https://unsplash.com/photos/MP0bgaS_d1c ปก เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่เราคุ้นเคยและใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันหลายสิ่งหลายอย่างก็อยู่กับเรามานานจนบางทีก็ไม่ทันสังเกตว่ามันมีพัฒนาการที่เปลี่ยนไป ทั้งระบบการทำงาน รูปร่างหน้าตาและเทคโนโลยีต่าง ๆ วันนี้เราจะมาดูกันว่าของใช้ที่เราคุ้นเคยเหล่านี้มีการพัฒนาแบบไหนอย่างไรบ้าง https://unsplash.com/photos/VNBUJ6imfGs รูป หม้อหุงข้าว จากในอดีตที่หม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อน แค่ตวงข้าวตามปริมาณที่ต้องการ ซาวน้ำแล้วก็ใส่น้ำให้พอดี เสียบปลั๊กกดปุ่ม จบ ส่วนระบบการทำงานของหม้อหุงข้าวรุ่นเก่าแบบนี้คือเป็นระบบความร้อนผ่านขดลวด พอถึงจุดที่ระบบตั้งค่าแล้วหม้อหุงข้าวก็จะดีดเป็นอันว่าสุก แล้วระบบก็จะตัดแม้ว่าเราจะเสียบปลั๊กไว้ข้าวก็ไม่ร้อนแล้ว ถ้าต้องการอุ่นก็ต้องกดอีกที หม้อหุงข้าวไฟฟ้ารุ่นเก่าถือว่ากินไฟมากพอสมควรโดยเฉพาะช่วงข้าวเดือดนี่ สังเกตที่มิเตอร์ไฟได้เลยว่าวิ่งเร็วมาก ส่วนหม้อหุงข้าวรุ่นใหม่ที่เป็นระบบดิจิทัลระบบการทำงานและการใช้งานก็จะคล้ายกันกับหม้อหุงข้าวแบบธรรมดา แต่จะมีระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยทั้งในเรื่องรูปแบบการหุง และอาจจะมีระบบช่วยอุ่นอัตโนมัติ ส่วนการเสียบปลั๊กทิ้งไว้ทั้งหม้อหุงข้าวแบบธรรมดาและแบบดิจิทัล ถึงจะกินไฟไม่มากแต่เป็นไปได้ควรถอดปลั๊กดีกว่าเพื่อความปลอดภัย https://unsplash.com/photos/paAJDCYNq-0 รูป https://unsplash.com/photos/R3KYh1a3xfU รูป เครื่องดูดฝุ่น จากในอดีตที่เครื่องดูดฝุ่นมีขนาดใหญ่ และหนัก สายไฟก็เกะกะอีก การใช้งานก็ถือว่ายังไม่สะดวกนัก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดที่ระบบการทำงานไม่มีอะไรมาก หัวใจสำคัญอยู่ที่มอเตอร์ ยิ่งมอเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และคุณภาพดีก็จะมีแรงลมที่จะดูดฝุ่นได้มาก และก็จะดูดไปเก็บไว้ที่กล่องที่เก็บฝุ่นในตัวเครื่องก่อนที่จะต้องเอาไปทิ้งอีกที ต่อมาเครื่องดูดฝุ่นก็เริ่มมีขนาดที่เล็กลง จนมาถึงเครื่องดูดฝุ่นที่ไร้สาย ระบบการทำงานหลักก็เหมือนเดิมคือการใช้มอเตอร์สร้างแรงลม แต่จะมีระบบเก็บพลังงานในตัวคล้ายกับโทรศัพท์มือถือ ทำให้ไม่มีสายไฟ การใช้งานก็คล่องตัวขึ้น และในปัจจุบันหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็เป็นอีกทางเลือกที่คนนิยมกันมาก เพราะการใช้งานที่สะดวกมาก แค่เปิดเครื่องแล้วก็ปล่อยให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทำงานไป แต่การจะเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็ต้องดูให้ดีเพราะมันก็มีหลายแบบหลายราคา ซึ่งคุณสมบัติและความสามารถก็จะต่างกันไป ทั้งแรงลม ความฉลาด ระยะเวลาในการทำงาน ซึ่งก็ถือว่ามีผลต่อการใช้งาน https://unsplash.com/photos/xkEtD4Stn0I รูป https://unsplash.com/photos/TuAtSs8peoM รูป หลอดไฟ ในอดีตหลอดไฟส่วนใหญ่จะเป็นแบบหลอดไส้ หลักการทำงานคือการใช้ความร้อนสูงผ่านลวดโลหะในหลอดที่เป็นสูญญากาศเพื่อให้เกิดแสงสว่าง ข้อดีของหลอดแบบนี้คือราคาที่ถูก แต่ข้อเสียก็คือการกินไฟที่สูงยิ่งมี Watt สูงก็ยิ่งกินไฟมาก และหลอดก็ชำรุดง่าย(ไส้ขาด) จนต่อมาก็เริ่มมีการใช้หลอดตะเกียบที่เราเรียกกัน หลักการทำงานคือในหลอดจะมีสารเรืองแสงที่ฉาบไว้ และมีปรอทข้างในพอมีการปล่อยประจุไฟฟ้าออกมาจะทำให้มีปฎิกิริยาการเรืองแสง ก่อให้เกิดแสงสว่าง ที่ไม่มีความร้อนแบบหลอดไส้ จนมายุคปัจจุบันหลอดไฟที่นิยมใช้งานมากที่สุดก็ต้องเป็นหลอดแบบ LED ซึ่งหลอดแบบนี้ทำงานผ่านระบบไดโอดที่เปล่งแสงได้ ข้อดีคือใช้พลังงานต่ำมาก และหลอดแบบนี้จะไม่มีการกระพริบของไฟ ไม่มีความร้อน การให้ความสว่างก็มีมากกว่าหลอดรุ่นเก่า ๆ หลายเท่าเมื่อเทียบกัน Watt ต่อ Watt อายุการใช้งานก็ยาวนานกว่า และประหยัดไฟมากกว่าด้วย ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ใกล้ ๆ ตัวเราที่เราใช้งานกันอยู่แทบจะในชีวิตประจำวันมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เราเองในฐานะคนที่ใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้จึงต้องรู้จักเลือก รู้จักใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้ประโยชน์สูงสุดด้วย ภาพประกอบ https://unsplash.com/