พรมเปอร์เซีย: ตำนานในผืนผ้า ศิลปะบนผืนพรมแม้ในโลกแห่งจินตนาการของนิทานพื้นบ้านชื่อดังอย่าง “อาหรับราตรี” หรือพันหนึ่งราตรี (One Thousand and One Nights) ที่มักจะกล่าวถึง “พรมวิเศษ” ยานพาหนะบินได้ที่ทำให้การเดินทางลัดฟ้าเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์และตื่นตาตื่นใจนั้น จะเป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง แต่ก็แฝงไปด้วยภาพสะท้อนวัฒนธรรมและสังคมของคนอาหรับในยุคก่อนได้ดี โดยเฉพาะการทอพรมสำหรับปูพื้นเพื่อป้องกันความชื้น และความหนาวเย็น ที่เป็นทักษะส่งต่อสืบสานกันจากรุ่นสู่รุ่นจากสิ่งของจำเป็นที่ต้องมีกันทุกบ้าน กลายมาเป็นของมีค่า และเป็นสินค้าที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อ “พรมเปอร์เซีย” เมื่อเริ่มมีการพัฒนาและออกแบบลวดลายให้เกิดความประณีต สวยงาม ดูน่าอัศจรรย์ คล้ายมีพลังลึกลับซ่อนอยู่ กลายเป็นเสน่ห์ของพรมแห่งโลกตะวันออกที่มีคุณค่าในฐานะงานศิลปะที่น่าทึ่งไปโดยปริยายกล่าวกันว่า “ยุคทองของพรมเปอร์เซีย” เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้าชาห์อับบัส (Shah Abbas) กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ซาฟาวิยะห์ (Safavid) ที่ได้นำขนแกะและเส้นไหมคุณภาพดีแซมด้วยด้ายเงินด้ายทองถักทอขึ้นจนเกิดลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ มีมิติ โดยใช้สีธรรมชาติที่สวยงามสบายตา ทำให้ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ศิลปะบนผืนพรมของชาวเปอร์เซียก็ไม่เคยเสื่อมคุณค่าลงไปเลยในทางตรงข้าม “พรมเปอร์เซีย” กลับถูกยกย่องให้เป็นสิ่งทอที่ไม่ได้เป็นเพียงของตกแต่งบ้าน แต่ยังเป็นของสะสมและทรัพย์สินที่สามารถนำมาเก็งกำไรขายต่อได้ เพราะยิ่งนานวันก็จะยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากการประมูลพรมในสมัยของราชวงศ์ซาฟาวิยะห์ที่มีมูลค่าสูงถึง 2,729,250 ปอนด์ หรือราว ๆ 106 ล้านบาทเลยทีเดียวพรมเปอร์เซีย เป็นงานฝีมือที่ทอขึ้นด้วยคนเพียงคนเดียวซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 10 ปี กว่าจะทำออกมาเป็นชิ้นงานสำเร็จ 1 ผืน ประกอบกับลวดลายที่พัฒนาสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงกลายเป็นตำนานหรือเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความคิด และความทรงจำของผู้ทออยู่ไม่น้อย ซึ่งล้วนแต่ควรค่าแก่การถูกยกย่องให้เป็น “ตำนานในผืนผ้า ศิลปะบนผืนพรม” อย่างแท้จริงบทความโดย : punpun_storyขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ : ภาพหน้าปก โดย Julia Volk / ภาพประกอบที่ 1 โดย Peggychoucair / ภาพประกอบที่ 2 โดย Yoss Cinematic / ภาพประกอบที่ 3 โดย PublicDomainPictures / ภาพประกอบที่ 4 โดย Hans