ใครที่ไปงานหนังสือมา เพื่อนๆ สนใจหนังสือเล่มไหนในงานเป็นพิเศษมั้ยครับสวัสดีทุกๆ คนครับ ใครที่ไปเที่ยวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 52 มา เพื่อนๆ มีหนังสือเล่มไหนที่แอบสนใจอยู่มั้ยครับ บทความนี้ ผมเลยอยากมาป้ายยาหนังสือ 5 เรื่องที่ผมได้เห็นแล้วรู้สึกว่าน่าอ่าน อยากซื้อมาอ่านซักเล่มครับ จะมีหนังสือเล่มไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลยครับเพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด โดย คิมรันโดมาที่หนังสือเล่มแรกที่ผมอยากจะป้ายยาให้ทุกคน กับหนังสือแนวพัฒนาตัวเองอย่าง เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด ซึ่งเขียนโดยนักเขียนชาวเกาหลีอย่างคุณ คิมรันโด เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ เป็นการรวมเอาเรื่องราวชีวิตในวัยรุ่นซึ่งถือเป็นวัยแห่งการค้นหาตัวเอง เป็นวัยที่อาจจะเจอความรู้สึก ปัญหา และอุปสรรคต่างๆ ประดังประเดเข้ามา ที่ผู้เขียนได้รวบรวมเอาความคิดเห็นจากนักเรียนนักศึกษาที่ผู้เขียนได้พูดคุยด้วยครับหนังสือเล่มนี้ ผมเคยได้รับจากคุณครูตอนที่เรียนมัธยมปลาย ตอนที่ผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้ บอกเลยว่าเป็นหนังสือที่ทำให้ผมเข้าใจชีวิตวัยรุ่นมากขึ้นครับว่าเป็นวัยที่ต้องเจออะไรมาบ้าง เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีมากและยังเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีอีกด้วย ใครที่ยังไม่เคยซื้อ ลองซื้อมาติดบ้านไว้นะครับเลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข โดย โกะโด โทคิโอะมาต่อกับหนังสือเล่มที่สอง อย่าง เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข เขียนโดยนักเขียนหนังสือแนวพัฒนาตัวเองชาวญี่ปุ่นอย่างคุณโกะโด โทคิโอะ ตอนที่เห็นชื่อปกแวบแรก ผมแอบคิดนะครับว่าเลิกเป็นคนดีที่ว่า คือให้ทำตัวเลวๆ ไปเลย แต่จริงๆ เลิกเป็นคนดีก็คือแทนที่เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนอื่นยอมรับในตัวเราโดยที่ไม่สนใจตัวเอง ให้ลองกล้าทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไม่ต้องแคร์คนอื่นว่าเค้าจะคิดยังไง ผมเป็นคนนึงที่เคยพยายามทำทุกๆ อย่างเพื่อให้เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างยอมรับจนทำให้ตัวเองรู้สึกเหนื่อย พอมาเจอหนังสือเล่มนี้ ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะช่วยให้ใครหลายๆ คนที่กำลังเป็นเหมือนที่ผมเคยเป็น ได้กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง เลิกแคร์สายตาคนอื่น เลิกทำตัวให้คนรอบข้างสนใจ บอกเลยว่า เมื่อไรที่เราได้ทำตามใจตัวเองบ้าง มันช่างมีความสุขจริงๆ ครับ52 เฮิรตซ์…คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน โดย มาจิดะ โซโนะโกะมาต่อกับหนังสือเล่มที่สาม อย่าง 52 เฮิรตซ์…คลื่นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน ผลงานจากคุณมาจิดะ โซโนะโกะ เป็นวรรณกรรมเรื่องสั้นที่ว่าด้วยเรื่องหญิงสาวที่คนในครอบครัวผลักไส กับเด็กชายที่ถูกแม่ทำร้ายร่างกายมาตลอด เมื่อทั้งคู่ซึ่งเปรียบเสมือนวาฬ 52 เฮิรตซ์มาเจอกัน เรื่องราววุ่นๆ จึงบังเกิด โดยวาฬ 52 เฮิรตซ์คือวาฬตัวเดียวในโลกที่ส่งคลื่นเสียงความถี่สูงกว่าปกติ เลยทำให้ไม่มีวาฬตัวไหนในโลกสามารถสื่อสารหรือรับรู้ถึงการมีอยู่ของวาฬตัวนี้ เลยทำให้กลายเป็นวาฬที่เหงาที่สุดในโลก แค่เห็นชื่อเรื่องกับคำบรรยายหลังปกเนี่ย บอกเลยว่าเป็นหนังสือที่จะช่วยฮีลใจคนเหงาหลายๆ คนได้ดีเลยครับ ใครที่กำลังมองหาหนังสือที่มีเนื้อหาอบอุ่น ช่วยปลอบประโลมหัวใจในยามว้าเหว่ล่ะก็ ลองซื้อและหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูนะครับจิตวิทยาสายดาร์ก โดย ดร.ฮิโระหนังสืออีกเล่มที่เห็นชื่อก็น่าซื้อล่ะ กับ จิตวิทยาสายดาร์ก หนังสือแนวจิตวิทยาที่เขียนโดยอดีตนักขายที่เคยล้มเหลวอย่าง ดร. ฮิโระ ซึ่งเค้าเคยเป็นนักขายที่ไม้ว่าเขาจะขายอะไร ก็ไม่มีใครมาซื้อของเขาเลย แต่เค้ากลับพบว่าในโลกใบนี้ มีคนบางกลุ่มที่สามารถชักจูงให้คนมาซื้อของที่ดูไม่น่าเชื่อถือได้ หนังสือเล่มนี้เป็นการเอาความรู้ทางด้านจิตวิทยาในการชักจูงคน พูดยังไงให้คนอื่นคล้อยตามมามัดรวมกัน เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา บอกเลยว่า ใครที่ทำอาชีพขายของหรือเป็นผู้พูดที่ต้องชักจูงคนล่ะก็ หนังสือเล่มนี้ตอบโจทย์ที่สุดเลยล่ะครับคดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม โดย อายาสึจิ ยูกิโตะ หนังสือเล่มสุดท้ายที่ผมอยากมาป้ายยาให้ทุกคนที่เป็นแฟนนิยายแนวสืบสวนสอบสวนลองซื้อกลับไปอ่านกัน ก็คือ คดีฆาตกรรมในบ้านสิบเหลี่ยม ของคุณอายาสึจิ ยูกิโตะ นิยายเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องกลุ่มนักศึกษาชมรมวิจัยสืบสวนมหาวิทยาลัยแห่งนึงได้เดินทางไปสำรวจเกาะแห่งนึงที่เคยเกิดเหตุฆาตกรรมทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ทว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อหนึ่งในนักศึกษาก็ถูกฆาตกรรม ทำให้นักศึกษาต้องสืบคดีในบ้านสิบเหลี่ยมบนเกาะที่ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใช้นิยายเรื่องนี้ หลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว บอกเลยว่ารู้สึกสนุก คาดเดาไม่ได้เลยว่าใครคืนคนร้ายกันแน่ครับ ใครที่กำลังมองหาหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนสนุกๆ ซักเรื่อง ลองซื้อเล่มนี้กลับไปอ่านดู รับรองว่าติดใจแน่นอน เป็นยังไงกันบ้างครับกับหนังสือที่ผมแวะมาป้ายยาทุกคนกันในวันนี้ บอกเลยว่าแต่ละเล่มที่ผมเอามานั้น น่าอ่าน น่าซื้อทั้งนั้นเลยครับ ใครที่ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติมา แล้วถ้าเจอหนังสือเล่มไหนน่าสนใจ ลองมาป้ายยาผมได้นะครับ เผื่อคราวหน้า ผมจะลองซื้อกลับมาดอง เอ้ย กลับมาอ่านดูนะครับสุดท้ายนี้ ผมขอป้ายยาหนังสือที่ผมซื้อกลับมาจากงานหนังสือนะครับ หนังสือเล่มนั้น ก็คือหนังสือ สู้ดิวะ ของคุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล คุณหมอที่เพิ่งมาค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย คุณหมอก็เลยได้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต เขียนหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเขาในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ซึ่งจะช่วยให้เราได้เข้าใจความหมายของชีวิตตัวเองมากยิ่งขึ้นครับ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณหมอก็ได้จากพวกเราไปแล้ว แต่เรื่องราวของเขา จะช่วยให้ใครหลายๆ คนได้กลับมาค้นหาความหมายของชีวิตของมากขึ้นครับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 8 เม.ย. ที่ฮอลล์ 5,6,7 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. เหล่าคนรักหนังสือทั้งหลาย ห้ามพลาดนะครับภาพปกและภาพประกอบที่ 1,2,4,5,6 : ภูเขาเล่าไปเรื่อย (ผู้เขียน)ภาพประกอบที่ 3 : piccolo publishingสุดท้ายนี้ ใครที่อยากรู้ว่าบรรยากาศในงานสัปดาห์หนังสือปีนี้เป็นยังไง ไปอ่านกันต่อได้ในบทความนี้เลยครับhttps://intrend.trueid.net/post/438835บทความหมวดข่าวสารเรื่องอื่นๆ ของผู้เขียนส่องวันหยุดราชการประจำปี 2567 นอกจากวันปีใหม่แล้ว ยังมีวันหยุดไหนอีกบ้างนะ ?ส่องพิกัดช็อปของขวัญผ่านแม็คโครออนไลน์ @makro pro ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2567รีวิว กยศ. Connect แอปเช็คยอดกู้เงิน กยศ. ที่นักเรียนนักศึกษาต้องมีติดเครื่องไขข้อสงสัย ฝนดาวตก VS ดาวหาง มันต่างกันอย่างไร???ใครที่ชื่นชอบบทความนี้ ฝากกดแชร์ กดติดตามเพจ ⛰️ ภูเขาเล่าไปเรื่อย ⛰️ ไว้ด้วยนะครับ และถ้าหากใครที่เป็นสายท่องเที่ยว ก็ฝากกดถูกใจและกดติดตามเพจ Kyojuro พาไปหนาย ไว้ด้วยนะครับ ยังมีบทความดีๆ อีกมากมายที่รอเสิร์ฟนักอ่านทุกคนอยู่นะครับเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !