เมื่อคุณได้รับเอกสารตอบรับเข้าเรียนต่อจากมหาลัยที่อเมริกาเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็มาถึงขั้นตอนเตรียมพร้อมสุดท้าย นั่นก็คือ . . .เตรียมพร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่อขั้นตอนนี้ ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เปรียบเสมือนนักมวยที่เตรียมฟิตซ้อมเป็นอย่างดี ก่อนการขึ้นชกในสังเวียนจริงถ้าคุณเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีในทุกเรื่องและทุกด้าน เมื่อต้องลงสนามแข่งจริง โอกาสที่จะโดนคู่ต่อสู้น็อคเอาท์ก็แทบจะน้อยมาก หรือคุณอาจมีโอกาสชนะน็อคได้อย่างสบายๆดังนั้น ฉันจึงได้ทำ check list ง่ายๆ ไว้ให้กับคุณ ตามลำดับข้างล่างนี้1. ติดต่อทำหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ต (Passport) ก่อนที่คุณจะทำทุกสิ่งอย่างสำหรับการเตรียมตัวเพื่อเดินทางนั้น พาสปอร์ตดูเหมือนจะเป็นเรื่องแรก และเป็นใบเบิกทางสำคัญสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศคุณควรติดต่อหน่วยงานราชการและทำพาสปอร์ตไว้เลยตั้งแต่เนิ่นๆ หรือคุณอาจทำทิ้งไว้เลย ตั้งแต่ก่อนรู้ผลการสมัครเรียนจากมหาลัยก็ได้ เพราะการทำพาสปอร์ตนั้นค่อนข้างใช้เวลานานหลายวันกว่าจะได้รับเล่มพาสปอร์ต สถานที่ที่คุณสามารถติดต่อเพื่อขอทำพาสปอร์ต ปัจจุบันก็มีอยู่หลายที่ ซึ่งคุณสามารถดูรายละเอียดขั้นตอนและเอกสารในการขอทำพาสปอร์ต ได้ที่ เว็บไซต์ของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ http://www.consular.go.th ในส่วนของเมนูหลักที่ชื่อว่า “บริการประชาชน” แล้วเลือกไปที่เมนูย่อยที่ชื่อว่า "หนังสือเดินทาง"หรือถ้าคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็สามารถโทรติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ได้เลย ตามเบอร์ที่ทางกรมการกงสุลได้ให้ไว้ในเว็บไซต์2. ติดต่อขอวีซ่า (Visa) จากสถานทูตอเมริกา เมื่อคุณได้รับเอกสารยืนยันการรับเข้าศึกษาต่อและเอกสารเพื่อขอวีซ่าจากทางมหาลัยแล้ว และคุณก็มีหนังสือเดินทางหรือพาสปอร์ตเรียบร้อยแล้ว คุณก็พร้อมที่จะไปขอวีซ่าจากทางสถานทูตอเมริกาซึ่งคุณสามารถเข้าไปดูขั้นตอนและเอกสารที่ต้องใช้ในการขอวีซ่า ได้ที่เว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกา https://th.usembassy.gov/ ในส่วนของเมนูหลักที่ชื่อว่า “วีซ่า” แล้วเลือกไปที่เมนูย่อยที่ชื่อว่า "วีซ่าชั่วคราว"หรือถ้าคุณอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็สามารถโทรติดต่อสอบถามที่สถานทูตฯได้เลย ตามเบอร์ที่ทางสถานทูตฯได้ให้ไว้ในเว็บไซต์ตอนที่ไปขอวีซ่านั้น อาจจะต้องมีการสัมภาษณ์ และหากไม่มีเอกสารที่ออกโดยมหาลัย การที่จะได้วีซ่าจะยากหน่อยสำหรับผู้หญิง เพราะเค้ากลัวว่า ถ้าให้วีซ่าแล้ว อาจไปแล้วไม่กลับ เพราะอาจจะไปหาสามีหรือไปค้าประเวณีที่โน่น3. กำหนดวันเดินทางหลังจากได้รับเอกสารต่างๆพร้อมสำหรับการเดินทางแล้ว คุณจะต้องกำหนดวันที่คุณจะเดินทางไปที่มหาลัยถ้าให้ดี คุณควรไปล่วงหน้าก่อนมหาลัยเปิด สัก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฉุกละหุกในวันเปิดเรียน และเพื่อจะได้ไปดูลู่ทางต่างๆในเรื่องเกี่ยวกับการพักอาศัยและการเรียนที่โน่นซึ่งในแต่ละมหาลัย เค้าจะมีแผนกที่ให้บริการกับนักศึกษาต่างชาติอยู่แล้ว คุณสามารถอีเมล์ไปสอบถามหรือขอความช่วยเหลือไว้ก่อนล่วงหน้าได้หรืออาจจะให้คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้กำหนดวันเดินทางให้ก็ได้ ถือเป็นวันเอาฤกษ์เอาชัยฤกษ์ดี เพราะเป็นฤกษ์ดีที่พระในบ้านให้มา4. ซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวเมื่อคุณกำหนดวันเดินทางได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มต้นหาข้อมูลเปรียบเทียบราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แล้วรีบดำเนินการจองตั๋วเครื่องบินให้พร้อมไว้เลยซึ่งในปัจจุบัน คุณสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ของสายการบินต่างๆ และเปรียบเทียบราคาได้อย่างไม่ยากบางสายการบิน คุณก็ไม่ต้องไปรับตั๋วเอง ใช้การซื้อทางออนไลน์ แล้วไปโชว์ตั๋วเครื่องบินก็ได้แต่คุณต้องตรวจสอบขั้นตอนดีๆ หรือถ้าไม่แน่ใจ ก็ถามจากคนที่เคยเดินทางไปอเมริกามาแล้ว หรือขอคำแนะนำจากพวกบริษัททัวร์ก็ได้ซึ่งตั๋วเครื่องบินที่คุณจะซื้อ ให้ซื้อเป็นตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว คือไปอย่างเดียว และให้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ขายตั๋วเครื่องบินให้ระบุที่ตั๋วด้วยว่า เป็นตั๋วแบบเที่ยวเดียว คือไปอย่างเดียวและถ้าต้องต่อเครื่อง ขอให้เจ้าหน้าที่เลือกเที่ยวบินที่มีการต่อเครื่อง แค่ 2-3 ที่ก็พอ และให้เจ้าหน้าที่เลือกต่อเที่ยวบินที่มีการเผื่อเวลาต่อเครื่อง ไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องรีบร้อนมากในการขึ้นเที่ยวบินถัดไป และกระเป๋าเดินทางของคุณจะได้พร้อมอยู่บนเครื่องบินในเที่ยวบินที่คุณบินด้วย ไม่สูญหายไประหว่างการต่อเครื่องบิน **อันนี้สำคัญมาก**คุณไปเรียนที่โน่นเป็นเวลานานหลายๆปี ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวขากลับล่วงหน้าเอาไว้ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องการเปลี่ยนตั๋วเที่ยวบินขากลับและอีกสิ่งหนึ่งที่อยากแนะนำ คือ เวลาซื้อตั๋วเครื่องบินนั้น ด้วยความที่ระยะเวลาในการเดินทางไปอเมริกานั้น ยาวนานมากๆ กว่าจะถึงอเมริกา ต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หรือ 24 ชั่วโมง แถมอาจต้องมีการต่อเครื่องฯ ด้วยจึงขอแนะนำให้คุณเลือกนั่งที่นั่งใกล้ทางเดิน เพื่อจะได้สะดวกในการลุกไปเข้าห้องน้ำ และลุกเดินได้บ้าง จะได้คลายความเมื่อยล้าจากการนั่งนานๆ และไม่อึดอัดมากนักตอนที่ฉันไป ไม่มีใครแนะนำ ก็เลยจองที่นั่งติดริมหน้าต่าง เพราะเป็นทริปการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของฉัน เผื่อจะได้ดูวิวข้างนอก ปรากฎว่า นั่งไม่สบายเลยและอึดอัดมาก จะลุกไปไหนก็ไม่ได้เลย จะลุกทีก็ต้องกวนคนที่นั่งข้างๆถัดไปอีก 2 คน ให้ลุกตามไปด้วย กว่าฉันจะถึงอเมริกา ทำเอาแย่ไปเหมือนกันและที่ห้ามลืม ก็คือ คุณควรสมัครสมาชิกเพื่อสะสมไมล์การเดินทางไว้ด้วย เพื่อที่ว่าคุณจะได้สะสมและนำไปใช้แลกตั๋วเครื่องบินหรือสินค้าพรีเมี่ยมของสายการบินได้ในอนาคตส่วนเรื่องขนาดกระเป๋าที่ใช้เดินทางและน้ำหนักที่กำหนดไว้ของสายการบินนั้นๆ คุณสามารถขอคำแนะนำได้จากเจ้าหน้าที่ที่คุณซื้อตั๋วเครื่องบิน5. เตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางคุณควรเลือกซื้อกระเป๋าเดินทางไซด์ใหญ่ที่สุดเท่าที่คุณจะยกไหว เพื่อจะได้เอาไว้ใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวแล้วนำไปโหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน สัก 2 ใบต้องดูกระเป๋าเดินทางที่มีความแข็งแรงและรับน้ำหนักได้ มีความทนทาน และขนาดกระเป๋าเดินทางต้องไม่ใหญ่เกินที่ทางสายการบินกำหนด ซึ่งคุณสามารถปรึกษาพนักงานขายกระเป๋าเดินทางและเลือกซื้อได้ตามงานส่งออกต่างๆก็ได้คุณควรซื้อกุญแจล็อค หรือเลือกแบบที่ให้มีรหัสหมุนๆอยู่ที่ตัวกระเป๋าก็จะดีมากและที่สำคัญ คุณต้องมีกระเป๋าเดินทางเล็กไว้ใช้สำหรับขึ้นเครื่องอีก 1 ใบ เพื่อไว้ใส่ของใช้ส่วนตัวและจะได้เอากระเป๋าเดินทางเล็กนี้ไว้ใส่ในที่เก็บสัมภาระเหนือที่นั่งบนเครื่องบิน ซึ่งขนาดก็ต้องไม่เกินกว่าที่สายการบินกำหนดไว้ด้วยนอกจากนั้น คุณควรมีกระเป๋าย่อย เพื่อใส่ของจำเป็นไว้พกติดตัวตอนนั่งตรงที่นั่งบนเครื่องบิน เพราะมันคงไม่สะดวกนักที่ต้องคอยเปิดที่เก็บสัมภาระในห้องโดยสาร หรือ cabin บนเครื่องบ่อยๆซึ่งสิ่งของที่จะใส่ในกระเป๋าย่อยนี้ จะเป็นพวกเอกสารสำคัญๆ ต่างๆ เช่น พาสปอร์ต วีซ่า ฯลฯ รวมถึงพวกของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ปากกา ของใช้จิปาถะต่างๆ เพราะคุณต้องไปนอนค้างบนเครื่องบินด้วย6. กระเป๋าซ่อนเงินคุณมีความจำเป็นต้องพกเงินดอลล่าร์ค่อนข้างเยอะ เผื่อใช้ระหว่างการเดินทางและเริ่มต้นใช้ชีวิตที่อเมริกาในช่วงแรก และคุณอาจต้องมีการพกเช็ค draft เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเรียนหรือเปิดบัญชีที่โน่นด้วยดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง คุณจึงควรมีกระเป๋าซ่อนเงินที่ผูกไว้กับเอวของคุณไว้ แล้วใช้เสื้อปิดทับอีกชั้น เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าคุณพกเงินสดค่อนข้างเยอะขณะเดินทางส่วนจำนวนเงินที่คุณควรพกไประหว่างเดินทางเท่าไหร่นั้น คุณสามารถปรึกษาคนที่เคยไปเรียนมาแล้ว, เพื่อน หรือปรึกษากับคุณพ่อคุณแม่ของคุณก็ได้แต่ฉันไม่แนะนำให้คุณพกไปทั้งหมด เพราะมันเป็นการเสี่ยงมากที่จะสูญหายในระหว่างเดินทางคุณอาจพกเงินไปแค่สำหรับค่าเรียนและค่าหนังสือในเทอมแรก และเตรียมไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในช่วง 2-3 เดือนแรกก็พอ เพื่อให้คุณสามารถไปตั้งต้นใช้ชีวิตที่โน่นได้ง่ายขึ้นและเนื่องด้วยรายละเอียดในการเตรียมพร้อมก่อนการเดินทางไปเรียนต่อที่อเมริกานั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะ จึงขอยกไปเล่าต่อในตอนหน้านะคะ เพราะเกรงจะทำให้บทความนี้ยาวเกินไปสู้ๆ นะคะ ^_^(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ ^_^)ภาพประกอบโดยผู้เขียน