อยู่ให้รอด เรียนให้จบ ใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้ม (ต่อ) เมื่อคุณใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาแล้ว การที่คุณจะอยู่ให้รอด เรียนให้จบ และใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้มนั้น มันต้องประกอบไปด้วยหลายๆ เรื่อง และจากตอนที่แล้ว เราพูดกันถึงเรื่อง "การเรียนให้รอด" กันไปแล้วคราวนี้ เรามาพูดกันต่อในเรื่อง "วิธีพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษอย่างก้าวกระโดด" กันต่อเลยนะคะทักษะด้านภาษานั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่เราต้องพัฒนาให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เพราะเป็นทักษะที่เมื่อเราอยู่ที่โน่น เราต้องใช้ทุกวันในการสื่อสารหากคุณไม่สามารถสื่อสารกับฝรั่งได้ ก็เสียดายโอกาสมากๆ เพราะจะหาโอกาสที่คุณได้ใช้ชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยฝรั่งแบบนี้ไม่ได้บ่อยๆ แน่ๆและถ้าคุณได้ทักษะภาษาอังกฤษในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ติดตัวกลับเมืองไทยไปด้วย โอกาสในการหางานประจำของคุณก็จะเปิดกว้างมากขึ้น และหางานได้ง่ายขึ้นเพราะงานประจำมักต้องการคนที่มีความสามารถพิเศษ โดยเฉพาะความสามารถด้านภาษาไปร่วมงานกันทั้งนั้นและด้วยความสามารถด้านภาษาที่คุณมี ก็จะส่งเสริมให้ประตูสู่โอกาสที่คุณจะทำงานเสริมหรือสร้างธุรกิจของคุณเอง เปิดกว้างมากกว่าคนอื่นๆดังนั้น คุณจึงควรพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าของตัวคุณเองวิธีการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษแบบก้าวกระโดด มีได้หลายวิธี แต่ฉันขอเลือกที่จะแนะนำวิธีลัดที่จะช่วยย่นระยะเวลาในการพัฒนาทักษะให้คุณแทน ดังนี้นะคะหาเพื่อนฝรั่งที่เป็นชาวคริสต์การมีเพื่อนฝรั่งที่เป็นชาวคริสต์ถือเป็นทางลัดที่สุดที่จะช่วยคุณในการพัฒนาทักษะด้านภาษาได้อย่างก้าวกระโดดเพราะคนเหล่านี้เป็นคนที่มีจิตใจดี พร้อมที่จะให้เวลาคุณในการฝึกทักษะในการสื่อสาร และการได้ฝึกภาษาอังกฤษกับเจ้าของภาษาเอง ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดพวกเค้าพร้อมที่จะฟังในสิ่งที่คุณพยายามจะพูด ไม่ว่าจะไวยากรณ์หรือสำเนียงของคุณจะแปร่งหรือผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่พวกเค้าก็พร้อมที่จะรับฟัง และพยายามสื่อสารกับคุณอย่างตั้งใจและใจเย็นเมื่อคุณไปอยู่ที่อเมริกาใหม่ๆ แน่นอนว่า ทักษะด้านการพูดและฟังของคุณอาจจะยังไม่ดีมากนัก แค่ฝรั่งพูดธรรมดา ก็ฟังไม่เข้าใจอยู่แล้วแต่เพื่อนฝรั่งที่เป็นชาวคริสต์ เค้าจะพยายามพูดช้าๆ ชัดๆ ให้คุณสามารถจับคำหรือประโยคที่เค้าพยายามจะสื่อสารได้ จึงทำให้คุณมีโอกาสฝึกฝนทักษะในการฟังพูดได้ค่อนข้างเยอะการที่คุณมีเพื่อนต่างชาติ จึงถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะคุณได้ฝึกฝนทุกวัน ซึ่งจะดีกว่าการเรียนภาษาอังกฤษจากตำราเรียนซะอีกและข้อดีที่คุณจะได้มากขึ้น นอกเหนือจากการได้ฝึกทักษะภาษาอังกฤษ ก็คือ คุณจะได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมแท้ๆ ของชาวอเมริกันจากเพื่อนที่เป็นชาวคริสต์ของคุณว่า พวกเค้าใช้ชีวิตกันอย่างไร เหมือนในหนังฝรั่งที่พวกเราดูกันหรือไม่ แต่ยังไงก็มีข้อควรระวังที่ต้องเตือนคุณไว้นิดส์นึง คือ เรื่องการเปลี่ยนศาสนาเพราะการที่ชาวคริสต์เหล่านี้ มาสนิทกับคุณ จริงๆ ลึกๆ แล้ว เค้าก็อยากให้คุณเปลี่ยนศาสนาจากชาวพุทธมาเป็นชาวคริสต์เหมือนกับพวกเค้าพวกเค้ามักเชิญชวนให้คุณไปโบสถ์กับพวกเค้าอยู่เสมอ และสอนให้เรียนอ่านไบเบิ้ลไปกับพวกเค้าด้วย แต่พวกเค้าก็ไม่ได้เร่งรัดหรือบีบคั้นอะไรคุณเท่าใดนักหรอก ทุกอย่างมันอยู่ที่คุณมากกว่าซึ่งถ้าคุณไม่รังเกียจแนวความคิดของพวกเค้าและไม่รังเกียจที่จะลองศึกษาศาสนาคริสต์ดู มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตแต่ถ้าคุณรู้สึกอึดอัดกับวิธีการนี้ คุณอาจลองหาเพื่อนฝรั่งคบดูก็ได้ค่ะ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่เรียนด้วยกันก็ได้ ซึ่งอาจหายากหน่อยนะคะ เพราะฝรั่งส่วนใหญ่จะมีโลกส่วนตัวสูงและบางคนก็มีแนวความคิดเหยียดคนเอเชียด้วยค่ะฉันจึงต้องเตือนให้ระวังไว้สักนิดนึงค่ะเรียนรู้ว่าคำใดบ้างที่ไม่สุภาพด้วยการดูรายการทีวี ละครฝรั่ง หนัง ฯลฯ อย่างตั้งใจและสังเกตคุณควรจะฝึกภาษาอังกฤษจากการดูรายการทีวี หนังฝรั่ง ฯลฯ บ่อยๆ ในช่วงเวลาที่คุณว่างจากการเรียนหรือการทำงานเสริมนะคะและเวลาที่คุณดู คุณก็ควรพยายามดูอย่างตั้งใจ เหมือนคุณกำลังฝึกทักษะการฟัง (Listening) อยู่ การดูรายการทีวี ละครฝรั่ง หรือแม้กระทั่งหนังฝรั่งตามโรงหนัง จะช่วยให้คุณได้รู้คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน คำด่า รวมไปถึงคำ Slang ที่เป็นคำศัพท์เฉพาะกลุ่มที่ฟังแล้วเข้าใจกันเฉพาะกลุ่มคนกลุ่มนั้นด้วยและนอกจากนั้น คุณยังได้เรียนรู้ว่า คำไทยคำไหนที่พอพูดออกไปแล้ว จะไม่สุภาพและเรียนรู้ที่จะเลี่ยงพูดคำไทยคำนั้นที่ถือว่าเป็นคำที่หยาบคายมากของฝรั่งด้วยนะคะเช่น คำว่า “พริก” หรือ “ฟัก” ขออนุญาติไม่แปลให้ฟังนะ ไว้ไปถึงโน่นแล้วคุณก็จะรู้ได้เองตามสัญชาติญาณของคุณว่ามันแปลว่าอะไรค่ะ ^_^โดยทักษะด้านภาษานั้น จะประกอบไปด้วยการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งถือเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝนทุกๆ วัน หากวันไหนคุณไม่ได้ใช้ คุณก็มีโอกาสที่จะลืมได้นะคะแต่ถ้าหากคุณได้ฝึกการพูดและการฟังบ่อยๆ ก็จะทำให้ทักษะการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษของคุณดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผลการเรียนของคุณก็จะดีขึ้นตามไปด้วยฉันจึงต้องเน้นย้ำกับคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า คุณต้องพยายามพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณให้ดีขึ้นในทุกๆ วันและพยายามพัฒนาให้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดดให้ได้นะคะ ไม่ใช่เพื่อใครเลย ก็เพื่อตัวคุณเองนั่นแหละค่ะ ^_^ชีวิตเรียนที่โน่น เป็นชีวิตที่มีคุณค่ามากๆ เป็นความทรงจำและเป็นประสบการณ์ที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ที่หาโอกาสแบบนี้ในชีวิตไม่ได้ง่ายๆ นะอาจมีเรื่องราวเกิดขึ้นกับคุณมากมาย ทั้งดีและไม่ดี ซึ่งเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้น ล้วนแล้วแต่เข้ามาเพื่อให้คุณได้เรียนรู้ เพื่อที่จะเติบโตและทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นหลายต่อหลายครั้ง คุณอาจรู้สึกท้อ อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่ต่อแล้ว หรือคุณอาจมีความคิดแค่ว่า อยากกลับเพื่อมาชาร์ตแบตฯเติมกำลังใจ แล้วจะกลับไปสู้ใหม่ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถ้าคุณเริ่มมีความคิดเช่นนั้น นั่นอาจหมายถึงใจคุณเริ่มที่จะยอมแพ้ มันไม่ผิดหรอกที่คุณจะรู้สึกแบบนั้นแต่อยากให้คุณคิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจบินกลับบ้านที่เมืองไทย เพราะหากคุณกลับมาอยู่บ้าน แม้เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ คุณก็อาจจะไม่อยากกลับไปที่อเมริกาอีกนะ แล้วคุณก็จะทำไม่สำเร็จ เรียนไม่จบอย่างที่คุณตั้งใจไว้นะซึ่งคำเตือนที่ฉันเขียนเตือนคุณไว้นี้ จริงๆ แล้ว ฉันได้รับจากแม่ของฉัน ถึงแม้ว่า แม่จะคิดถึงฉันและอยากให้ฉันกลับเมืองไทยมากแค่ไหนแต่แม่ก็เลือกที่จะไม่ให้ฉันกลับเมืองไทยและเตือนสติฉันในวันที่ฉันเริ่มอ่อนแอ เริ่มอยากจะยอมแพ้แล้วแม่บอกฉันว่า ถ้าฉันกลับบ้านแล้ว ฉันจะมีความรู้สึกไม่อยากกลับไปเรียนต่อที่อเมริกาอีก แล้วสุดท้ายฉันก็จะเรียนไม่จบนะคำพูดของแม่ ทำให้ฉันคิดได้ ฉันจึงเลือกที่จะเชื่อและทำตามคำที่แม่สอนและเตือนสติฉันในวันนั้น คือ ถ้ายังเรียนไม่จบ ฉันก็จะไม่กลับบ้านแล้วสุดท้าย ด้วยคำสอนของแม่ ฉันก็สามารถเรียนจบได้อย่างดีและอย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆดังนั้น ฉันจึงอยากให้คุณสร้างศรัทธาในตัวคุณเอง ให้กำลังใจตัวเองในวันที่ท้อ ยอมกัดฟันสู้เรียนต่อไป ไม่ว่าอุปสรรคในชีวิตที่นั่นจะหนักหนาสักแค่ไหน ก็ให้บอกกับตัวคุณเองบ่อยๆว่า สักวันคุณต้องได้ดีและคุณต้องทำให้สำเร็จตามที่คุณสัญญากับตัวคุณเองไว้ให้ได้แล้วสิ่งที่คุณบอกกับตัวเองบ่อยๆ มันก็จะพาคุณมาถึงวันที่คุณเข้าเส้นชัยที่ทำให้คุณสามารถบอกใครๆ ได้ว่า คุณเรียนจบกลับมาด้วยสมองและสองมือของตัวคุณเอง และคุณก็สามารถทำความฝันที่ยิ่งใหญ่ของคุณได้สำเร็จอย่างแท้จริงและสวยงาม . . .สู้ๆ นะคะ ^_^ภาพประกอบโดยผู้เขียน ** ติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ โดยกด link ข้างล่างนี้นะคะ ^_^ **ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 13)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 12)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 11)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 10)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 9)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 8)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 7)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 6)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 5)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 4) ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 3)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 2)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 1)* หากชอบเรื่องราวที่เขียนหรือเห็นว่าสิ่งที่เล่าให้ฟัง น่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่คุณรักหรือคนที่คุณรู้จัก ก็ช่วยแชร์ต่อให้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^_^ *