หลายคนนั้นอาจจะคิดว่าการฝึกสมาธินั้น เป็นเรื่องของผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้วการฝึกสมาธินั้น มีประโยชน์ทางด้านจิตใจ และ ด้านร่างกายอีกด้วย ก็คือจะทำให้จิตใจเราสงบ มีสติอยู่กับตัวเองตลอดเวลา มีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวล ไม่คิดถึงอดีต หรือ อนาคตแต่เป็นการนำใจไปอยู่ที่ปัจจุบันขณะ ที่ลมหายใจเข้า-ออก ทางด้านร่างกายนั้น เป็นการฟื้นฟูร่างกาย ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก ในเวลาที่เราหายใจเข้า-ออกนั้น จะทำให้หัวใจทำงานน้อยลงร่างกายจะลดการเผาผลาญพลังงาน มีระบบเมตาบอลิซึมลดลง กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายจากการทำงาน ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น มีงานวิจัยหนึ่งพบว่าการฝึกสมาธินั้นสามารถช่วยลดอาการความดันโลหิต และ ลดระดับคอเลสเตอรอลได้ ภาพจาก https://unsplash.com/photos/RFcjHE7J5SE ทำไมเราจึงต้องฝึกสมาธิ 1. ช่วยลดความเครียด ความทุกข์ใจ ทำให้จิตใจปลอดโปร่งโล่งสบาย 2. ช่วยลดระดับความดันโลหิต 3. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 4. ช่วยลดชีพจร และ อัตราการเต้นของหัวใจให้น้อยลง 5. ช่วยให้ทำงานทั้งวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 6. ช่วยให้ร่างกาย และ จิตใจรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รู้สึกผ่อนคลายทำให้สมองหลั่งสารสื่อประสาท ส่งผลให้เกิดความสุข 7. ช่วยลดระดับคลื่นความถี่ของคลื่นสมอง ซึ่งเมื่อสมองมีระดับคลื่นความถี่น้อยลงมากเท่าไหร่ เราจะรู้สึกสงบมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งคลื่นสมองเวลาเรานั่งสมาธิกับเวลาสวดมนต์นั้นแทบจะเป็นคลื่นเดียวกันเลย ภาพจาก https://unsplash.com/photos/V-TIPBoC_2M วิธีการฝึกสมาธิแบบง่าย ๆ 1. ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเพื่อที่จะทำให้รู้สึกสบายตัว เลือกใส่เสื้อผ้าที่สบาย ๆ ระบายอากาศได้ แต่ที่สำคัญ คือ อย่าลืมชำระล้างจิตใจให้สะอาดด้วย สิ่งสำคัญ คือ ต้องปลดความทุกข์ทั้งหมด หรือ เรื่องกังวลทิ้งไว้ที่ด้านหลัง การนั่งสมาธินั้นควรจะนั่งเพื่ออยู่กับปัจจุบันไม่ใช่อยู่กับความทุกข์ หรือ อดีต หรือ อนาคต 2. เลือกสถานที่ที่สงบ ๆ ไม่มีผู้คนพลุกพล่านไม่มีเสียงดังรบกวน ไม่มีสิ่งเร้ากวนใจมากระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 มีอากาศถ่ายเท อาจจะเป็นบริเวณสวนหลังบ้านของคุณ หรือ อาจจะเป็นห้องพระที่บ้านของคุณก็ได้ 3. เลือกนั่งในท่าที่สบาย ๆ หลักในการนั่งสมาธิที่สำคัญ คือ ไม่ใช่การฝืนอดทนอดกลั้น เพื่อนั่งให้ได้นานที่สุด แต่เป็นการปล่อยใจให้สบาย กำหนดรู้อยู่กับลมหายใจเข้า-ออก ไม่วอกแวกกับสิ่งรอบข้าง ถ้าเริ่มรู้สึกว่าความคิด หรือ จิตใจเราจินตนาการไปถึงเรื่องอื่นแล้ว ให้พยายามดึงความสนใจกลับมาให้อยู่ที่ลมหายใจ นั่นคือการกระทำที่เรียกว่า การมีสติ นั่นเอง 4. การนั่งสมาธินั้นไม่ควรกังวลเรื่องเวลา คุณอาจจะตั้งนาฬิกาไว้ว่า 10 นาทีผ่านไปแล้วค่อยเตือน หรือไม่ คุณก็จะนั่งไปเลยแล้วค่อยหยุดนั่งเมื่อคุณรู้สึกผ่อนคลายร่างกาย และ สงบจิตใจแล้ว แบบนั้นจะทำให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการนั่งสมาธิ มากกว่าที่คุณจะนั่งกังวลลืมตามาเพื่อมองนาฬิกาตลอดเวลาว่าเวลาผ่านไปกี่นาทีแล้ว แบบนั้นแทนที่ใจของคุณจะจดจ่ออยู่ที่เวลา ไม่ใช่ที่ลมหายใจ ภาพจาก https://unsplash.com/photos/NTyBbu66_SI ในช่วงแรกของการฝึกนั่งสมาธินั้นอาจจะเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่เมื่อคุณทำไปเรื่อย ๆ แล้ว ก็ผมรับรองว่ามันจะเกิดประโยชน์ต่อตัวคุณอย่างมากคุณอาจเลือกนั่งสมาธิทุกเช้า หรือ ทุกเย็น เพื่อเป็นการปรับสภาพจิตใจของคุณให้พร้อมกับการรับวันใหม่ หรือ พร้อมที่จะนอนไปอย่างสงบในวันนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วมันจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย และ จิตใจของคุณด้วยเช่นกัน ถ้าคุณอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมแนะนำให้คุณนั่งสมาธิ ครับ บุคคลผู้ทรงอิทธิพล และ มีชื่อเสียงระดับโลกแทบจะทุกคน ก็ต่างใช้เวลาสัก 30นาที ถึง 1 ชั่วโมงในการนั่งสมาธิทุกวัน เมื่อคุณอ่านจบแล้ว อย่างน้อยก็อยากให้คุณลองดูครับ แค่วันละ 5 นาทีก็ได้ ลองนั่งดูสักหนึ่งสัปดาห์ ผมรับรองว่าคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนครับผม ภาพจาก https://unsplash.com/photos/2pUP1Ts1bmo