไว้บ้าง อาจจะได้รับโอกาสเข้าไปทำงาน3. ถ้าได้งานใหม่แล้วก็ควรตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด ขยันหมั่นเพียร อยู่ในกฎระเบียบข้อบังคับของสถานประกอบการ เรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนาทักษะในการทำงานเพื่อประโยชน์ขององค์กรและเพื่อตัวเราเอง4. หากไม่สามารถทำงานในสถานที่แห่งใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปฏิบัติงานหรือสังคมและบรรยากาศในการทำงานที่รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ ก็ลองปรับตัวดูอีกสักระยะหนึ่ง ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ลาออกไปหาอย่างอื่นทำ เช่น ไปสมัครเป็นพนักงานร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ร้านแฟมิลี่มาร์ท ร้านค้าแฟรนไชส์ ร้านอาหารหรือภัตตาคาร เรียนรู้ระบบงานขายสินค้าไว้เป็นประสบการณ์เผื่อมีโอกาสได้เปิดกิจการเป็นของตัวเองในอนาคต5. อาชีพรับจ้างอิสระ หรือรับงานฟรีแลนซ์ เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจแต่รายได้อาจจะไม่แน่นอน สามารถทำเป็นงานที่ช่วยเสริมรายได้หลัก งานอะไรก็ได้ที่เรามีความสามารถและมีเวลาเพียงพอ เช่น ขายสินค้าออนไลน์ ขายของตามตลาดนัด ขับรถส่งสินค้า พัฒนาเว็บไซต์หรือบล็อก ยูทูเบอร์ (YouTuber) บล็อกเกอร์รีวิว กราฟิกดีไซน์ ตัดต่อวิดีโอ เขียนบทความ เขียนนิยาย แปลภาษา ถ่ายภาพ ติวเตอร์ รับจ้างทั่วไป ฯลฯถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกแล้วก็อาจจะลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลจากสื่อต่างๆ ก่อนตัดสินใจ หรือจะเลือกไปเรียนหลักสูตรฝึกอบรมอาชีพระยะสั้นตามความสนใจ แล้วเป็นนายตัวเอง ทำเองขายเอง หรือให้บริการเอง มีอาชีพมากมายที่ได้เงินเป็นรายวัน เช่น ขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ตลาดอีคอมเมิร์ซ ฯลฯ ขายอาหาร ขายขนม ขายผลไม้ ถ้ามีเงินลงทุนพอก็อาจจะเปิดร้านเสริมสวย ร้านตัดผมชาย บางคนอาจจะกลับภูมิลำเนาไปทำการเกษตร พออยู่พอกินพอใช้ จะเห็นได้ว่าเรายังมีหนทางทำมาหากินอีกมากมายหลากหลายอาชีพ ขอเพียงตั้งใจและขยันอดทน รับรองไม่มีวันอดตาย★★★ ขอขอบคุณ ★★★ภาพประกอบที่ 1 โดย EFAFLEX_Schnelllauftore จากเว็บไซต์ pixabayภาพประกอบที่ 2 โดย EFAFLEX_Schnelllauftore จากเว็บไซต์ pixabayภาพประกอบที่ 3 โดย EFAFLEX_Schnelllauftore จากเว็บไซต์ pixabayภาพประกอบที่ 4 โดย nguyenkhacqui จากเว็บไซต์ pixabayภาพปกโดย BenediktGeyer จากเว็บไซต์ pixabayตกแต่งภาพปกโดยผู้เขียนบนเว็บไซต์ canva.com7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์