ถือเป็นภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องหนึ่งที่ทุกคนรอคอยและคาดหวังมาก พลัมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น สารภาพเลยว่าตอนแรกที่เห็นตัวอย่างอนิเมชันเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2016 นี่ก็ตั้งตารอจะเสียเงินค่าตั๋วไปดูในโรงเลย แต่ปรากฏว่า หนังก็ถูกเลื่อนและเลือนหายไปจนลืม และเมื่อต้นปีก็ได้ข่าวน่ายินดีว่า หนังเรื่องนี้กำลังจะมาฉายแล้ว แต่ก็ไม่ได้ฉายในไทยอยู่ดี (แอบถอนหายใจในโชคชะตาตัวเอง) แต่! ในที่สุด พลัมก็สามารถหาทางดูมาจนได้ และขอบอกเลยว่า คุ้มค่าการรอคอยอยู่ไม่น้อยเลย ก่อนอื่นต้องเล่าเรื่องสักหน่อย (แต่ไม่ได้สปอยล์แน่นอน) จากที่ได้ดูตัวอย่างมาก็เห็นได้เลยว่าหนีไม่พ้นเรื่องราวดั้งเดิม ทั้งสโนว์ไวท์ คนแคระทั้งเจ็ด แม่มด แอปเปิ้ล บลาๆๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่สโนว์ไวท์แบบเดิมที่เราเคยรู้จัก Red Shoes and the Seven Dwarfs เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงสโนว์ไวท์ที่หน้าตาจิ้มลิ้มและมีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ฉีกกฎเจ้าหญิงทุกเรื่องไปอีก เธอบังเอิญไปเจอรองเท้าสีแดงของแม่เลี้ยงใจร้าย ที่สวมแล้วจะกลายร่างเป็นสาวสวยหุ่นเพรียว จากนั้นสโนว์ไวท์ก็หลบหนีออกจากวังไปเจอกับแก๊งคนแคระตัวเขียว 7 คน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นกลุ่มเจ้าชายรูปงามที่ถูกสาป วิธีแก้คำสาปก็ตามสูตรเทพนิยายคือ จุมพิตกับเจ้าหญิงที่งดงามที่สุดในโลก การผจญภัยและภารกิจพิชิตหัวใจเจ้าหญิงรูปงาม (ซึ่งตัวจริงเป็นสาวพลัสไซส์) จึงเริ่มขึ้น อนิเมชันเรื่องนี้สร้างโดย Locus Corporation จากเกาหลีใต้ แต่พากย์เสียงเป็นภาษาอังกฤษทั้งเรื่อง เข้าใจได้ว่าน่าจะต้องการตีตลาดทั่วโลก แถมทีมพากย์ยังได้ Chloë Grace Moretz (Kick-Ass, Carrie, Dark Shadows) และ Sam Claflin (Me Before You, The Hunger Games, Pirates of The Caribbean: On Stranger Tides) มาพากย์เสียงพระนางของเรื่องอีกด้วย เรียกว่าไม่ธรรมดาจริงๆ (ย่อหน้านี้อาจมีสปอยล์นิดหน่อย ถ้าไม่เคร่งนักก็อ่านได้) . . . . . . . สำหรับความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์ พลัมชื่มชมการนำนิทานกริมม์หลายเรื่องมาผสมผสาน (หรือเรียกสั้นๆ ว่ายำ) โดยมีพื้นยืนเรื่องเกี่ยวกับสโนว์ไวท์ ถึงจะยังไม่ว้าวหรือประทับใจจนลืมไม่ลง แต่ก็ให้บางอย่างสอนใจ อย่างตอนที่สโนว์ไวท์อยู่ในร่างสาวสวย ทุกคนรอบตัวเธอต่างชื่นชอบและพยายามเข้าหา แต่เมื่อเธอถอดรองเท้าออกและกลายเป็นคนอ้วนกลับไม่มีใครให้ความสนใจ ตรงนี้ก็สะท้อนให้เห็นได้ว่ารูปร่างหน้าตามีความสำคัญในสังคมอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น แก่นแท้ภายในของเราก็เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าที่ไม่ควรทอดทิ้งไป เราควรรักตัวเองก่อน แล้วเมื่อเรารักตัวเองมากพอ ก็จะมีคนเห็นคุณค่าของเราโดยมองข้ามหน้าตาไป เหมือนตอนที่พระเอกของเราพูดกับนางเอกว่า 'เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก ไม่ว่าตาของผมจะเปิดหรือปิดอยู่ก็ตาม' ฉากนี้บอกเลยว่าคนใจแข็งไม่พอต้องมีน้ำตาซึมกันบ้างแหละ สรุปง่ายๆ ว่า อยากให้ดูนะ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ดูได้ เพลินๆ ไม่ค่อยเน้นสาระปรัชญาอะไร แต่ความหมายแฝงในเรื่องดี ลายเส้นตัวละครน่ารัก สีสวย พระนางหน้าตาดีราวกับไปทำศัลยกรรมมา (ก็ไม่แปลกใจเท่าไร เพราะทีมสร้างจากเกาหลี) ฉากน่ารักกุ๊กกิ๊กก็มี ฉากแอคชั่นก็สุดยอดความอลังการ ที่สำคัญ หากใครชอบเรื่องราวเทพนิยายอยู่แล้ว บอกเลยว่านี่จะเป็นหนังอีกเรื่องที่จะจดจำไว้ในใจไปอีกนาน เครดิตภาพ ภาพปกจาก Youtube ภาพประกอบจาก Locus Studios, Youtube