เคยเป็นกันไหมคะ ? ที่มองชีวิตช่วงอายุหลัง 30 ปีไม่ออกเลย เคยเป็นกันไหมคะ ? ที่เวลาเจอญาติๆ แล้วต่างถามเราว่า เมื่อไหร่จะแต่งงานมีลูก เคยเป็นกันไหมคะ ? ที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วชีวิตต้องการอะไร ไม่เคยคิดเลยว่าจะลาออกจากงานเราเป็นแบบนั้นมาตลอดเลยค่ะ เราคือผู้หญิงย่างเข้าวัย 35 ปี ที่เชื่อว่าเราควรจะต้องแต่งงานมีลูกได้แล้ว ตั้งแต่อายุ 28 ปี เราคิดว่าเราตั้งใจเรียนมาโดยตลอดนะ (ถึงแม้ว่าจะติดเกมส์ไปด้วยก็ตาม) ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้เรียนจบ ทำงานบริษัทที่มั่นคง หาเลี้ยงตัวเองได้ ที่บ้านไม่ได้มีฐานะการเงินอะไร แม่เป็นพี่สาวคนโต มาจากอีสาน ทำงานค้าขายหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่เราจำความได้ แม่เราไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนโยน เป็นคนลุยๆ คนหนึ่ง เสียงดังมากด้วย : ) ตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 8 ขวบ จำได้เลยว่าตอนเคยช่วยแม่หั่นมะนาว สำหรับใส่ข้าวผัดให้ลูกค้า เราโดนมีดบาดค่ะ เลือดไหลเยอะมาก หันหน้าไปหาแม่ น้ำตาเราซึมแล้วด้วย แม่ที่กำลังผัดข้าวผัดให้ลูกค้า ถือตะหลิวและกะทะ อยู่หน้าเตาไฟที่ร้อนจัด ในขณะเดียวกันก็มีสายตาลูกค้าที่กำลังมองมาที่แม่ เพราะนั่งรออาหารกันอยู่หลาย 10 โต๊ะ แล้ววันนั้นก็เสียงก็ดังมาก ลูกค้าเยอะมากจริงๆ แม่ตะโกนกลับมาหาเราว่า "เอาทิชชู่บีบนิ้ว แล้วเดินไปซื้อพลาสเตอร์แปะแผลที่ร้านค้า" พอได้ยินคำนั้นจากแม่ เราที่กำลังจะร้องไห้ เพราะโดนมีดบาด ก็หายน้ำตาซึม เดินจ้ำๆ ไปร้านค้า เพื่อซื้อพลาสเตอร์ จากที่กำลังจะเสียใจที่โดนมีดบาดและคิดว่าแม่น่าจะวางตะหลิวแล้วรีบมาดูเรา แต่เพราะแม่ต้องทำมาหากินตลอด ผ่านอะไรมามากมาย ยุ่งกับการขายของตลอดเวลา การที่ลูกโดนมีดบาด ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับแม่เราเลย และนั้นก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่เราได้รับในชีวิต ในตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่า อ๋อ ก็แค่มีดบาด ก็ทำแผล เท่านั้นเอง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรจนพอเติบโตขึ้น เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย ที่เป็นเรื่องเศร้า เสียใจ แต่เพราะเราต้องทำมาหากิน เลี้ยงตัวเอง มันเลยทำให้เราไม่ค่อยเสียใจ หรือร้องไห้กับอะไรเท่าไร "เหมือนประสบการณ์ของแม่ และโตมากับแม่อย่างใกล้ชิด ทำให้เราหัวเราะกับเรื่องแย่ๆ ได้ตลอด" ขนาดตอนเราโตมาแล้ว เวลาเจอเรื่องแย่ๆ แม่เราก็จะบอกเสมอว่า "ไม่เป็นไร เอาใหม่นะ" ทุกครั้งที่กลับบ้านและได้ยินคำนั้นจากแม่ มันทำให้วันที่เราท้อแท้ พร้อมจะลุกขึ้นใหม่เสมอ และเราในวันนี้ วันที่ใครต่างบอกบอกเราควรจะแต่งงานมีลูกน้อยได้แล้วเราเดินไปหาแม่ และบอกกับแม่ว่า "อยากลาออกจากงาน ไม่ทำงานประจำแล้ว" เราเจอสิ่งที่ชอบ และเพราะอยากให้เวลากับสิ่งนั้นมากกว่านี้ (ในใจเรากลัวมากนะ ว่าแม่จะพูดว่า "จะบ้าหรือเปล่า แล้วจะหาเลี้ยงตัวเองยังไง" ) แต่แม่กลับยิ้ม และสนับสนุนในทุกการตัดสินใจของเรามาโดยตลอด ครั้งนี้แม่ก็ยิ้มให้เราเชินเดิม เราไม่เคยได้รับความกดดันจากผู้หญิงคนนี้เลย ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แม่ไม่เคยบอกว่าเราต้องเรียนอะไร แม่ไม่เคยกดดันเลยว่าเราต้องแต่งงานมีลูกเมื่อไหร่ แม่ที่คอยสนับสนุนในทุกๆ การเดินทาง ทุกเส้นทางในชีวิตของเรา วันนี้ที่เราแกร่ง และกล้าเลือกเดินทางนี้ ก็เพราะ "แม่" ผู้เป็นส่วนหนึ่งที่คอยให้กำลังใจเรา "ผู้หญิงที่แกร่งที่สุด สำหรับเรา" และเราผู้ที่กล้าตัดสินใจ ทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ ถึงแม้จะต้องแลกกับสิ่งที่เคยมีหลายอย่างเพื่อที่จะทำสิ่งนั้น ชีวิตเราตอนนี้เหมือนเราเจอทางแยก ทางที่เราเดินมาก่อนหน้านี้ที่เคยเจอหญ้ารกๆ ตอนนี้เป็นถนนหินกรวด มีดอกไม้ริมทาง แต่เพราะเรามองไปที่ปลายทางไกลๆ นั้น มันไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่เราต้องการไปอีกแล้ว เราเลยเลี้ยวตรงที่แยกนี้ ไปเส้นทางที่หญ้ารกกว่าเดิม ต้นไม้หนาทึบ เป็นทางที่วิบากใช้ได้ แต่เพราะเราเห็นจุดหมายปลายทางของถนนเส้นนี้ เป็นที่ๆ เราต้องการไปให้ถึง อาจเปรียบได้เหมือนตอนนี้ที่เราเพิ่งโดนมีดบาด ตกใจและกลัวมากๆ น้ำตาซึมแล้ว แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป จงหาพลาสเตอร์มาแปะรอยแผลให้เรียบร้อย และเดินมุ่งหน้าต่อไปในทางที่ได้เลือกเดิน ผู้หญิงอย่างเรามีความพิเศษไม่เหมือนใคร เราต่างเดินทางในเส้นทางของตน เป็นผู้หญิงที่แกร่งในเรื่องราวของเราเองภาพหน้าปก และรูปประกอบ : ภาพที่ 1 โดย ทับทิม เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !