เมี๊ยะเต็งดาน อนุสรณ์สถานแห่งรักที่อาจเป็นรักแรก รักสุดท้าย และรักเดียวของเธอ...ชินพิวมิน เพราะรู้สึกติดใจ ยังอยากไปเที่ยวพม่าอีกหลังจากไปมาแล้วสองครั้ง ...เมื่อต้นปีที่ผ่านมาตอนกลางเดือนกุมภาพันธ์ เราจึงจัดทริปไปพม่ากันอีกรอบ และเมือง "พุกาม-มัณฑะเลย์" คือเป้าหมายของการเยือนพม่าในครั้งนี้ และเพราะเป็นการเที่ยวกันเอง ไม่มีไกด์ใดๆ ทั้งนั้นนั่นแหละ แค่มีคนขับรถชาวพม่าที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับทริปของชาวสูงวัยนี้ และเหมือนทุกทีเวลาไปเที่ยว ก่อนไปเราจะทำการบ้านวางแผนเที่ยวตลอดทั้งทริป ค้นหาข้อมูลและคัดเลือกสถานที่ที่อยากไป และ...เจดีย์เมี๊ยะเต็งดาน ก็เป็นหนึ่งในสถานที่ ที่ไม่อยากพลาดเลยสำหรับทริปนี้ เช้าวันนั้น โดยอัตโนมัติที่เราต่างถูกอนุญาตให้ตื่นสายได้นิดหน่อย เพราะล้อหมุนที่เวลา 8:30 น. เลยมีเวลาหม่ำอาหารเช้าของโรงแรมจนเต็มพุง และเม้ามอยท์กันอยู่พักใหญ่ เพื่อรอเวลาออกเดินทาง (วิวจากห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่พัก ณ เมืองมัณฑะเลย์ ) Ye Htut Thein หรือ เย หนุ่มย่างกุ้งผู้รับหน้าที่เป็นสารถีประจำทริปนี้ มารับพวกเราที่หน้าโรงแรมตรงตามเวลาเป๊ะ หลังจากที่เยเอาโปรแกรมเที่ยวที่เราส่งให้ไปตกผลึกเมื่อคืน เช้ามาก็บอกว่าจะพาไปหมู่บ้านมิงกุนเป็นที่แรก เราตอบตกลงทันทีแบบไม่คิดอะไรมากขณะที่เยเลี้ยวหัวรถออกจากลานจอดของโรงแรม...ใช่สิ ฉันไม่อยากพลาดที่นี่ จนต้องยอมตัดสถานที่เที่ยวของเมืองสกายน์ออกทั้งหมด เนื่องด้วยเวลาไม่พอ ถนนของพม่าเวลาไปต่างเมือง ก่อนเข้าเมืองแต่ละที่จะมีด่านเก็บเงินอยู่ ซึ่งดูแตกต่างจากด่านเก็บเงินบนทางด่วนบ้านเราอย่างสิ้นเชิง ที่นี่จะมีแค่ไม้กั้น คนเก็บเงินส่วนใหญ่เป็นหนุ่มวัยรุ่น น้อยนักที่จะเจอผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่ชอบเคี้ยวหมาก ไม่มียูนิฟอร์ม และนั่งเก้าอี้พลาสติก บางที่อาจมีป้อมซึ่งสร้างจากไม้เล็กๆ ด้วย เพราะมัวแต่ตะลึงอยู่ทุกรอบที่ผ่านและต้องคอยช่วยเยส่งเงินค่าผ่านทางให้ เลยไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ น่าเสียดายมาก รถของเราวิ่งเรียบแม่น้ำอิรวดี ข้างทางจอแจไปด้วยผู้คน ได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้านที่ดูเรียบง่าย แต่ก็วุ่นวายพอดู แถบริมฝั่งแม่น้ำจะเจอกองไม้ไผ่มากมายเป็นระยะ เยบอกว่าชาวบ้านแถวนี้เขาทำไม้ไผ่ขาย คนซื้อไปทำเป็นผนังบ้านบ้าง อะไรบ้าง เห็นแล้วก็นึกถึงสมัยตอนเป็นเด็ก ราวสามสิบปีมาแล้ว บ้านหลังเก่าของปู่กับย่าสร้างด้วยไม้ไผ่เป็นทรงยกพื้นสูง พื้นบ้านเป็นไม้กระดานวางห่างๆ กัน ผนังสานจากไม้ไผ่ หลังคามุงจาก พอนานเข้าเริ่มผุผังถึงได้เปลี่ยนเป็นบ้านปูน (วิวข้างทาง จะเห็นชาวบ้านกำลังเตรียมไม่ไผ่ และแผ่นไม้ไผ่ที่สานสำเร็จแล้ววางกองเป็นกองใหญ่อยู่เป็นระยะ) พวกเราข้ามแม่น้ำอิระวดีจากฝั่งมัณฑะเลย์ไปยังฝั่ง เมืองสกายจ์ (Sagaing) เพื่อมุ่งหน้าไปหมู่บ้านมิงกุน เราวิ่งข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโดยไม่เจอรถติดใดๆ ให้ต้องเสียอารมณ์ ซึ่งจะเป็นการดีที่เราจะมีเวลาเที่ยวได้มากขึ้น เล่าถึงกรุงเทพฯ ให้เยฟังว่ารถติดทรหดขนาดไหนในช่วงเวลา 7-9 โมงเช้าในวันทำงานแบบนี้ เยบอกว่าที่นี่ก็เป็น แต่วันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมรถโล่ง (อ้าว...) (ขณะรถวิ่งข้ามสะพาน จะเห็นว่าถนนโล่งจริงๆ ถึงขนาดที่ว่า เย สามารถขับชะลอรถในบางจุดให้เราถ่ายรูปได้โดยไม่มีคันหลังบีบแตรไล่) (กลางแม่น้ำอิรวดี ฝั่งซ้ายเป็นเมืองสะกายน์ ที่เรากำลังมุ่งหน้าไป จะเห็นว่าเต็มไปด้วยเจดีย์ กระจายไปทั่วทั้งเกาะ) (ฝั่งขวาเป็นเมืองมัณฑะเลย์ เป็นฝั่งที่เราจากมา) ตลอดริมแม่น้ำจะได้เจอวิวสวยๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแม่น้ำอิรวดีจะใหญ่มากขนาดนี้ แล้วยิ่งมีเกาะ ก็ทำให้คิดว่าเป็นทะเล แต่เดือนที่ไปน้ำแห้งมาก แผ่นดินกลางน้ำผุดขึ้นมาหลายหย่อม จนคนสามารถใช้ลานนั้นจัดงานกิจกรรมต่างๆ ได้ (แผ่นดินที่ผุดขึ้นมา กลายเป็นลานกว้าง สวยงามไปอีกแบบ) เราเจอวัดมากมาย เห็นเณรและแม่ชีตัวน้อยๆ เดินเต็มไปหมด ตัวน้อยๆ นี่รุ่นประมาณเด็กอนุบาลหนึ่งกันเลยนะ แม่ชีที่นี่ไม่นุ่งขาวห่มขาวเหมือนที่ไทย แต่จะใส่เสื้อสีชมพู ห่มจีวรสีชมพู และห่มสะไบสีน้ำตาลทับอีกที ที่นี่มีโรงเรียนสำหรับนักบวชเหล่านี้ด้วย ซึ่งเป็นของรัฐบาลจัดสร้างและคอยดูแลอยู่ เยเล่าว่าคนพม่าที่นับถือพุทธจะนิยมให้ลูกหลานบวชตั้งแต่เด็กๆ ถ้าโตขึ้นหน่อยก็บวชพระ แล้วถึงจะเกณฑ์ทหาร แล้วก็แต่งงาน นั่งคุยกันเพลินเราก็มาถึงทางเข้าหมู่บ้านมิงกุน จ่ายเงินค่าเข้าเสร็จ เราจะได้สติ๊กเกอร์มาติดเป็นสัญลักษณ์ว่าจ่ายเงินแล้ว เยพาพวกเราเข้าไปที่เมี๊ยะเต็งดานก่อน แล้วค่อยออกมาเจอกับเจดีย์และระฆังมิงกุน เพราะสองแห่งนี่อยู่ติดทางเข้าออกพอดี จะเห็นว่าในละแวกใกล้จุดท่องเที่ยวจะมีร้านรวงมากมายเหมือนตลาด ขายเสื้อผ้า อาหาร และของฝากเต็มทั้งสองข้างทาง เมื่อเยเอารถไปจอด เราและเดอะแก๊งเลยถือโอกาสเดินไปเข้าห้องน้ำแถวนั้น เสียค่าเข้าคนละ 2,000 จั๊ด (ประมาณ 21 บาท) และเมื่อคุณเป็นนักท่องเที่ยว จะมีแม่ค้าพ่อขาย เด็กตัวน้อยๆ เดินถือดอกไม้ถวายพระมาขายให้คุณ เพื่อเอาไปสักการะพระพุทธรูปที่อยู่บนยอดเจดีย์ ราคา 2,000 จั๊ด ซึ่งฉันเองต้องใช้สติที่จะไม่รำคาญเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าฉันเจอแบบนี้คนเดียวหรือเปล่า เพราะพวกเขาจะไม่ฟังใดๆ คุณเลย เอาแต่จะเข้ามารุมคุณจริงๆ แบบกรูกันเข้ามา รุมยื่นดอกไม้เข้ามาที่หน้า “ทูทาวซันจั๊ด” และพอเผลอร้องตกใจเป็นภาษาไทย ก็ตะโกน “กาละยี่สิบะ” ภาษาไทยสำเนียงพม่าเซ็งแซ่ไปหมด กว่าจะสงบ สุดท้ายจำเป็นต้องดุใส่... แต่เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวให้ชาวบ้านมีรายได้...ซื้อค่ะ ดอกไม้ไหว้พระที่นี่เป็นดอกบัว และดอกไม้เล็กๆ สีขาวร้อยเป็นพวง สวยดีและไม่แพง เมื่อสมาชิกครบ พวกเราก็ฝ่าฝูงแม่ค้าขึ้นไปที่เมี๊ยะเต็งดาน ตามวัดวาของที่นี่จะไม่อนุญาตให้ทั้งหญิงและชายนุ่งสั้น ใส่เสื้อแขนกุด และใส่รองเท้าเข้าไปอย่างเด็ดขาด แต่ไม่ต้องห่วงว่ารองเท้าจะหาย เพราะที่นั่นเขาได้จัดเตรียมที่วางรองเท้าไว้ให้ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยอีกด้วย เมื่อก้าวเท้าข้ามประตูเข้าไป...และแล้วก็ได้เห็นเต็มตา สวย หวาน ขาวนวลละออตา อยู่ตรงหน้า (ภาพโดย : adew amor) เจดีย์ชินพิวเม หรือ เจดีย์เมี๊ยเต็งดาน ศิลปะอมรปุระ-มัณฑะเล สำหรับคนไทยบางคนอาจจะรู้จักกันในชื่อ เจดีย์พญาเธียรดาน เจดีย์องค์นี้ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดี ณ หมู่บ้านมิงกุน เมืองสกายน์ สาธารณรัฐสหภาพพม่า ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก โดยพระเจ้าพะคยีดอว์ (พระเจ้าบาจีดอว์ หรือพระเจ้าจักกายแมง) สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง พระชายาชินพิวมิน อันเป็นที่รักยิ่ง จนขนานนามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มน้ำอิรวดี” (รั้วบริเวณชั้นบนของเจดีย์ ภายนอกถูกฉาบด้วยปูน ทาสีขาว ปลายยอดเจดีย์หุ้มด้วยโลหะสีทอง งดงามตา) (พระพุทธรูป ซึ่งประดิษฐานอยู่ชั้นบนสุดของเจดีย์) (ดอกบัวที่เราซื้อมาจากแม่ค้าดอกไม้ด้านล่าง นำขึ้นมาวสักการะท่านบนนี้) (ทางลงของเจดีย์จะอยู่ด้านนอก ขนาดพอดีกับคน มีราวจับแข็งแรงดี ส่วนทางขึ้นจะเป็นบันไดแคบๆ ขนาดพอตัวคนเช่นกัน แต่จะอยู่ตรงกลางเจดีย์ซึ่งอยู่ด้านใน เอาจริงๆ ก็รู้สึกว่าสูงมาก เพราะเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันกว่าจะขึ้นไปชั้นบนสุดได้ ขาลงเห็นว่าปลอดคน พ่อกับแม่เหนื่อยเลยแวะพักถ่ายรูปซักนิด *ระวังไม่ให้เกะกะคนอื่นด้วยนะคะ เพราะทางลงมีทางเดียว) ในช่วงที่ทั้งสองพระองค์ทรงอภิเษกสมรสกันนั้น พระเจ้าพะคยีดอว์ยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นเพียงมกุฎราชกุมารแห่งสกายน์ มีพระชนมายุเพียง 18 พรรษา ส่วนพระชายาชินพิวมินนั้นมีพระชนมายุเพียงแค่ 14 พรรษาเท่านั้น ...อาจเป็นรักแรก ของกันและกัน พระชายาชินพิวมินเป็นพระชายาองค์แรกที่สวรรคตในขณะให้ประสูติการเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๕ พระเจ้าพะคยีดอว์ทรงเสียพระทัยมาก จึงสร้างเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมาในปี พ.ศ. ๒๓๕๙ แล้วตั้งชื่อตามพระนามของพระชายา... หากอินเดียมี ทัชมาฮาล เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรัก ที่พม่าก็มี เมี๊ยเต็งดาน ขนานนามว่าเป็น ทัชมาฮาลของพม่าเช่นกัน ถึงแม้ว่า เจดีย์องค์นี้จะเป็นพุทธศิลป์ที่สร้างขึ้นด้วยหลักภูมิจักรวาล แบ่งเป็น 2 ชั้นใหญ่ๆ ชั้นบนสุดคือ มีองค์เจดีย์สถิตอยู่ตรงกลาง ณ ยอดเขาเมรุ อันเชื่อกันว่าเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและมหาสมุทรตามหลักไตรภูมิ ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ของเจดีย์ คือบริเวณชั้นล่าง เกลียวคลื่นสีขาว 7 ชั้นขนาดใหญ่ล้อมรอบองค์พระเจดีย์ ทว่า ในมุมมองของฉัน...กลับซาบซึ้งที่ได้เห็น สัมผัสได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่นี้ การทำสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่เพื่อใครสักคน ต้องใช้ความรู้สึกมากมายหรืออาจจะทั้งใจ ถึงทำได้... สิ่งก่อสร้างใหญ่โตสีขาวตรงหน้านั้นแสนอ่อนช้อย ดูงดงามอ่อนโยน ทว่ากลับมั่นคง และแข็งแกร่ง คงสื่อได้ดีสำหรับความรักของใครสักคนที่มอบแด่ผู้ซึ่งเป็น...ที่รัก และเขาคงอยากให้สถิตอยู่บนผืนแผ่นดินตราบนานเท่านาน ด้วยการใช้ชื่อของเธอเรียกขานเรื่อยไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์ ...เหมือนคำบอกรักที่ไม่มีวันจบสิ้น เขาสร้างเจดีย์ใหญ่โตมโหฬารเป็นสีขาวทั้งองค์ ปลายหุ้มโลหะสีทองดูจิ้มลิ้มอ่อนหวาน ตั้งตระหง่านท่ามกลางฉากหลังเป็นท้องฟ้าทั้งผืน ความอ่อนหวานในรักของเขานั้นจะมากมายขนาดไหนกัน หรือนางผู้ได้รับความรักความอาลัยนี้จะงดงามมากเพียงไรในใจของเขา... ศิโรราบ แม้ว่าในประวัติจะระบุว่า ต่อจากนั้น พระเจ้าพะคยีดอว์ก็ทรงมีชายาเพิ่มอีก 5 องค์ รวมทั้งหมด 23 องค์หลังจากขึ้นครองราชย์...ก็ตาม แต่เมื่อกาลใด "รัก" เคยปรากฎว่าเกิดขึ้นแล้ว หากจะมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงในกาลหน้า ก็ใช่ว่ารักนั้นจะไม่คงอยู่และไม่เคยเกิดขึ้นจริง มันยังคงอวลกรุ่นอยู่สักที่ อย่างน้อย ก็ในความทรงจำ แม้เจดีย์เมี๊ยะเต็งดาน จะดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเพียงใด แต่กระนั้น เจดีย์องค์นี้ก็เคยได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวเช่นเดียวกับเจดีย์องค์ใหญ่มิงกุน แต่รัฐบาลได้จัดการบูรณะขึ้นใหม่ จนกลับมาสวยงามอีกครั้ง (ความใหญ่ของเจดีย์ เมื่อเทียบกับขนาดของคน / ภาพโดย: chor lau heung) แม้ที่นี่จะเป็นที่ที่ไม่อยากพลาดเลย แต่ก็ดันเป็นที่ที่ทำให้อารมณ์เสียที่สุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้ แถวนั้น ชั้นล่างจะมีกลุ่มวัยรุ่นคอยหาเงินโดยการรับจ้างถ่ายรูป เมื่อเราไม่จ้าง ก็จะสร้างความรำคาญด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ หัวเราะขบขัน และยืนล้อมคุณไม่ไปไหนซักที จนต้องอารมณ์เสีย เมื่อขึ้นไปชั้นสอง ก็เจอกลุ่มรับจ้างถ่ายรูปอีก แต่กลุ่มนี้มีมารยาทกว่า คือไม่มาเจาะแจ๊ะวุ่นวายมาก ถือว่าน่ารัก แต่ถ้าใครไปแล้วอยากจ้างเขาถ่าย ก็จ้างเถอะ เพราะสมาชิกในแก๊งมองเห็นจากกล้องในมือเด็กกลุ่มนั้นแล้วว่า ถ่ายสวย และราคาไม่แพง แต่เหนืออื่นใด ที่นี่ก็สวยงามสมความตั้งตารอค่ะ ;) การเดินทาง: เช่าเหมารถตู้ส่วนตัว ใช้เที่ยวตลอดทริป ตกวันละ 1,500 USD (ราคานี้คนขับคิดรวมหมดทุกอย่างแล้ว รวมถึงที่พัก และค่าอาหารของเขา แต่ไม่รวมทิป ทิปแล้วแต่เราค่ะ จะให้หรือไม่ให้ก็ได้) ค่าเข้าชมสถานที่: คนละ 5,000 Myanmar Kyat (ราคานี้ จ่ายทีเดียวเข้าชมได้ทุกที่ในหมู่บ้านมิงกุน) ภาพโดย: ภาพถ่ายโดยผู้เขียน, ภาพบางส่วนตามเครดิตภาพ เป็นของสมาชิกเที่ยวในทริปนี้ (เก็บตก) (Ye Htut Thein หรือ เย (เสื้อขาวคนกลางรูป) หนุ่มย่างกุ้งผู้รับหน้าที่เป็นสารถีประจำทริป เป็นทุกอย่างเลย รวมถึง ช่างถ่ายรูปหมู่ ล่ามท้องถิ่น หาร้านอาหารท้องถิ่นเจ้าอร่อย บริการทุกระดับประทับใจโดยเฉพาะรุ่นพ่อแม่ / ภาพโดย: chor lau heung) (ตัวอย่างภาพหมู่ที่เยเป็นคนถ่าย ซึ่งปราศจากสัญญานใดๆ ก่อนกดชัตเตอร์ / ภาพโดย : Ye Htut Thein)