บันทึกในสมัยโบราณที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคือคัมภีร์ใบลาน ซึ่งทำขึ้นจากใบลาน นอกจากใบลานแล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่นิยมนำมาใช้จดบันทึกคือ “พับสา” หรือ “ปั๊บสา” ตามภาษาท้องถิ่นล้านนา สามารถพบเห็นได้ในภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะในกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ที่นิยมใช้มาแต่อดีต พับสาเป็นสิ่งที่ใช้จดบันทึกเรื่องราวทางพุทธศาสนา การเมืองการปกครอง พงศาวดาร องค์ความรู้ ภูมิปัญญา ตลอดจนวรรณกรรม กล่าวคือใช้งานเป็นสมุดจดบันทึกนั่นเองพับสาทำมาจากอะไร พับสาคือกระดาษสาที่นำมาต่อกันและพับไปมาจนเป็นเล่ม ปกด้านนอกแข็งจากการลงรัก กระดาษแต่ละแผ่นเชื่อมติดกันด้วยกาวแป้งเปียก ป้องกันการเกิดราด้วยการรีด จากนั้นเคลือบยางไม้ใสหรือขี้ผึ้งแล้วรีดทับอีกทีคุณสมบัติที่โดดเด่นของพับสา พับสามีขนาดใหญ่กว่าใบลาน ทำให้มีพื้นที่ในการจดบันทึกมากกว่า ทนทานกว่ากระดาษหรือใบลานทั่วไป ใช้งานง่ายสามารถจดบันทึกโดยใช้ดินสอหรือหมึกสักจารลงบนพับสาได้เลย ในอดีตจะใช้ตะกั่วในการจารึก แต่ตะกั่วนี้ภายหลังไม่เป็นที่นิยมเพราะตะกั่วมักจะมีออกไซด์ออกมายามสัมผัสเหงื่อจากมือหรือน้ำทำให้อักษรลบเลือนไป พับสาบางฉบับจะจารึกด้วยทองเปียกหรือน้ำทองที่ทำจากผงทองคำกับน้ำปรอทข้อเสียของพับสา เนื่องจากกระดาษสาชนิดที่ใช้สำหรับเขียนหาซื้อได้ยากในปัจจุบัน อีกทั้งมีวัสดุทดแทนที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า ใช้งานได้หลากหลายมากกว่า ในแง่ของการเก็บรักษาหากเก็บไว้ในสถานที่ที่มีความชื้น พับสาก็จะเกิดราได้ง่าย แต่หากเปรียบเทียบในมิติของความทนทานต่อการขูดขีดหรือฉีกขาดกลับพบว่าพับสามีความทนทานแข็งแรง ยึดหยุ่น และทนต่อการฉีกขาดมากกว่ากระดาษหรือวัสดุจดบันทึกทั่วไปปัจจุบันพับสานั้นหาชมได้ยาก เพราะส่วนใหญ่จะถูกเก็บรักษาเอาไว้ในวัด ศาสนสถาน หรือตามบ้านเรือนของสล่าผู้เป็นนักปราชญ์ของชุมชน หากไม่มีกิจสำคัญจะไม่ถูกนำออกมา เช่นพับสาที่นำมาให้ท่านชมตอนนี้ ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี จดบันทึกด้วยภาษาไทใหญ่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับดวงชะตา โชคลาง ความเชื่อทุกภาพถ่ายโดยผู้เขียน