20th century boy เป็นมังงะของ นาโอกิ อุราซาวะ นักแต่งชื่อดังมีผลงานมากมายทั้ง Monster คนปีศาจ , HAPPY เพื่อฝัน และคนที่ฉันรัก หรือ Pluto ที่ทาง Netflix นำมาทำเป็นอนเิมะ จากที่กล่าวล้วนเป็นการ์ตูนชื่อดัง โดยส่วนใหญ่มังงะของอุราซาวะจะเป็นการแสดงด้านเลวร้านของมนุษย์ หรือจากแก่นแท้ของมนุษย์นั่นเอง และนั่นก็รวมไปถึง 20th century boy เป็นการ์ตูนแนวสืบสวนผสมกับความไซไฟ ซึ่งถูกตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1999 มีทั้งหมด 22 เล่ม แต่ถูกนำมาตีพิมพ์ใหม่เป็นในรูปแบบ Big Book มีทั้งหมด 12 เล่มจบ โดยในเรื่องจะมีการเซตในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ซึ่งอ้างจากเหตุการณ์การจัด World Expo ที่จัดขึ้นในโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นในปี 1970 พร้อมกับประติมากรรมที่เป็น iconic ของงานในปีนั้นคือ Tower of the Sun (Taiyo no to) และเพลงที่ถูกใช้ตอนเริ่มเรื่องของการ์ตูนอย่าง 20th century boy ของวง T.Rex ศิลปินจากเกาะอังกฤษที่เกิดขึ้นในปี 1973นาโอกิ อุราซาวะ ผู้แต่ง 20th century boyเนื้อเรื่องย่อ เป็นเรื่องในอดีตของเคนจิ(ตัวละครนำในเรื่อง) และผองเพื่อนในวัยเด็ก ที่มักจะรวมตัวกันที่ฐานทัพลับในตอนเย็นหลังเลิกเรียน หรือในช่วงวันหยุดในพื้นที่หญ้ารกร้าง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถูกใช้ในการทำกิจกรรมต่างของกลุ่มเด็กนี้ เช่นการอ่านหนังสือ18+ การเล่นพิเรนทร์ รวมถึงสิ่งที่จะเป็นเรื่องราวของการ์ตูนเรื่องนี้คือการเขียนคำทำนาย โดยในเนื้อหาของคำทำนายนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับแนววันสิ้นโลก และเมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้พวกเขาจะรับบทเป็นฮีโร่ (อารมณ์คล้าย ๆเล่นตำรวจจับโจร) แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนเคนจิและผองเพื่อนเติบโตขึ้นมาเหตุการณ์ที่ในอดีตที่เขียนคำทำนายกลับเกิดขึ้นจริง ผ่านลัทธิประหลาดที่ชื่อว่า "เพื่อน" จนทำให้พวกเขาเหล่านั้นร่วมมือกันหยุดยั้งแผนการดั่งที่เคยเล่นกันตอนเด็ก และตามหาว่าใครคือ เพื่อนการ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างจะตีแพร่สังคมในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ในเรื่องการรับรู้ข่าวสารนี้สำคัญมาก ๆ หรือการเซนเซอร์ข่าวของรัฐบาล มันแทบจะไม่แตกต่างไปจากผู้แต่งที่แต่งขึ้นในอดีต หรือระบบการศึกษาของเด็กนักเรียน ถ้าให้หยิบยกขึ้นประโยคที่พอจะสังเขประบบนี้ได้คร่าว ๆ ว่า คนไทยมาจากเทือกเขาอันไต ? แค่นี้ก็คงพอรู้กันแล่วนะครับ อีกหนึ่งที่น่าสนใจอาจจะสปอยล์เล็กน้อย กล่าวคือตัวละคร เพื่อน คือตัวละครที่เป็นผลมาจากการบุลลีในวัยเด็ก อาจไม่ทั้งหมดแต่สิ่งนี้ก็เป็นตัวแทนของคำที่ว่า "คนพูดไม่จำ คนฟังไม่ลืม" ได้เป็นอย่างดี ผู้อ่านอาจจะมองเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบเหตุกาณร์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง แต่อยากให้ผู้อ่านลองนึกย้อนไปในอดีตว่า หากโดนทำเช่นนี้ในอดีต เราจะยังเป็นคนแบบเราในปัจจุบันหรือไม่ส่วนที่ชอบใน 20th century boy คือการลำดับเรื่องการตัดสลับฉากในอดีตกับปัจจุบันได้อย่างลงตัว หากให้เทียบกับภาพยนตร์คงคล้ายกับ Arrival (2016) ของเดอนี วีลเนิฟว์ หากใครได้ลองอ่านก็คงจะรู้สึกตลึง แม้ว่าจะอ่านยุคนี้ก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นปฎิเสธไม่ได้กับการที่เนื้อเรื่องยืดเยื้อจนรู้สึกเบื่อ หรือการปูเนื้อเรื่องในตอนเริ่มที่หากใครไม่ชอบก็อาจเบื่อไปเลย แม้ถึงจะบอกว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนของตำรวจสืบคดี แต่เป็นกลุ่มประชาชนปกติที่ตามหาเรื่องในอดีตของตัวเอง จนสร้างความไม่เชื่อใจกันในกลุ่มตัวเอก และนี่แหละที่เป็นสิ่งดึงดูดตัวผู้เขียนเอง20th century boy เล่ม 1 เวอร์ชัน Big Bookทั้งนี้ 20th century boy ไม่มีเวอร์ชันอนิเมะ แต่เคยมีเวอร์ชั่นภาพยนต์ Live Action ในปี 2008 มีทั้งหมด 3 ภาค ตัวผู้เขียนเองก็รู้จักเรื่องนี้ผ่านการดูมาหนังก่อน สำหรับผู้ที่ไม่สันทัดการอ่านหนังสือ การดูหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ให้กับผู้ที่สนใจในการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะใจความสำคัญของการ์ตูนยังคงอยู่แม้จะถูกดัดแปลงไปตามบทของหนัง หรือหากใครอยากลองผลงานของนาโอกิ อุราซาวะก็ได้เช่นกัน เพราะหากให้แนะนำจริง ๆ ในเรื่องอื่นของอาจารย์ผู้แต่งมีความกระชับของเนื้อเรื่องกว่า 20th century boy อย่างมาก โดยทาง Netflix สามารถรับชมเรื่องของ Monster (2004) และ Pluto (2023) ในเวอร์ชันอนิเมะได้ โดยสรุปแล้วสำหรับเรื่อง20th century boy ถือเป็นการ์ตูนขึ้นหิ้งอีกหนึ่งเรื่องของตัวผู้เขียน แม้จะอ่านในยุคปัจจุบันก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกไปจากเรื่องอื่น และมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจในเรื่อง อีกทั้งมีการพูดถึงประเทศไทยแต่ในแง่มุมไหน เรื่องอะไรลองไปหาอ่านกันเอาครับ แล้วจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาที่ได้อ่าน ปัจจุบันหนังสือBig Book มี 11 เล่มที่แปลไทย และสุดท้ายเรามาร่วมร้อง "กูตาลาลา ซือตาลาลา" กันครับรายละเอียดหนังสือชื่อหนังสือ : 20th Century Boysผู้แต่ง : Naoki Urasawaผู้แปล : นภพล จันทรัคคะสำนักพิมพ์: เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนลราคา :195 - 235 บาทเครดิตรูปภาพ :X Naoki Urasawa : 1ภาพปกและภาพประกอบ 2,3,4 เป็นของผู้เขียน จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !