อยู่ให้รอด เรียนให้จบ ใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้ม (ต่อ)เมื่อคุณใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาแล้ว การที่คุณจะอยู่ให้รอด เรียนให้จบ และใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้มนั้น มันต้องประกอบไปด้วยหลายๆเรื่อง และจากตอนที่แล้ว เราพูดกันถึงเรื่อง "เอกสารสำคัญที่ต้องเก็บรักษาให้ดี" กันไปแล้วคราวนี้ เรามาพูดกันต่อในเรื่อง "เรียน" กันต่อเลยนะคะเรียนยังไงให้สอบผ่าน?จริงๆแล้ว การเรียนที่โน่นก็คล้ายกับการเรียนที่เมืองไทย ซึ่งถ้าคุณเรียนจนจบปริญญาตรีจากที่เมืองไทยได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่คุณจะทำไม่ได้ หากคุณตั้งใจเรียนจริงๆ ทุ่มเทและรู้จักแบ่งเวลาให้กับการเรียนจริงๆ มันก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าคุณจะทำไม่ได้ ในเมื่อคนอื่นทำได้ คุณก็ทำได้เช่นเดียวกันเพียงแต่ก่อนที่คุณจะทำได้นั้น คุณต้องรู้ก่อนว่า คนเรียนจนจบได้นั้น ตอนเรียนเค้าเรียนอย่างไร แล้วลองทำตามวิธีการนั้นดู ก็แค่นั้นเอง . . .สงสัยต้องกล้าถามตอนคุณเรียน หากคุณมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจอะไร อย่าได้เก็บไว้กับตัวเป็นอันขาด คุณกล้าเดินเข้าไปถามอาจารย์หน่อย ถือเป็นการฝึกภาษาและความกล้าไปในตัวโดยทั่วไปแล้ว ธรรมชาติของฝรั่ง เค้าจะชอบให้ถามเมื่อไม่เข้าใจ ไม่เหมือนคนไทยที่ไม่ว่าอะไรก็ขอพยักหน้าเอาตัวรอดไว้ก่อน แล้วค่อยมาถามกันเองทีหลัง ซึ่งจะเข้าใจถูกหรือผิดก็ไม่รู้เมื่อคุณคุยกับฝรั่งหรือเรียนกับครูฝรั่ง ถ้าคุณพยักหน้าให้เค้า เค้าจะถือว่า คุณเข้าใจสิ่งที่เค้าพูดทุกอย่างซึ่งหากคุณไม่กล้าถามในสิ่งที่คุณสงสัยหรือข้องใจแล้ว มันจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่จะเข้าใจ ต้องเสียเวลาและโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเจ้าของภาษาจริงๆ ดังนั้น เมื่อคุณไม่เข้าใจ คุณอาจยกมือถามในห้องเลยก็ได้ หรือถ้าคุณยังไม่กล้าและไม่อยากเด่น คุณก็อาจเดินไปถามอาจารย์หลังเลิกเรียนก็ได้ อาจารย์ที่สอนยินดีที่จะตอบคำถามให้คุณอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกลัว เพราะฉันใช้วิธีนี้ประจำฝึกการนำเสนอหรือการ present หน้าห้อง เมื่อคุณไปเรียนปริญญาโท ไม่ว่าคุณจะเรียนปริญญาโทที่เมืองไทยหรือที่ต่างประเทศ การนำเสนอหรือที่เรียกว่า "การ present" หน้าห้องนั้น เป็นสิ่งที่คุณเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วเพียงแต่ว่า ถ้าคุณเรียนที่เมืองไทย มันจึงค่อนข้างง่ายหน่อย เพราะใช้ภาษาไทยที่คุณคุ้นชินอยู่แล้ว แค่เตรียมเนื้อหาที่จะพูดก็พอแล้วแต่ถ้าคุณเรียนโทที่อเมริกา ความยากของการ present หน้าห้อง มันจะยากขึ้นหลายเท่าเพราะคุณต้องไปพูดหน้าห้องต่อหน้าฝรั่งที่เรียนด้วยกันกับคุณ ซึ่งฝรั่งบางคน คุณแทบไม่ได้คุยกับพวกเค้าด้วยซ้ำไหนจะต้องพยายามทำความเข้าใจเนื้อหาที่จะพูด ไหนจะต้องฝึกทักษะภาษาอังกฤษให้สามารถสื่อสารให้ครูผู้สอนและคนในห้องเข้าใจว่าคุณพูดถึงอะไรมันจึงต้องอาศัยการฝึกฝนที่ค่อนข้างเข้มข้นพอสมควร ก่อนการ present จริงหลีกเลี่ยงการพูดแบบด้นสดๆหน้าห้องนะคะ เพราะถ้าคุณไม่พร้อมจริงๆ โอกาสที่คุณจะตกม้าตาย ขายหน้าอยู่หน้าห้องต่อหน้าคนนับสิบนับร้อยก็อาจเป็นไปได้นะคะดังนั้นคุณจึงต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ คุณอาจลองเขียนเป็นบทพูดก่อนก็ได้จากนั้นคุณก็ค่อยท่องให้ขึ้นใจ ทำซ้ำหลายๆรอบจนกว่าคุณจะมั่นใจในการพูด ก็จะทำให้คุณผ่านเรื่องการ present ไปได้อย่างฉลุย หายห่วง . . .ฝึกทักษะภาษาอังกฤษในทุกด้านการฝึกทักษะภาษาอังกฤษในทุกด้านเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คุณจะใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาได้รอดแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับทักษะภาษาอังกฤษที่คุณมีเมื่อก่อนตอนไปเรียนที่อเมริกาใหม่ๆ ตอนนั้นทักษะภาษาอังกฤษของฉันยังไม่ค่อยดีนัก พูดก็ไม่ค่อยได้ ฟังก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเวลาจะติดต่อกับฝรั่งหรือเจ้าหน้าที่ในแผนกต่างๆของมหาลัยทีไร เป็นต้องให้เพื่อนคนไทยที่อยู่ที่อเมริกามาก่อนเป็นล่ามให้ทุกที และด้วยความซ่า อยากไปเรียนก่อน และไปลุยเอาดาบหน้าตามช่องทางที่คิดว่า น่าจะทำให้ไปเรียนต่อโทที่โน่นได้ (ซึ่งฉันจะเล่าช่องทางให้ฟังอีกทีในตอนถัดๆไปนะ)พอมหาลัยที่โน่นรับ ฉันก็เลยต้องโดนบังคับให้เข้าเรียนเสริมเกี่ยวกับการออกเสียงให้ถูกต้องและทักษะการสื่อสารพอมาคิดย้อนดูอีกที ก็ถือว่าฉันโชคดีนะที่โดนบังคับให้เรียนแบบนั้น เพราะอะไรนะเหรอ?เพราะมันทำให้ฉันได้เคล็ดลับมาจากอาจารย์ฝรั่งว่า ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ ฉันต้องอ่านให้เยอะๆการอ่านภาษาอังกฤษให้เยอะๆ จะทำให้มีข้อมูลคำศัพท์ต่างๆและประโยคต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษอยู่ในหัว ซึ่งจะช่วยให้จำประโยคและเพิ่มคลังประโยคในสมองได้มากขึ้น ทำให้สามารถนำออกมาใช้ได้เร็วขึ้นและที่สำคัญที่สุด คือ ฉันต้องพยายามฝึกทักษะทุกด้าน คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน แบบแปลอังกฤษเป็นอังกฤษเลย วิธีนี้จะทำให้มีพัฒนาการด้านภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้นเพราะการแปลอังกฤษเป็นไทยในหัว แล้วค่อยแปลและสื่อออกมาเป็นอังกฤษอีกที มันทำให้กว่าที่จะเรียบเรียงออกมาคำพูดได้ จะทำให้ช้ามาก และบางครั้งก็ไม่ถูกต้องด้วยประโยคในภาษาอังกฤษค่อนข้างเป็นประโยคที่สั้น กระชับ และได้ใจความ ไม่เยิ่นเย้อเคยสังเกตไม๊ว่า คำภาษาอังกฤษบางคำ พอเราเอามาแปลเป็นภาษาไทย บางทีอาจต้องใช้คำหลายๆคำมารวมกัน ถึงจะแปลออกมาได้ใจความตามที่ภาษาอังกฤษสื่อออกมา และบางทีก็อาจจะไม่ได้ใจความที่ถูกต้องที่ต้องการสื่อแบบที่ฝรั่งเข้าใจกันก็ได้ดังนั้นด้วยวิธีการแปลอังกฤษเป็นอังกฤษในหัว จะทำให้คุณมีพัฒนาการด้านภาษาได้อย่างเร็วที่สุดและดีที่สุดด้วยและหากคุณไม่รู้คำศัพท์คำไหน คุณก็ไม่ควรเปิดพจนานุกรมแปลคำศัพท์มากนัก ให้ลองฝึกแปลจากเนื้อหาที่อ่านเลยจะดีกว่า เพราะทำให้คุณเข้าใจความหมายและจำศัพท์ได้ไปในตัวยกเว้นว่า เป็นคำศัพท์ที่ยากจริงๆ ที่พอคุณลองอ่านจากเนื้อหาแล้ว อ่านหลายรอบก็แล้ว ทำยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆ ซะที คุณจึงค่อยเปิดหาความหมายของคำศัพท์นั้นๆ ตอนฉันไปที่โน่นใหม่ๆ ไม่มีใครมาแนะนำแบบที่ฉันเล่าให้คุณฟังหรอก กว่าฉันจะอ่านจบแต่ละบท ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียว บางทีเป็นวันๆเลยนะกว่าจะจบบท เพราะต้องไล่เปิดคำศัพท์ที่ติดเกือบทุกคำ เสียเวลามากๆเลยถ้าคุณลองทำแบบที่ฉันแนะนำ คุณจะพบว่า ด้วยวิธีแบบนี้ มันช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการอ่านหนังสือ Textbook แต่ละบทของคุณได้ค่อนข้างเยอะมากเลยการใช้ชีวิตเรียนต่อที่อเมริกานั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยที่อยากจะเล่าให้ฟังอีกนะคะ จึงขอยกไปเล่าต่อในตอนหน้าและตอนถัดๆไปแทนคะสู้ๆ นะคะ ^_^ (โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ ^_^)ภาพประกอบโดยผู้เขียน ** ติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ โดยกด link ข้างล่างนี้นะคะ ^_^ **ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 11)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 10)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 9)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 8)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 7)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 6)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 5)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 4) ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 3)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 2)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 1)