มาถึงบทความ การล่าแม่มด Part 2 แล้วนะคะ ตอนนี้แอลทีจะบอกเล่าถึง แม่มดฝ่ายดำและฝ่ายขาวว ก่อนจะลงรายละเอียด แวะให้ความรู้คำศัพท์ คำว่า Witch ในภาษาอังกฤษเป็นการแผลงมาจากคำว่า Wit ในภาษาแองโกลแซกซอน ซึ่งหมายถึง "to know" "การหยั่งรู้ ความอยากรู้" เป็นความหมายที่เข้ากับพฤติกรรมของคนที่เป็นแม่มด เพราะแม่มดเป็นผู้ที่มีความสนใจและจะทดลองเวทย์มนตร์และตัวยาต่างๆ และอีกคำหนึ่ง คำว่า เวทย์มนตร์ สังเกตกันมั้ยว่าสามารถเขียนได้หลายแบบ เขียนว่า เวทมนต์ เวทมนตร์ หรือเวทย์มนตร์ ก็ได้ แต่ แต่ แต่ !! คำว่า "มนต์" (มน+ต.เต่า การันต์) จะใช้เกี่ยวกับศาสนาพุทธถ้าคนได้ยินคำว่าแม่มด อาจจะรู้แค่ว่า คนนี้ก็แม่มดไง ไม่มีอะไรต้องแปลหาความนัยจากคำว่าแม่มดอีก แต่ที่แอลทีจะบอกเล่าวันนี้คือ คำว่าแม่มดที่เราคุ้นหูกันนั้น แบ่งเป็นแม่มดฝ่ายขาว คือ แม่มดดี เป็นผู้ที่บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิเชื่อในพลังเหนือธรรมชาติ มักเรียนรู้ด้วยตนเองหรือคัมภีร์โบราณทางศาสนา ใช้เวทย์มนตร์ในการรักษาโรค มีลักษณะที่ดูออกยากนิดหน่อยว่าเป็นแม่มดขาวหรือเป็นแค่คนธรรมดาที่ใจดี เพราะแม่มดขาวเป็นคนใจดีด้วย แม่มดขาวบางคนอาจจะรับศิษย์สำหรับถ่ายทอดวิชา ส่วนแม่มดฝ่ายดำ เป็นแม่มดที่เคารพบูชาซาตาน ยินดีรับศิษย์ทุกคน มีการใช้เวทย์มนตร์อย่างน่ากลัว มีการฆ่าสัตว์เพื่อนำไปบูชายัญ ประกอบพิธีกรรมลึกลับ และมีคำถามว่า แม่มดจำเป็นต้องมีลักษณะรูปร่างน่ากลัว เป็นหญิงแก่จมูกงุ้ม สวมหมวกทรงแหลม เวลาจะไปไหนมาไหนก็ขี่ไม้กวาดเหาะไปมา และมีสัตว์เลี้ยงเป็นแมวดำ มีหม้อใบใหญ่ๆ ไว้ต้มยาที่ใช้ในทางเวทย์มนต์ร้ายๆ อยู่ร่วมกับปีศาจ วันร้ายคืนร้ายก็จะออกไปสาปชาวบ้าน หรือไม่ ? เรื่องนี้ไม่ใช่ความจริงเสมอไป เพราะแอลทีอธิบายลักษณะแม่มดทั้งสองฝ่ายไว้แล้วว่าบางคนเป็นแม่มดก็จริงแต่อาจจะดูเหมือนคนธรรมดาไปเลย กลมกลืนไม่มีความโดดเด่นเกินใคร หรือบางคนเป็นแม่มดดำ เป็นหญิงสาวสวยที่เข้าแลกกับแม่มดอาจารย์ด้วยการได้ความสวย ความสาว การไม่แก่ชราภาพมีอายุยืนยาวก็เป็นได้ แต่ไม่ว่ายังไงคนในยุคกลางที่มีการออกล่าแม่มดเพื่อปราบคนที่แตกต่างให้หมดไป ก็ยังคงเชื่อว่าทุกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่มดทั้งจริงและไม่จริง คือคนบริสุทธิ์แต่ต้องมาเป็นแพะรับบาปตามที่ถูกกล่าวหา ก็มีสิทธิถูกสอบสวนทรมานและถูกประหารในที่สุด เป็นความไม่ยุติธรรมแกคนเหล่านี้ไม่ว่าความจริงที่เกิดขึ้นจะจริงหรือไม่จริง ล้วนทำให้เห็นว่าผู้คนในสมัยนั้นมักเอาตัวรอด กล่าวหาว่าร้ายผู้อื่น และหวาดระแวงกันเอง อีกทั้งมีการกระทำที่ป่าเถื่อนมาก อ่านมาถึงตรงนี้ อ่านถึงตรงนี้แอลทีขอนำข้อมูลเชิงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในอดีตมาให้วิเคราะห์ความเหมาะสม เป็นธรรม ว่าเขาสมควรได้รับโทษอย่างนั้นแล้วหรือไม่สมัยพระเจ้าโยฮันน์ จอร์จ ที่ 2 (Johann Georg ll) แห่งเยอรมัน มีผู้ไม่เห็นด้วยชื่อ โยฮันเนส จูนิอุส (Johannes Junius) ไม่เห็นด้วยกับการสร้างโรงสำหรับทรมานแม่มด ผลคือ จูนิอุสถูกจับและหลังจากความทรมานแสนสาหัสเธอจำเป็นต้องยอมรับว่าเป็นแม่มด และถูกฆ่าในที่สุด ก่อนตาย จูนิอุสได้เขียนจดหมายถึงลูกสาวบรรยายความทุกข์ทรมานที่ได้รับและการที่ต้องโกหกเพื่อที่จะพ้นความทุกข์ทรมานนี้ เป็นจดหมายที่สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนสมัยนั้นเป็นอย่างมากผู้อ่านอ่านแล้วรับรู้ถึงความเป็นธรรมในสมัยนั้นหรือไม่ เพียงแค่กล้าแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง ทำไมถึงต้องทรมานจนถึงตาย คนสมัยก่อนไร้เหตุผลอย่างมาก ใครเห็นต่างก็จับมาทรมานให้รับสารภาพแล้วฆ่าให้ตาย นี่หรือมนุษย์ โหดเหี้ยม น่าสยองกับการกระทำป่าเถื่อนแบบนี้แม่มดคือสิ่งเลวร้ายที่สุดของสังคมต้องรีบกำจัด ทำถูกต้องแล้วหรือไม่การสอบสวน ทดสอบง่ายๆ ว่าใครคือแม่มด โดยการจับตัวผู้ต้องสงสัยโยนลงน้ำ ถ้าหากเป็นแม่มดก็จะลอยขึ้นมา แต่ผู้บริสุทธิ์จะจม (บางทีก็จมน้ำตายไปเลย) ส่วนผู้ที่รอดก็จะถูกถามคำถามประมาณว่า เกิดจากเวทย์มนตร์ที่ตนใช้หรือไม่, มีความสัมพันธ์ที่มีกับซาตานและกิจกรรมพิธีหรือไม่ มากกว่า 70% ของผู้ต้องสงสัยเป็นเพศหญิง โดยเฉพาะพวกแม่หม้าย หญิงชราการทรมาน เพื่อเค้นเอาความจริงให้สารภาพว่าเป็นแม่มดจริง หรือจะซัดทอดเพื่อให้ตนเองรอดจาการถูกทรมาน ซึ่งบางคนบอกไปหมดแล้วก็ยังถูกทรมานอยู่ การทรมานเริ่มด้วยการตอกเล็บ บีบขมับ เข้าเครื่องยืดแขนขาเอาเหล็กร้อนแดงๆ จิ้มตามตัว ข้อมูลทางประวัติศาสตร์มีข้อเท็จจริงว่าในปี ค.ศ.1594 ที่เมืองคาลวินิสต์ สกอตแลนด์ “นางเอลิสัน บาลโฟร์” ถูกทรมานด้วยการเอาเหล็กรัดบีบแขนนาน 48 ชั่วโมง สุดท้ายจึงจับเธอแก้ผ้าแล้วแขวนโยงกับรอก และถ่วงน้ำหนักที่เท้า ดึงห้อยแขวนไว้จนกว่าจะตาย พูดได้ว่ายิ่งคิดค้นเครื่องประหารที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเท่าใด จำนวนผู้ตายก็มากขึ้นเท่านั้น นับได้ว่าเลวร้ายและป่าเถื่อนอย่างมากการประหาร ในหลายพื้นที่มีวิธีการประหารที่แตกต่างกัน แต่ที่นิยมที่สุดคือ การเผาทั้งเป็น การตอกร่างที่ยังมีชีวิตอยู่ไว้กับโลง การตัดคอด้วยกิโยติน แขวนคอ เข้าเครื่องดึงแขนขา หรือการขังลืม ในจุดนั้นความตายน่าจะเป็นสิ่งเดียวที่พวกแม่มดใฝ่หา เพราะพวกเธอถูกทรมานก่อนถูกประหารหนักจริงๆและสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก่อนจะจากกันไปใน Part นี้ แอลทีของทิ้งท้ายความรู้เล็กๆน้อยๆเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกคนค่ะวิชาแม่มด ไม่ใช่ทุกคนจะเรียนและเป็นได้ เพราะความยากของการเรียนวิชาแม่มดนั้นมาจากการไม่มีตำรา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม สูตรยา หรือเวทย์มนตร์ ล้วนต้องถ่ายทอดกันแบบปากต่อปาก หรือปากเปล่า กว่าจะเป็นแม่มดที่เก่งฉกาจได้ จำต้องอุทิศตนให้กับซาตานผู้เป็นนายแห่งความมืดเสียก่อนขอบคุณรูปภาพหน้าปก ภาพประกอบที่ 1 2 3 4 และ 5สามารถอ่านบทความอื่นๆของแอลทีเพิ่มเติมได้ที่ : https://creators.trueid.net/@55245