"ราชินีลูกทุ่ง" แน่นอนว่าทุกคนนึกถึง พุ่มพวง ดวงจันทร์ นักร้องผู้ล่วงลับไปแล้วกว่า 28 ปี แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนฟังเพลงของแม่ผึ้ง และมีแฟนเพลงเป็นเด็กรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาอยู่ตลอด เหมือนความนิยมไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา ลองมาดูกันว่าทำไมคำว่า "ราชินีลูกทุ่ง" ถึงต้องเป็นแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เท่านั้น"ร้อง"เป็นที่รู้กันว่าแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ นั้นอ่านเขียนไม่ได้ เพราะความยากจนทำให้ต้องเสียสละให้น้อง ๆ ตัวเองจึงเรียนถึงแค่ชั้น ป.2 แต่ผลงานเพลงของแม่ผึ้งนั้นมีกว่าหนึ่งพันเพลง และทุกเพลงล้วนมาจากการฟังแล้วจำเอาทั้งสิ้น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้เพลงที่แม่ผึ้งร้องออกมาแต่ละเพลงถึงเป็นการร้องออกมาจากอารมณ์ความรู้สึก เสมือนเป็นการเล่าเรื่องราวเพราะแม่ผึ้งต้องใช้วิธีการจำเนื้อร้องทำให้เข้าใจเนื้อหาของเพลงแล้วถ่ายทอดออกมาได้ถึงอารมณ์ของเพลงมากกว่าการท่องจำจากตัวหนังสือ"เต้น"เนื่องจากเคยเป็นหางเครื่องมาก่อนทำให้ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ มีทักษะการเต้นที่ดี ทำให้แต่ละเพลงของแม่ผึ้งมีท่าเต้นที่สดใหม่สนุกสนานซึ่งถือเป็นแนวทางใหม่ของนักร้องลูกทุ่งในสมัยนั้นที่จะเน้นร้องเพลงนิ่ง ๆ ไม่เต้นอะไรมากมายนัก เรียกได้ว่าถ้ามีเพลงใหม่ออกมาสิ่งที่ทุกคนรอคอยนอกจากเสียงร้องแล้ว ท่าเต้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ รอคอยถ้าเทียบกับยุคนี้ก็คงแบบว่ารอแกะท่าเต้นแล้วเอามาโคฟเวอร์กันเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เพลงของแม่ผึ้งเข้าถึงคนทุกช่วงวัยและเข้าถึงคนทุกชนชั้นไม่เฉพาะแค่คอเพลงลูกทุ่งเท่านั้น"เล่น"นอกจากการร้องและเต้นแล้ว สิ่งที่ทำให้ทุกคนหลงรัก แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ คือความซื่อ ความขี้เล่นของแม่ผึ้ง เรียกได้ว่าเป็นสาวแก่น สาวเปรี้ยวคนหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้แฟนเพลงถึงรู้สึกใกล้ชิด และเข้าถึงได้ง่าย ถ้าเป็นแฟนเพลงผู้ใหญ่กว่าก็รู้สึกเอ็นดูในความใสซื่อ ตรงไปตรงมาของแม่ผึ้ง"โชว์"ในการแสดงสดของ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ทุกคนที่ได้ดูจะรู้สึกสนุก ตื่นตาตื่นใจไปกับโชว์ของแม่ผึ้ง เพราะแม่ผึ้งใส่ใจในรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งท่าเต้น รวมไปถึงชุดต่าง ๆ แม่ผึ้งจะออกแบบชุดเองให้มีความสดใหม่เสมอ ไม่เฉพาะแค่ชุดของแม่ผึ้งเอง แต่ยังรวมไปถึงชุดของหางเครื่องด้วย แม่ผึ้งศึกษาท่าเต้นและการแสดงต่าง ๆ จากนักร้องต่างประเทศโดยเฉพาะ "มาดอนน่า" แล้วนำมาปรับใช้กับเพลงและโชว์ของตัวเอง ก็เลยยิ่งทำให้น่าสนใจ ดูแปลกใหม่ และตื่นตาตื่นใจมากขึ้นไปอีก"ทุ่มเท"ด้วยความที่รักในการร้องเพลง เพลงแต่ละเพลงของแม่ผึ้งจึงมีความโดดเด่นในวิธีการร้อง เพราะแม่ผึ้งจะใส่ความสนุก ความซนเข้าไปในวิธีการร้อง มีทั้งเสียงเซ็กซี่ที่ฟังแล้วซน ๆ แบบไม่อนาจารอย่างเพลง "อื้อฮื้อหล่อจัง" หรือร้องด้วยอารมณ์กวน ๆ แบบเหน่อ ๆ อย่างเพลง "ผู้ชายในฝัน" ซึ่งด้วยกิมมิคเหล่านี้ทำให้เพลงของแม่ผึ้งเป็นเพลงที่ฟังแล้วติดหูคนฟังได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะร้องเลียนแบบให้ได้แบบที่แม่ผึ้งร้อง"ตำนาน"ถ้าจะพูดถึงความเป็นตำนานของ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ มีมากมายหลายหลาก ตัวอย่างเช่น เป็นนักร้องลูกทุ่งที่จัดคอนเสิร์ตที่โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น นี่ถ้าแม่ผึ้งยังอยู่เราก็คงจะได้เห็นคอนเสิร์ตลูกทุ่งจัดในฮอลล์ใหญ่อย่างอิมแพ็คอารีนาแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น และจากที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากถึงความเป็นตำนานของแม่ผึ้ง เพราะเพลงของแม่ผึ้งก็ยังมีคนฟังอยู่ ทุกเวทีประกวดจะต้องมีคนเอาเพลงของแม่ผึ้งมาใช้ประกวดแทบทุกครั้ง หรือว่าง่าย ๆ คือถ้าพูดถึงนักร้องลูกทุ่งทุกคนต้องมีชื่อ "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ออกมาเป็นชื่อแรก ๆ ในหัวทุกครั้งไปแม้คนรุ่นหลังจะไม่ได้สัมผัสกับเสน่ห์และความเป็นราชินีลูกทุ่งของแม่ผึ้ง แต่เชื่อว่าทุกคนที่ได้ลองฟังเพลงได้ดูการแสดงของแม่ผึ้งแม้เพียงแค่ครั้งเดียว ก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าทำไม "ราชินีลูกทุ่ง" ถึงจะต้องเป็น "พุ่มพวง ดวงจันทร์" ขอขอบคุณรูปภาพจาก เพจโลกของผึ้งภาพปกออกแบบโดยผู้เขียนบทความ Silence Stalkerภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7