ตอนนี้สาธุชนคนชาวพุทธ ได้เกิดมีความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ในกรณีพระสงฆ์แสดงธรรมแนวใหม่ คือ เป็นการพูดเรียกเสียงฮา เสียงหัวเราะตลกขบขัน ฝ่ายที่เห็นด้วยก็บอกว่าเป็นการดีที่พระถ่ายทอดธรรมะมีสีสันไม่น่าเบื่อ เพราะบรรดาญาติโยมทั้งวัยรุ่นวัยดึก ได้มีความสนุกสนานเฮฮาชอบอกชอบใจเป็นการเรียกให้เยาวชนคนหนุ่มสาว อยากจะฟังธรรมะมากขึ้น มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา พระเองก็ตลกขบขันไปด้วย พูดไปก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากทำไม้ทำมือ สร้างบรรยากาศให้ตลก เข้ากับเนื้อหาคำพูด พระบางรูปก็ไม่นั่ง แต่ถือไมโครโฟนเดินพูดเวียนไปเวียนมาตามแบบของเดี่ยวไมโครโฟน พูดจาหยอกล้อกับวัยรุ่นที่มาฟังอย่างเป็นกันเอง ก็ทำให้ผู้ฟังหัวเราะเฮฮากันตลอดเวลา พระเองก็บอกว่า ที่พระเทศน์ไปฮาไปนั้น แม้จะเป็นอาบัติเพราะพระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามไว้ แต่ก็เป็นอาบัติเล็กน้อย สามารถปลงอาบัติเสียได้ ภาพประกอบที่ 1 ถ่ายโดย Harry Cunningham @harry.digital จาก pexels แต่ก็ยังมีผู้คนอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นด้วย และบางรายก็ตำหนิอย่างรุนแรง ว่าไม่สำรวมให้สมกับสมณสารูป คือรูปแบบของสมณะ ที่แปลว่าผู้สงบ บางคนถึงกับส่งเรื่องไปให้มหาเถรสมาคมพิจารณา ก่อนหน้านี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาพูดแล้วว่าไม่ใช่เรื่องผิดวินัยร้ายแรง แต่ว่าการผิดวินัยไม่ร้ายแรงนั้น ถ้าผิดอยู่เป็นประจำ ผิดบ่อยๆ ก็ไม่สมควรอยู่เป็นพระอีกต่อไปเหมือนกัน เช่น พระสงฆ์ดื่มสุราต้องอาบัติปาจิตตีย์นั้น เป็นอาบัติที่สามารถปลงอาบัติได้ เพราะเป็นลหุกาบัติ คือ อาบัติเล็กน้อยเช่นกัน แต่ถ้าพระรูปนั้นนั้นเมาทุกวัน เมาแอ๋อยู่เป็นประจำ เมาเช้าเมาเย็น อันเป็นเหตุให้ความเป็นสมณพราหมณ์ไม่สง่างาม ไม่รุ่งเรืองไพโรจน์ เป็นโลกวัชชะ ชาวบ้านตำหนิติเตียน เป็นความเศร้าหมองแห่งคณะสงฆ์ พระเช่นนี้ยังจะสมควรเป็นพระสงฆ์ ให้ผู้คนกราบไหว้อยู่อีกหรือ ภาพประกอบที่ 2 ถ่ายโดย Suraphat Nuea-on จาก pexels พระที่แสดงธรรมแล้วผู้คนรู้สึกขำขันนั้นมีอยู่หลายรูป เช่น ท่าน ว.วชิรเมธี พระพยอม กัลยาโณ หลวงตาสุจ หลวงพ่อบุญเสริม ซึ่งเป็นพระทางอีสาน แต่ก็ไม่เห็นใครเลยที่ตำหนิพระเหล่านี้ เพราะพระเหล่านี้ท่านเทศน์ติดตลกพอสมควร พองามตามจริยวัตรของพระ ญาติโยมจึงชอบฟังและไม่เคยมีใครออกมาตำหนิติติง เพราะดูยังเป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสอยู่ ผู้เขียนนั้นเคยทำใจให้เป็นกลาง ๆ แล้วลองฟังคลิปพระหนุ่มรูปหล่อคนดังของวัด ๆ หนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้เทศนาอบรมเยาวชนนักศึกษาของสถานศึกษาในจังหวัด เพื่อจะดูว่าที่ว่าเป็นการเผยแผ่ธรรมะให้กับเยาวชนนักศึกษานั้น มีเนื้อหาของธรรมะมากน้อยแค่ไหน แต่จากที่ฟังอยู่ 2 คลิปจึงได้พบว่าแทบจะไม่มีธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้แทรกอยู่เลย แต่เหมือนกับการแสดงทอล์คโชว์ ชวนคุยโน่นคุยนี่ เล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้นักศึกษาฟังเสียมากกว่า ภาพประกอบที่ 3 ถ่ายโดย THÁI NHÀN จาก pexels พระใช้ภาษากลางปนภาษาถิ่นแบบแหลงทองแดง คำพูดก็เลยดูตลก แด่นักศึกษาไม่ได้ธรรมะอะไรเลย นักศึกษาเองก็แสดงออกและมองพระเหมือนดาราเสียมากกว่าที่จะเป็นเพราะพระสงฆ์สาวกของพระศาสดาผู้เผยแผ่ธรรมะ และเป็นบุคคลผู้พยายามขัดเกลากิเลสจนน่ากราบไหว้ แต่ว่าพระหนุ่มรูปนี้ท่านเพิ่งบวชได้ไม่นาน อายุก็ยังน้อยท่านอาจจะยังไม่มีภูมิรู้ทางธรรมอย่างลึกซึ้ง การเทศน์ก็คงจะเอาแบบอย่างและเลียนแบบมาจากสองพระมหาผู้โด่งดัง ซึ่งกำลังถูกหลายฝ่ายวิพากวิจารย์ถึงความเหมาะสม ความจริงท่านควรจะรับฟังและแก้ไข พระสงฆ์ไม่ควรดื้อดึง ควรลดทิฐิและอุปาทานตามครรลองของสมณะผู้ละกิเลสเสียแล้ว และพระพุทธองค์ก็ทรงสั่งสอนให้พระสงฆ์นั้นทำตัวเป็นผู้ว่าง่าย ตามที่มีในมงคลสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรสำคัญในพระพุทธศาสนาเถรวาท ภาพประกอบที่ 4 ถ่ายโดย Sadaham Yathra จาก pexels มงคลที่๒๘ โสวจัสสตา การเป็นผู้ว่าง่าย ควรเป็นคนสอนง่ายไม่ตายด้าน ก่อรำคาญค่ำเช้าไม่เข้าไหน ไม่ซัดโทษของตนให้คนใด เมื่อมีใครสอนพร่ำให้นำพา เมื่อพระรูปใดได้รับคำติติงแล้ว ก็ควรรับฟังด้วยดี ไม่นิ่งเฉย และควรนำคำตักเตือนนั้นมาพิจารณาแก้ไขข้อบกพร่องนั้น ๆเสีย ไม่ใช่ยังตะแบง ดื้อรั้นอวดดี ไม่ยอมรับในคำติติงนั้น บางทีก็อาจรู้ว่าผิด แต่ยังดันทุรังทำต่อไป เพราะกลัวเสียฟอร์ม ถือตัวว่าอยู่เหนือผู้อื่นเพราะสิ่งที่ตัวเองเป็นตัวเองมี ควรลดอุปาทาน ไม่ยึดติดสิ่งที่เรามีเราเป็นหรือถือมั่นไปตามกิเลสของตน ภาพประที่ 5 ถ่ายโดย Wendy van Zyl จาก pexels แต่บางคนก็มีความเห็นว่า พระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้นั้น เวลาผ่านมาตั้งสองพันกว่าปีแล้ว โลกและสังคมเปลี่ยนไปมากควรจะอนุโลมสำหรับวินัยสงฆ์ในบางข้อ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย แต่ผู้เขียนนั้นไม่เห็นด้วยกับการอนุโลม เพราะธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้แล้วนั้น พระองทรงแสดงไว้ดีแล้ว และพระองค์ไม่มีพุทธานุญาตให้ตัด หรือเพิ่มเติมสิ่งใด ๆ อีก เพราะถ้ามีการตัดการเพิ่มเติมได้ ก็คงจะต้องอนุโลมเติมตัดกันเละตุ้มเป๊ะ ลุกลามออกไปเรื่อย ๆ ธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัตินั้น พระพุทธองค์เคยตรัสว่า ถ้าธรรมวินัยเปรียบเสมือนกลองศึก พอใช้นานๆ แผ่นไม้ที่หุ้มกลองก็จะหลุดออกมา แล้วก็จะมีการหาแผ่นไม้ใหม่มาปะมาซ่อมแซมแทนไม้เดิม และเมื่อหลุดออกแล้วปะชุนเข้าไปเรื่อยๆ ก็จะไม่เหลือไม้เดิมในที่สุด หมายถึงพระสัทธรรมจะสูญหายเพราะถูกสิ่งอื่น ลัทธิ พิธีกรรมอื่นๆเข้ามาปลอมปนมาแทนที่จนไม่เหลือพุระสัทธรรมจากพระโอษฐ์ที่สุดแสนประเสริฐอีกเลย ภาพปกเครดิตภาพ ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก Pexels เขียนโดย พระยมอมยิ้ม ติดตามผลงานอื่น ๆ ของพระยมอมยิ้มได้เพิ่มเติมที่ Facebook : Ajarn.JarunCorrect YouTube : พระยมอมยิ้ม เรื่องเล่ากฎแห่งกรรมและกฎหมาย ขอขอบคุณทุกๆท่านที่อ่านบทความของพระยมอมยิ้มครับ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !