เมื่อการเดินทางได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ต่างกับครั้งอื่น ๆ เพราะเราเดินทางด้วยกัน 3 ประเทศเนื่องจากทริปนี้พวกเราจะไปเที่ยวที่ เมืองเมดัน อยู่สุมาตราเหนือของประเทศอินโดนีเชีย และต้องเดินทางจากไทยเข้ามาเลเซีย เพื่อขึ้นเครื่องไปอินโดนีเซีย แค่คิดก็ชุลมุน พวกเราออกเดินทางกันตั้งแต่เวลา03.30 น. จากมหาวิทยาลัยและเดินทางถึงด่านไทย-มาเลย์ ประมาณ 06.45 น.เพื่อรอด่านเปิดเวลา07.00น. ซึ่งด่านที่เราใช้ข้ามไปมาเลย์ คือ ด่านประกอบ อยู่ที่อำเภอ นาทวี จังหวัดสงขลา เมื่อถึงเวลาด่านเปิดพวกเราก็เดินไปที่ศุลกากรเพื่อจ๊อบพาสปอร์ตเข้าประเทศมาเลเซีย จากนั้นเราก็นั่งรถต่อเพื่อไปสนามบินปีนัง เราใช้เวลาบนรถประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็ถึงสนามบิน ซึ่งถึงสนามบินจวนกับเวลาที่เครื่องจะออกพวกเราก็ไม่รอช้า รีบพากันเช็คอินและวิ่งเข้าเกท เราใช้เวลานั่งเครื่องจากปีนัง เพื่อไปเมดันประมาณ 45 นาที เมื่อเวลา 12.45 เวลาท้องถิ่นเมดัน(เวลาเท่ากับที่ไทย) ก็เข้า ตม เพื่อจ๊อบพาสปอร์ตอีกครั้งและก็ออกมาแลกเงิน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้จับเงินแสน(รูเปียะห์=สกุลเงินอินโดนีเซีย) ประมาณ 2000 กว่าบาทไทย หลังจากได้เงินแสน(รูเปียะห์)เราก็มารอรถบัสหน้าสนามบินเลยจ้า รถบัสนี่เหมานะ แล้วก็มีไกด์คนอินโดเลยมารอรับไปขึ้นรถบัส รอสักพักใหญ่ ๆ รถก็มา ขึ้นรถปุ๊บ มุ่งหน้าสถานที่แรกของวันแรก คือ มัสยิดเมดัน เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของเมดัน เราละหมาด(การปฏิบัติศาสนกิจของอิสลาม)และถ่ายภาพกันที่นั่น จากนั้น มื้อแรกก็กำลังเริ่มต้นขึ้นไกด์พาเราไปทานข้าวและใช่ค่ะ เห็นอาหารแต่ละอย่างไม่อยากทานเลย กลัวจะไม่ถูกปาก แต่ก็ต้องลองอ่า ไหน ๆ ก็มาแล้ว มื้อแรกจัดกุ้งผัด ข้าวทุกจานของที่นี่จะมีเครื่องเคียงมาให้ตามภาพเลยค่ะ ราคามื้อนี้ก็หลักหมื่นได้ เกิดมาเพิ่งเคยทานข้าวมื้อนึงหลักหมื่น(ประมาณ 50 กว่าบาทไทย) เมื่อทานเสร็จก็ไปต่อกันที่Istana Mainoon ตรงข้ามกับร้านอาหารเลยจ้า ที่นี่มีค่าเข้าด้วยนะคะ 5,000 รูเปียะห์ (ประมาณ 15 บาทไทย) ด้านในจะเป็นเกี่ยวกับในวังหมดเลย บัลลังก์ ที่นั่งราชา บลา ๆ และทีเด็ดคือมีให้เช่าชุดแบบราชาใส่ด้วยนะคะ ราคาประมาณ 40 บาทไทย สวยอยู่นะ แต่เราประหยัดจ้าจะจ่ายให้น้อยที่สุด และเมื่อเที่ยวทุกที่ตามแพลนแล้วว เราต้องเดินทางต่อไปยัง Berastagi น่าจะเป็นจังหวัดหนึ่งในเมดัน เราเดินทางกันยามค่ำคืนเลยจ้าตื่นมาคือแบบรถเลี้ยวไป เลี้ยวมาบนเขาจ้า คือ แบบลุ้นกันตลอดทาง น่ากลัวมากและท้าทายสุด ๆ จนเวลาประมาณ 22.00-23.00 น.เราถึงที่พัก อากาศด้านบนหนาวมาก (ไม่ทันได้ถ่ายที่พัก) ตอนนั้น คือง่วงมาก และแล้วทริปของเราในเมดันวันแรกก็จบลง ตื่นเช้ามายังมีอะไรสนุกๆให้ทำอีกมากรอลุ้นกันนะคะว่าเราจะเจออะไรอีก วันที่2 อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่2 ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศบนเขาที่สดชื่นและน้ำที่เย็นจับใจ พร้อมตะลุยต่างแดน แต่ก่อนจะลุยต้องเพิ่มพลังยามเช้าก่อนค่ะ อาหารรีสอร์ตนี้อร่อยมาก รสชาติไทย ๆ คล้าย ๆ ข้าวผัดน้ำพริกเลยค่ะ มีไก่หวานและไข่เจียวเป็นเครื่องเคียง ทานเสร็จก็เริ่มไปกันเลย ที่แรกไกด์พาขึ้นไปบนเขา ซึ่งสูงขึ้นไปอีกจากรีสอร์ตสูงมากไปที่บ่อน้ำร้อน มีค่าเข้าเช่นเคยแต่จำราคาไม่ได้ ราคาไม่สูงมาก ด้านในมีบ่อน้ำร้อนเหมือน ๆ บ้านเรานี่แหละ มองเห็นภูเขาไฟ แต่ไม่ฟูจินะ 55 มีควันไฟด้วย รึ หมอกก็ไม่รู้ มีสวนดอกไม้ ใครอยากเที่ยวธรรมชาติก็แนะนำนะคะ ที่ต่อมาเขาเรียกว่า Gundaling ก็อยู่ในเขาลูกเดียวกันนี่แหละ จะเป็นจุดชมวิวและถ่ายภาพ มีบริการรถม้าด้วย หรือจะขี่ม้าก็มี แต่เราไม่ขี่ค่ะเราเซฟเงิน 555 ตรงข้ามจะเห็นภูเขาซีนาบุง ภูเขาไฟเช่นเคย กลับจากGundaling ก็ไปฟาร์มโคนม และเราก็มโนว่าต้องรีดนมวัวแน่เลย ละพอไปถึง ฝันสลาย มันก็เหมือนฟาร์มบ้านเรานี่แหละ สุดท้ายจบด้วยไอศกรีมคนละอัน ฝันสลายแล้วก็ลงจากเขากัน ไปต่อด้วยตลาดผลไม้ และทานข้าว คือผลไม้แปลก ๆ เยอะมาก ละลานตา ผลไม้แบบบ้านเราก็มี แต่เราก็ไม่เสียตังที่ตลาดผลไม้นะเสียแต่ค่าข้าวทานเสร็จก็มุ่งหน้าเลยจ้า น้ำตก Si piso piso ในใจนึกคงเหมือนน้ำตกบ้านเราคนเล่นเยอะแยะ เราคงไม่เล่น พอมาถึงไม่เลยค่ะ มันเป็นแค่ชมวิวน้ำตกที่ตกจากที่สูงมากเหนื่อยสุดก็ที่นี่ล่ะ เดินขึ้น-ลงจะเป็นลม ชมเสร็จก็หาที่ละหมาดแต่มันก็ไม่ค่อยอำนวยนะ แต่เรารู้สึกว่าเราต้องอยู่ได้ทุกสถานการณ์ พอเสร็จทุกอย่างถึงเวลาต้องเข้าที่พักแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็มืดแล้วเรายังไม่ลงจากเขาเลย น่ากลัวอีกแล้ว และที่พักเรามันติดทะเลสาปต้องขึ้นเขา ลงเขาเช่นเคย แต่รอบนี้สะพรึงค่ะ ตื่นมาเจอหมอกลงหนามาก จนรถต้องชะลอความเร็ว และวิ่งไปสักพักต้องหยุดพักรถบนเขา ซึ่งมีร้านอาหารเปิดพอดี กระเพาะทำงานเลยจ้าสั่งมาม่าต้มใส่ไข่ กินเหมือนอยู่บ้านเลย พอประทังชีวิต และเรื่องตลกก็บังเกิดเมื่อเราจ่ายตังผิด จนไกด์ที่มาด้วยต้องออกให้ ในใจคิดอยู่แล้วว่าจะจ่ายเท่าไหร่แต่ดันประมวลผิดซะงั้น เขินเลย จากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรม คืนนั้นเราถึงโรงแรมดึกหน่อย พอเข้าที่พักก็รีบเคลียตัวเอง ไม่ไปไหนแล้ว นอนค่ะร่างจะพังลุยมาทั้งวัน ไว้ตื่นมาพบกันวันที่ 3 ต่อนะ ว่ามีอะไรให้ลุ้นอีกบ้าง ปาดเหงื่อทุกวันอ่า วันที่3 อรุณสวัสดิ์ เช้าที่สดใสกับการดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลสาป สดชื่นมาก เช้านี้แพลนเที่ยวของเรามีที่เดียวเพราะต้องเดินทางเข้าเมือง ก่อนจะเดินทางก็ต้องเพิ่มพลังกันก่อน อาหารเช้าทางโรงแรมเตรียมให้เหมือนเดิม ทานเสร็จก็เดินทางกันเลย รอบนี้ไม่ต้องเวียนหัวกับการไต่เขา เพราะเราเดินทางด้วยเรือ ล่องไปตามทะเลสาป ไป-กลับ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง สถานที่ที่เราไปคือ Tomok เป็นเกาะซึ่งมีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และเมื่อไปถึงสิ่งที่เจออันดับแรกไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่มันคือร้านของที่ระลึกวางเรียงรายเป็นแถวยาวตลอดทาง เราก็ไม่รอช้า เพราะที่นี่จะเป็นที่สุดท้ายที่จะได้ซื้อของ ถ้ารอไปซื้อในเมืองไม่ทันแน่ พูดแล้วก็จัดไปค่ะ เดินซื้อพร้อมต่อรองราคากันจนเพลิน และแล้วก็ถึงเวลาต้องกลับ แต่เรามาที่นี่เพื่อศึกษาประวัติศาสตร์จ้า แต่ใช้เวลาไปกับการซื้อของหมดแล้ว สุดท้ายไม่ทันได้ไปดู เสียดายนะ แต่สักวันจะกลับไปอีก เที่ยวจบก็เดินทางเข้าเมืองซึ่งใช้เวลา ประมาณ 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ก็ชินกับการนั่งรถละ พอถึงโรงแรมประมาณเกือบ 2 ทุ่มได้ก็รีบเคลียตัวเอง และออกไปเดินเล่นพร้อมหาของกินมื้อค่ำ ร้านที่เราเข้าชื่อว่า Wong solo อาหารขึ้นชื่อก็จะเป็นไก่ย่าง เมนูดูธรรมดาแต่รสชาติชนะเลิศอ่าบอกเลย เป็นมื้อแรกที่รู้สึกอร่อยและรสชาติไทย ๆ มากตั้งแต่อยู่อินโดมา ให้ 10/10 ไปเลยกับเมนูนี้ กินเสร็จแล้วไม่รอช้าค่ะ กลับโรงแรมนอน จบไปอีกวันกับการท่องเที่ยว วันที่4 วันสุดท้ายของทริป ต้องออกเดินทางจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อไปสนามบิน พอถึงสนามบินเราก็แลกเงินจากอินโดเป็นเงินมาเลย์ค่ะได้มาประมาณ 30 กว่าริงกิต(ประมาณ 300 กว่าบาทไทย) และตามแพลนของเราเมื่อถึงปีนัง คือ เราจะมีเวลานิดนึงในการเที่ยวที่นั่น แต่ความเป็นจริงเราบินถึงปีนังเกือบบ่ายโมง และต้องรอจ๊อบพาสปอร์ตเข้าประเทศ ซึ่งติดตรงนี้นานมาก ทำให้แพลนเราที่จะได้เที่ยว ล่มค่ะ พอหลุดจากตรงนั้นมาได้ก็ต้องมาเสียเวลาหารถ เพื่อไปท่าเรือเฟอรี่ สุดท้ายเราเรียกแท็กซี่ ตกคนละ 60 บาท โอเค ไปเพราะต้องไปให้ทันเรือ เราถึงท่าเรือประมาณบ่ายสามน่าจะได้ รอสักพักเรือก็มา บรรยากาศบนเรือ คือ ดีนะคะ ใช้เวลาบนเรือไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง บัตเตอร์ เวิร์ท เพื่อต่อรถไฟไปปาดังเบซาร์ ค่ารถไฟประมาณ 100 กว่าบาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง กว่าๆก็ถึงปาดังเบซาร์ ข้างในรถไฟมาเลย์จะเหมือนกับรถไฟฟ้าบ้านเราเลย แอร์เย็นเว่อร์วังมาก เหมือนกันเราเน่าอ่า คุ้มค่าราคา 100 กว่าบาท เราถึงปาดังเบซาร์ประมาณ 5 โมงกว่า จากนั้นก็จ๊อบพาสปอร์ตเข้าไทย และรอรถมหาวิทยาลัยมารับ จบทริป 4 วัน 3 คืน ในต่างแดน สำหรับใครที่สนใจนะคะเราแนะนำประเทศนี้นะคะ เป็นประเทศที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไม่น้อยเลย ซึ่งมีพิธีกรรมหลาย ๆ อย่างที่แปลกตามาก ถ้าเรามีโอกาสแน่นอนว่าเราจะต้องกลับไป ไปเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจที่นั่นค่ะ ภาพถ่ายโดย : Little girl (ผู้เขียน)