อยู่ให้รอด เรียนให้จบ ใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้ม (ต่อ)จากตอนที่แล้ว เมื่อคุณเริ่มออกเดินทางไปที่อเมริกาแล้ว การที่คุณจะอยู่ให้รอด เรียนให้จบ และใช้ชีวิตเมืองนอกให้คุ้มนั้น มันประกอบไปด้วยหลายๆเรื่อง มาเล่าให้ฟังต่อเลยนะคะการหาทุนการศึกษาที่อเมริกาการหาทุนการศึกษาเพิ่มเติมจากข้อมูลที่ได้ศึกษาไว้ตอนอยู่เมืองไทย มหาลัยที่อเมริกาส่วนใหญ่มักให้ทุนเรียนฟรีและมีเงินเดือนให้ในระยะเวลาที่ได้รับทุนฯ นั้นๆ ซึ่งก็จะมีทุนฯประเภท Graduate Assistantship (GA) หรือ Teacher Assistantship (TA) หรือทุนฯพิเศษต่างๆซึ่งทุนการศึกษา ประเภทที่ลงท้ายด้วยคำว่า "Assistantship" จะเป็นทุนการศึกษาที่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมว่า ผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาประเภทนี้ คุณจะต้องทำงานให้กับหน่วยงานที่คุณได้รับทุนฯด้วย แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละหน่วยงานว่า ต้องการให้คุณทำงานสัปดาห์ละกี่ชั่วโมงและให้คุณทำงานอะไรให้หน่วยงานเค้าบ้างถ้าเป็นทุนฯประเภท Graduate Assistantship (GA) ส่วนใหญ่จะเป็นงานประเภทจิปาถะในสำนักงาน เช่น ถ่ายเอกสาร กรอกข้อมูล โทรติดต่อนักศึกษา ฯลฯแต่ถ้าเป็นทุนฯประเภท Teacher Assistantship (TA) ก็จะเป็นงานผู้ช่วยสอน ซึ่งบางคนอาจจะต้องทำการสอนแทนอาจารย์ในมหาลัยไปเลยส่วนคุณจะทราบได้ว่า เค้าเปิดรับสมัครให้ทุนการศึกษาที่ไหนบ้าง, เปิดให้สมัครเมื่อไหร่, ใช้เอกสารอะไรบ้าง และต้องสมัครอย่างไรบ้างนั้น ก็ด้วยการถาม ถาม แล้วก็ถาม . . .จำได้ว่า ตอนนั้น ฉันไล่ถามทุกหน่วยงานในมหาลัย น่าจะไม่ต่ำกว่า 40 หน่วยงาน แล้วจดบันทึกไว้เป็น Check List เพื่อวางแผนในการส่งสมัครขอทุนการศึกษาต่อไปหรือคุณอาจเริ่มต้นด้วยการถามที่หน่วยงานดูแลนักศึกษาต่างชาติก็ได้ว่า ถ้าคุณอยากสมัครขอทุนการศึกษาในมหาลัย ต้องติดต่อที่หน่วยงานไหนบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่เค้าก็จะให้คำแนะนำกับคุณเองว่า คุณควรจะไปหาข้อมูลที่แผนกไหนต่อที่เป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเจ้าหน้าที่อาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการทุนการศึกษาของมหาลัยกับคุณเลยก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะสามารถบอกคุณได้ทันทีว่า แผนกใดบ้างในมหาลัยที่เปิดรับสมัครให้ขอทุนการศึกษากับนักเรียนต่างชาติได้ พร้อมบอกขั้นตอนวิธีการสมัครและเตรียมตัวให้ด้วยส่วนการเตรียมตัวและเอกสารเบื้องต้นที่คุณควรมีในการสมัครขอทุนการศึกษาที่มหาลัย มีดังต่อไปนี้1. ประวัติการทำงานหรือ Resume ที่เป็นภาษาอังกฤษ และเอกสารอื่นๆที่หน่วยงานต้องการประวัติการทำงานหรือ Resume ที่เป็นภาษาอังกฤษ และเอกสารอื่นๆที่หน่วยงานต้องการให้ส่งแนบเพื่อประกอบการตัดสินใจ เขียนให้ละเอียดและดูน่าเชื่อถือ ทำเสมือนว่า คุณกำลังสมัครงานบริษัท ทำให้ดีและเนี้ยบที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วจัดเตรียมเอกสารต่างๆเพื่อสมัครขอทุนฯ เป็นชุดๆ และส่งตามหน่วยงานที่คุณได้ทำ Check List ไว้ ตอนที่คุณไล่ถามแต่ละหน่วยงาน โดยไล่ส่งตามช่วงเวลาที่แต่ละหน่วยงานเปิดรับสมัครให้ขอทุนการศึกษาได้ ห้ามพลาดเป็นอันขาดจากนั้น คุณควรหมั่นเข้าไปสอบถามความคืบหน้า เพื่อแสดงถึงความใส่ใจและความต้องการได้รับทุนฯ อันนี้เป็นเทคนิคที่เพื่อนต่างชาติของฉันแนะนำมา ซึ่งก็ได้ผล ทำให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆจำหน้าคุณได้แต่การเข้าไปสอบถามนั้น ไม่ควรบ่อยมากนัก ดูตามความเหมาะสม อาจเป็นทุก 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้นนิดนึงก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งไว้ให้นานเกินไป ค่อยเข้าไปสอบถาม เพราะอาจมีคนที่เข้าไปถามบ่อยกว่าคุณก็เป็นได้2. การสัมภาษณ์เพื่อขอทุนการศึกษาจากมหาลัยแนะนำให้คุณเตรียมคำพูดภาษาอังกฤษเพื่อแนะนำตัวคุณเองและเตรียมคำถามคำตอบที่คิดว่าหน่วยงานที่คุณจะต้องไปสัมภาษณ์จะถามคุณไว้ด้วย จัดทำเป็นสคริปการแนะนำตัวและท่องให้ขึ้นใจไว้เลย แล้วเวลาเจอคนสัมภาษณ์ให้โปรยยิ้มสยามไปให้พวกเค้าด้วย ก็จะดีมากเลย . . .เวลาสัมภาษณ์กับฝรั่งนั้น พวกฝรั่งเค้าชอบคนที่พูดโชว์แสดงความสามารถ มีความกระตือรือร้น และขายตัวเองอย่างมั่นใจว่าถ้าพวกเค้าเลือกให้มาเป็นเด็กทุนฯ ในหน่วยงานของเค้า เราจะไม่ทำให้เค้าผิดหวังที่เลือกเรา ซึ่งจะไม่เหมือนธรรมเนียมของคนไทยที่มักไม่ค่อยโชว์หรืออวดตัวเองว่า มีความสามารถสักเท่าไหร่นักความที่เป็นคนไทยและชินกับการสัมภาษณ์แบบไทยๆ เราจะนอบน้อม ถ่อมตัว เรียบร้อย และไม่กล้าพูด ไม่แสดงความมั่นใจและความสามารถของเราออกมา จึงทำให้ฝรั่งเค้าไม่มั่นใจว่าเราจะสื่อสารกับเค้ารู้เรื่องหรือไม่ และจะทำงานให้พวกเค้าได้ไม๊ตอนนั้นไม่มีใครแนะนำฉันถึงการเตรียมตัวสัมภาษณ์กับฝรั่ง ต้องทำอย่างไรบ้าง ฉันก็ลุยไปให้สัมภาษณ์ตามแบบฉบับของคนไทยที่นอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตนแบบเด็กให้ความเคารพผู้ใหญ่ คงนึกภาพกันออกเนอะว่าเป็นยังไง ก็เลยทำให้ตอนแรกฉันพลาดโอกาสได้รับทุนการศึกษาจากทั้ง 3 หน่วยงานที่เรียกฉันไปสัมภาษณ์หมดเลย ชวดหมดทุกหน่วยงานช่วงนั้นเครียดมาก เพราะพึ่งผ่านได้เข้าเรียนปริญญาโทใหม่ๆ แล้วเมืองไทยก็พึ่งตกอยู่ในช่วงวิกฤตค่าเงินบาทลอยตัวพอดิบพอดี อัตราแลกเปลี่ยน จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ กลายมาเป็น 50 บาทกว่าๆ ทำให้เงินที่เตรียมไว้ก็กำลังจะหมด เพราะโดนพิษของค่าเงินบาทลอยตัวเข้าไปเต็มๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าจะเกิดวิกฤตแบบนี้ขึ้น เลยฝากเงินที่เหลือทั้งหมดไว้ที่เมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่า จะมีเงินเรียนจนจบโทไม๊ และต้องทำยังไงเพื่อจะหาเงินมาเรียนจนจบได้ จะกลับไปขอเงินที่บ้านมาเรียน ก็ทำไม่ได้ เพราะที่บ้านก็เดือดร้อนเหมือนกัน แล้วอีกอย่าง เราก็หาเรื่องมาเรียนเอง ก็ต้องหาวิธีสู้ต่อไปเพื่อให้เรียนจบให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ว่า "ไม่จบ ไม่กลับ"แล้วโชคก็เข้าข้างฉันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะตอนหลังหน่วยงานที่เคยปฏิเสธไม่ให้ทุนการศึกษากับฉัน เปลี่ยนใจมารับฉันเป็นเด็กทุน GA ซึ่งเป็นเด็กเอเชียคนแรกที่ได้ไปทำงานให้พวกเค้าในฐานะเป็นเด็กทุน GAที่ผ่านมาเค้ามีแต่เด็กทุน GA ที่เป็นฝรั่ง แต่ตอนเปิดรับเด็กทุนฯ รอบนั้น เค้าลองมอบโอกาสให้เด็กเอเชียเป็นครั้งแรก แล้วปรากฎว่า เด็กเอเชียที่พวกเค้าเลือกตอนแรกนั้นกลับสละสิทธิ์ และไปเลือกเอาทุน GA จากหน่วยงานอื่นแทน โอกาสเลยกลับมาที่ฉัน โชคดีเป็นที่สุด ^_^ที่ฉันรู้เบื้องลึกเบื้องหลังที่เล่าให้ฟังนี้ เพราะได้คุยกับเพื่อนต่างชาติที่เป็นเด็กทุน GA เหมือนกัน คุยไปคุยมา แล้วมาคุยถึงหน่วยงานที่ฉันได้ทุน ปรากฏว่า เด็กเอเชียที่ได้ทุน GA แล้วสละสิทธิ์ ก็คือ เพื่อนต่างชาติที่ฉันรู้จักนั้นเอง โลกกลมจริงๆ ^_^ซึ่งหน่วยงานที่มีบุญคุณกับฉัน ทำให้ฉันเรียนจบโทมาได้อย่างสบายๆ ที่ฉันได้เล่าถึงนั้น ก็คือ หน่วยงาน Financial Aidsหน่วยงานนี้ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิจารณาให้ทุนการศึกษาทั้งแบบให้เปล่า และแบบกู้ยืม เหมือน กยศ. (กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา) ของบ้านเรานี่แหละ พอฉันได้เข้าไปช่วยงานในหน่วยงานนี้ เลยได้โอกาสรับรู้ขั้นตอนและเงื่อนไขของการพิจารณาให้ทุนการศึกษากับนักศึกษาแต่ละคน ซึ่งจะได้เล่าให้ฟังต่อไปในตอนถัดๆไปนะคะและก็เช่นเดียวกันกับตอนคุณสมัครขอทุนฯ คุณควรหมั่นเข้าไปสอบถามความคืบหน้า เพื่อแสดงถึงความใส่ใจและความต้องการได้รับทุนฯ จะทำให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆจำหน้าคุณได้การเข้าไปสอบถามนั้น ไม่ควรบ่อยมากนัก ดูตามความเหมาะสม อาจเป็นทุก 2 สัปดาห์หรือนานกว่านั้นนิดนึงก็ได้ แต่ไม่ควรทิ้งไว้ให้นานเกินไป ค่อยเข้าไปสอบถาม เพราะอาจมีคนที่เข้าไปถามบ่อยกว่าคุณก็เป็นได้การหารายได้พิเศษที่อเมริกาสังคมของคนที่อยู่ในประเทศอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นคนอเมริกัน หรือคนต่างชาติที่ไปอาศัยอยู่ในอเมริกา การหางานทำ หารายได้พิเศษระหว่างเรียนนั้นเป็นเรื่องปกติมากๆสำหรับพวกเค้ามีงานมากมายหลากหลายให้เลือกทำ ซึ่งโดยทั่วๆไป เค้าก็จะมีติดประกาศไว้ตามบอร์ดประชาสัมพันธ์ในมหาลัย แบ่งออกเป็นงานตามสถานที่ต่างๆ ดังนี้1. งานในมหาลัยก็จะมีงานประเภทงานตามออฟฟิศ หรือแผนกต่างๆของมหาลัย งานในโรงอาหาร ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปสอบถามและสมัครได้เลย หากเค้าเปิดรับอยู่ แต่จะได้ค่าจ้างเป็นชั่วโมงตามจำนวนชั่วโมงที่เข้าทำงาน2. งานนอกมหาลัย มีงานหลากหลายมาก นับตั้งแต่เดินแจกใบปลิวหรือส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน พาสุนัขไปเดินเล่น เป็นเด็กเสิร์ฟตามร้านอาหาร ฯลฯ ส่วนใหญ่เข้าจะติดประกาศไว้ตามบอร์ดต่างๆ ซึ่งคุณสามารถเดินเข้าไปสอบถามและสมัครได้เลยเช่นกันหากเค้าเปิดรับอยู่ แต่จะได้ค่าจ้างเป็นชั่วโมงตามจำนวนชั่วโมงที่เข้าทำงาน หรือเป็นอัตราค่าจ้างในแบบต่างๆ ตามแบบที่เค้าจะจ่าย แล้วแต่ตกลงกัน3. งานขายสินค้าทางออนไลน์และงานออนไลน์ประเภทต่างๆ อันนี้เป็นคำแนะนำส่วนตัวของฉัน เพราะยุคนี้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียเป็นที่นิยมมากๆ ทำให้ช่องทางการหารายได้พิเศษง่ายมากขึ้นสำหรับคนที่ตั้งใจไปเรียนในช่วงยุคนี้เพราะในสมัยที่ฉันไปนั้น มีแค่งานในมหาลัยและนอกมหาลัยให้ทำเท่านั้น ไม่มีตัวเลือกอย่างอื่นให้ทำเช่นปัจจุบันนี้เลยซึ่งคุณน่าจะใช้ประโยชน์มากๆจากการที่คุณได้ไปอยู่ที่อเมริกา มีช่องทางในการสร้างรายได้ให้คุณมากมาย อาทิเช่น - เอาสินค้าไทยไปโปรโมทขายให้กับฝรั่งตามเวปไซด์ต่างๆได้ ซึ่งคุณอาจจะสร้าง Website ที่เป็นภาษาอังกฤษไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่เมืองไทยก็ได้- จัดทำเป็นบริการรับสั่งซื้อสินค้าไทยให้กับฝรั่งหรือคนที่อยู่ในอเมริกา หรืออาจทำเป็นบริการทั้งสองทางก็ได้คือ รับสั่งซื้อสินค้าทั้งจากคนที่อยู่ในเมืองไทยและคนที่อยู่ในอเมริกาก็ได้- รับจ้างแปลบทความภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทย หรือแปลบทความภาษาไทยให้เป็นอังกฤษก็ได้- ถ่ายรูปขายเป็นภาพสต็อกออนไลน์ก็ได้- หรืออะไรก็ได้ที่คุณสามารถนึกออกและทำได้ในขณะที่เรียนอยู่ที่โน่น 4. งานพิเศษอื่นๆอาจเป็นงานประเภทอื่นๆจากความรู้หรือประสบการณ์ที่คุณพอมีจากเมืองไทยที่คุณพอจะสามารถสร้างทำให้เป็นรายได้ซึ่งหากคุณขวนขวายที่จะหารายได้เพื่อการเรียนและความฝันของคุณ โดยไม่หยุดและยอมแพ้สุดท้าย มันก็จะมีหนทางปรากฎให้คุณเดินต่อได้เอง เหมือนที่ฝรั่งมักจะพูดเสมอว่า "Where there’s a will, there’s a way. . ."และเนื่องด้วยรายละเอียดในการใช้ชีวิตเรียนต่อที่อเมริกานั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะค่ะ เตรียมเรื่องเล่าให้ฟังไว้เยอะเลย อยากเล่าให้ฟังยาวๆเหมือนกันค่ะ แต่เกรงจะเบื่ออ่านกันซะก่อน จึงขอยกไปเล่าต่อในตอนหน้าและตอนถัดๆไปแทนนะคะสู้ๆ นะคะ ^_^(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ ^_^)ภาพประกอบโดยผู้เขียน ** ติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ โดยกด link ข้างล่างนี้นะคะ ^_^ **ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 8)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 7)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 6)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 5)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 4)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 3)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 2)ฝันไปเรียนโทฯ อเมริกา ตังค์ไม่มี ทำไงดีฟ่ะ (ตอนที่ 1)