จากตอนที่แล้ว ฉันได้พูดถึงการเตรียมตัวก่อนเดินทางไปเรียนต่อโทฯ ที่อเมริกา ไปจนจบแล้ว แต่ก็ยังมีรายละเอียดที่อยากพูดถึงเพิ่มเติมอีกหลายข้อเพื่อเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมจริงๆ ก่อนเดินทางไปลุยใช้ชีิวิตในอเมริกาและเพราะอยากจะย้ำอีกครั้งว่า การใช้ชีวิตในอเมริกา ถือเป็นสนามจริงที่คุณจะไม่สามารถถอยกลับมาตั้งหลักที่บ้านได้ ถ้าหากคุณไม่เตรียมตัวให้พร้อม ชีวิตที่โน่นจะอยู่ยากมาก เพราะคุณต้องพึ่งตัวเองสุดๆดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา สิ่งที่ฉันพอจะแบ่งปันและเสริมรายละเอียดให้คุณจากประสบการณ์ตรงที่ฉันได้ทำมา สำหรับขั้นตอนนี้ ก็คือ1. ขนของไปเท่าที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นชีวิตที่โน่นสัก 2-3 เดือนก็พอถ้าคุณจะไปแบบฉัน ก็ไม่ต้องประหยัดขนาดฉันก็ได้นะ คือ ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างตอนไปใช้ชีวิตที่โน่น อะไรที่ฉันพอขนไปได้และลดค่าใช้จ่ายที่จะใช้เงิน ฉันก็ขนไปหมดคุณประหยัดเท่าที่จำเป็นก็พอ เพราะบางอย่างไปถึงแล้วก็ไม่ได้ใช้จริงๆ เสียแรงขนไปเปล่าๆอย่าลืมว่า ชีวิตคุณที่โน่น เริ่มต้นด้วยกระเป๋าใหญ่เพียงแค่ 2 ใบ กับกระเป๋าพกขึ้นเครื่องพร้อมกระเป๋าย่อยเพียงอย่างละใบดังนั้นต้องคิดดีๆว่าอะไรควรเอาไป อะไรไม่ควรเอาไป หรือให้แน่ใจจริงๆ ก็ลองปรึกษาคนที่เคยไปเรียนมาแล้ว หรือเคยอยู่ที่โน่นมาก่อน ก็พอได้แนวทางบ้าง อย่างน้อยก็ประหยัดเงินจากการที่ซื้อของอะไรแล้วอาจไม่ได้ใช้เลยก็เป็นได้2. การแพ็คของลงกระเป๋าที่ดีให้คุณทยอยเริ่มแพคของใส่ในกระเป๋าเดินทางทั้ง 2 ใบ ตั้งแต่ก่อนวันเดินทางสักเดือนหนึ่ง โดยทำรายการ checklist พิมพ์ออกมาหรือเขียนออกมาใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางแต่ละใบซึ่งในกระเป๋า 2 ใบที่คุณจะขนไปนั้น คุณอาจจัดเป็นกระเป๋าใส่เสื้อผ้า 1 ใบและกระเป๋าสำหรับใส่ของใช้จำเป็นอีกใบก็ได้เสร็จแล้วก็ลองเอากระเป๋ามาชั่งน้ำหนัก เพื่อไม่ให้เกินจากที่สายการบินกำหนดไว้ โดยทั่วไปเค้าจะไม่ให้เกิน 32 กิโลกรัม หรือ 70 ปอนด์ ต่อคนแนะนำให้เช็คข้อมูลโดยตรงอีกทีจากทางสายการบินที่คุณจะเดินทาง จะดีที่สุดและคืนก่อนวันเดินทาง ก่อนจะปิดกระเป๋าแต่ละใบ คุณควรตรวจเช็คอีกทีว่า เอาของที่คุณต้องการนำไปด้วย ครบถ้วนหรือไม่ โดยเฉพาะเอกสารสำคัญที่ใช้ติดต่อราชการและติดต่อมหาลัย ต้องเก็บไว้กับตัว จึงจะดีที่สุดในกระเป๋าย่อยที่คุณจะพกขึ้นเครื่องและนำติดตัวไว้ตอนนั่งบนเครื่องบิน คุณควรพกอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณเพลิดเพลินระหว่างนั่งบนเครื่องเป็นเวลายาวนานไปด้วย อาจจะเป็นหนังสือเล่มเล็ก 1 เล่ม ไอแพด ฯลฯ และควรต้องมีปากกา ที่ลบคำผิด สมุดจดเล่มเล็กไปด้วย เพื่อใช้จดและเขียนแบบฟอร์มเวลาเข้าสู่ประเทศต่างๆ โดยจะมีแจกตอนอยู่บนเครื่องบินก่อนเครื่องบินจะบินลงสู่ที่หมายในที่ต่างๆ3. การเตรียมร่างกายและเครื่องแต่งกายสำหรับวันเดินทางก่อนเดินทาง 1 วัน แนะนำว่า ห้ามทานอะไรที่เสี่ยงจะทำให้เจ็บป่วยหรือท้องเสียระหว่างการเดินทาง ให้ทานอาหารรสจืดแทนสักวันนะ มิฉะนั้นจะหาว่าไม่เตือน ^_^แล้วในวันเดินทาง คุณควรแต่งตัวทะมัดทะแมงแต่ค่อนไปทางสบายๆ เพราะหากคุณใส่เสื้อผ้าที่รัดติ้วมากๆ คุณจะรู้สึกอึดอัดมากในเวลาที่ต้องอยู่เครื่องบินเป็นเวลานานเกือบวัน ทั้งกินทั้งนอนบนเครื่องบินเลยและที่สำคัญ ควรใส่มีเสื้อกันหนาวติดตัวไว้ด้วยตลอด เผื่อเวลาที่ไปต่อเครื่องแล้ว สภาพอากาศที่นั่นอาจจะหนาวเย็น คุณก็จะได้มีเสื้อใส่ให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้4. การยื่นเอกสารและการเดินทางด้วยสายการบินคุณควรไปถึงสนามบินก่อนเวลาเดินทาง สัก 3 ชั่วโมง และก่อนออกจากบ้าน คุณควรจะเช็คก่อนว่า เคาน์เตอร์ของสายการบินที่คุณจะเดินทางอยู่ที่ประตูไหนของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อที่ว่า พอคุณไปถึงสนามบินแล้ว จะได้ไม่เสียเวลาเดินหาเคาน์เตอร์ของสายการบินอีก และคุณจะได้มีเวลาเหลือที่จะเตรียมตัวหรือแก้ปัญหาเผื่อมีเหตุไม่คาดฝัน จะได้ไม่ตกเครื่องบินหรือไปไม่ทันเวลาขึ้นเครื่องบินแล้วพอไปถึงสนามบิน คุณต้องไปยื่นตั๋วเครื่องบินที่เคาน์เตอร์สายการบินนั้นๆ แล้วเจ้าหน้าที่ของสายการบินก็จะออก boarding pass มาให้ ซึ่งเสมือนตั๋วที่ใช้ในการขึ้นเครื่อง ซึ่งในใบ boarding pass จะบอกเวลาที่ต้องขึ้นเครื่อง (boarding time) และขึ้นเครื่องที่ประตูไหน (gate)ซึ่งในการไปอเมริกานั้น ส่วนใหญ่จะมีการต่อเครื่องถึง 2-3 ครั้งแล้วแต่ว่าสายการบินจะระบุให้คุณเป็นแบบไหน ใน boarding pass แต่ละใบจะมีการระบุรายละเอียดเอาไว้ คุณควรจะเก็บใบ boarding pass ไว้อย่างดีที่สุดแล้วตอนที่คุณ check-in คุณก็ต้องทำการโหลดกระเป๋าทั้งสองใบไว้ที่เคาน์เตอร์เช็คอินเลย แล้วบอกว่าปลายทางไปที่ไหน ซึ่งกระเป๋าเดินทางของคุณจะถูกส่งตรงไปยังปลายทางเลย ไม่ต้องวุ่นวายย้ายกระเป๋าเดินทางเองตอนเปลี่ยนเครื่อง พอถึงปลายทาง คุณก็ไปรับกระเป๋าเดินทางของคุณที่ปลายทางที่ระบุไว้ในตั๋วเครื่องบินได้เลยพอใกล้เวลาเดินทางสัก 1 ชั่วโมง คุณก็ควรเข้าที่ประตูผู้โดยสารขาออก เพื่อต่อแถวสแกนของทุกอย่างรวมถึงตัวคุณด้วย ก่อนเข้าเขตของผู้เดินทางจริงๆ แล้วคุณก็ไม่ควรพกของกินเข้าไปด้วยหากไม่จำเป็น เพราะที่สนามบินและพวกสายการบินนานาชาติ บางทีเค้าก็เคร่งมากเหมือนกันหลังจากนั้น คุณต้องรีบไปต่อแถวที่เคาน์เตอร์ของกองตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อยื่นเอกสารเดินทางออกนอกประเทศตามที่คุณได้รับเอกสารจากที่สายการบินและกรอกเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว คุณควรต้องเผื่อเวลาสำหรับจุดนี้ไว้ให้เยอะด้วยนะคะ เพราะบางทีมีคนเดินทางมาก แถวตรงนี้จะยาวมาก ถ้าไม่เผื่อเวลา คุณอาจพลาดตกเครื่องบิน ไปไม่ทันเวลาขึ้นเครื่องบินก็ได้นะเมื่อผ่านทุกขั้นตอนที่เป็นทางการเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ก็ถึงเวลาชิล (Chill) คุณจะทำอะไรได้ แต่ก็ควรไปรอที่ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาที่ระบุไว้สัก 15-20 นาที เพื่อจะได้ไม่ตกเครื่องบินระหว่างที่เดินทางไปอเมริกานั้น ก็ต้องมีการต่อเครื่อง ไม่ได้บินทอดเดียวถึง ในระหว่างที่บิน กัปตันหรือแอร์โฮสเตส จะประกาศบนเครื่องว่า จะบินลงที่หมายเวลาเท่าไหร่ อากาศเป็นอย่างไร เวลาที่หมายเป็นเวลาเท่าไหร่ ต้องทำอย่างไรบ้างพอฟังเสร็จ ก็ต้องรีบจำให้ได้หรือจดไว้ในสมุดเล่มเล็กที่คุณมีในกระเป๋าย่อยพอถึงสนามบินที่คุณต้องเปลี่ยนเครื่อง คุณต้องรีบเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาของคุณให้ตรงตามเวลาของสนามบินนั้นๆ เพื่อจะได้ไม่ตกเครื่องเพียงเพราะคุณไม่ได้ตั้งเวลาให้ตรงกับเวลาของประเทศนั้นๆที่คุณอยู่หรือถ้ากลัวจะลืมปรับนาฬิกา ก็ให้คุณรีบปรับเวลาเลยตอนที่กัปตันประกาศ จะดีที่สุดเสร็จแล้วก็แนะนำให้คุณรีบไปสำรวจตามที่เค้าระบุไว้ใน boarding pass ว่า gate ที่จะต้องต่อเครื่องอยู่ตรงไหน เสร็จแล้วก็ดูสินค้าแถวนั้นเล่นๆ เพื่อรอเวลาก็ได้ค่ะเพียงเท่านี้ คุณก็พร้อมสำหรับเวลาแห่งการผจญภัยในโลกกว้างของคุณ ซะที . . . สู้โว้ย . . .สู้ๆ นะคะ ^_^(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ ^_^)ภาพประกอบโดยผู้เขียน