สวัสดีครับกลับมาพบกันอีกแล้วกับบทความเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอลวันนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาอ่านเกี่ยวกับหลังเกมศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีกรอบรองชนะเลิศ นัดแรกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเริ่มกันที่คู่แรกกับบิ๊กแมตช์การเจอกันระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกที่พวกเค้ามีเป้าหมายที่จะคว้าแชมป์รายการนี้มาประดับสโมสรสมัยแรกให้ได้ ต้องโคจรมาพบกับเรอัล มาดริดจ่าฝูงลาลีก้า เจ้าแห่งยุโรปเจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก 13 สมัย ซึ่งถือเป็นอีกเกมที่แฟนบอลหลายๆคนจับตามองว่ารูปเกมจะออกมาแบบไหน เข้าสู่วันแข่งจริง ทั้ง 2 ทีมก็เรียกได้ว่าจัดชุดใหญ่ใส่เต็มสูบเท่าที่จะทำได้ ณ เวลานี้กันเลย แล้วทั้ง 2 ทีมก็ไม่ทำให้แฟนๆที่รอค่อยผิดหวัง เข้าสู่ในเกมเริ่มต้นมาเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้นโอกาสแรกของเกมก็มาถึงจากจังหวะที่ริยาร์ด มาเรซเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษและเป็นเควิน เดอ บรอยน์โหม่งเข้าไปให้แมนซิตี้ออกนำอย่างรวดเร็ว 1-0 ถัดมาแมนซิตี้ยังคงบุกหนักอย่างต่อเนื่องแล้วก็มาได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 11 จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษและก็เป็นกาเบียล เชซุส ยิงเข้าไปให้แมนซิตี้ออกนำ 2-0 จากนั้นเกมเปิดมากขึ้นทั้ง 2 ทีมก็เปิดเกมแลกกันสนุกแต่ก็ยังคงเป็นทางด้านแมนซิตี้ ที่ครองเกมเหนือกว่าและมีจังหวะจบได้บ่อยครั้ง แต่ทว่าเรอัล มาดริด สามารถตีเสมอได้จาก คาริม เบนเซม่า ในนาทีที่ 33 จากจังหวะการเปิดของเฟอร์ล็อง เมนดี้ เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังก็ยังคงเป็นแมนซิตี้ที่ยังเปิดเกมบุกใส่อย่างต่อเนื่อง แล้วก็มีโอกาสหนีห่าง ออกไปแต่มาเรซยิงไปชนเสา โฟเดนซ้ำก็ยังคงติดบล๊อค พลาดโอกาสทองไปอย่างหน้าเสียดายจนแล้วจนเล่าแมนซิตี้ก็มาได้ประตูที่ 3 จนได้จากจังหวะที่เฟอร์นันดิโญ่เปิดบอลจากด้านข้างเข้ามาในกรอบเขตโทษแล้วก็เป็นฟิล โฟเด้นโหม่งจ่อๆเข้าไปให้แมนซิตี้นำห่างไปเป็น 3-1 หลังจากเสียประตูที่ 3 ไปได้ 2 นาที ทางด้านทีมเยือนเรอัล มาดริด ก็ไล่ตามมาเป็น 3-2 ในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่เวเนซิอุส จูเนียร์ เลี้ยงเดียวมาคนเดียวและยิงผ่านมือเอแดสันเข้าไปจากนั้นรูปเกมก็ยังคงสู้กันสนุกจนมาถึงช่วงนาที่ที่ 74 แมนซิตี้ นำห่างอีกครั้งในจังหวะที่เบนาร์โด้ ซิลวาปั่นด้วยซ้ายเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงามให้แมนซิตี้ออกนำ 4-2 แต่เกมยังไม่จบเรอัล มาดริดยังไม่ยอมพวกเขามาได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ ลาป๊อก และเป็นทางด้านของคาริม เบนเซมา ยิงจุดโทษแบบชิบเข้ากลางประตูแบบเหนือเข้าไป ไล่ตามมาเป็น 4-3 และจบลงด้วยสกอร์นี้ สำหรับเกมนี้ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าถือเป็นเกมที่มีคุณภาพมากๆอีกเกมในฤดูกาลนี้สำหรับรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก สนุกครบรสสมกับเป็นรอบรองชนะเลิศทั้ง 2 ทีมสู้กันได้อย่างสมศักดิ์ศรีทีมใหญ๋ รูปเกมเปิดแลกกันสนุกมากๆ ถึงแม้จะมีช่วงที่แมนซิตี้บุกกดดันอย่างหนักแต่ทางมาดริดก็ถือว่ามีจังหวะตอบโต้ได้ดีเช่นกัน เรียกได้ว่าต่อให้เตะดึกขนาดไหนก็ต้องตื่นเต้นไปกับเกมนี้แน่ๆ สำหรับผู้ชม ทั้งสู้ทีมสู้กันด้วยแท๊คติกผู้จัดการทีมว่างแผนการเล่น แก้เกมทันกันมากๆ ในส่วนของนักเตะก็ตอบสนองกับแผนได้เป็นอย่างดีรูปเกมจึงออกมาคู่คี่สูสี ในฐนะแฟนบอลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในนัดที่ 2 เราจะได้ดูเกมมันส์ๆแบบนี้อีกครั้ง มาในส่วนของรอบรองชนะเลิศคู่ที่ 2 ระหว่างลิเวอร์พูลพบบียาร์เรอัล ลิเวอร์พูลที่พวกเขายังคงมีเป้าหมายอยู่ในเส้นทางคว้า 4 แชมป์ในประวัติศาสตร์อีกทั้งยังหวังว่าจะคว้าแชมป์สมัยที่ 7 ของสโมสรให้ได้ ทั้งแพสชั่นกำลังใจน่าจะเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีให้ลิเวอร์พูลได้ไม่มากก็น้อย มาทางด้านบียาร์เรอัลเองก็หวงัที่จะคว้าแชมป์นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรให้ได้ แถมฤดูกาลนี้พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งการล้ม ยูเวนตุสในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แถมมาพลิกล๊อคหักปากกาเซียนอีกครั้งด้วยการเขี่ยบาเยิร์น มิวนิคตกรอบไป นั้นทำให้พวกเค้ามีความมั่นใจมากขึ้นไม่มากก็น้อยในการเจอกับลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศนี้มาเข้าสู้ในส่วนของรูปเกม ครึ่งแรกก็จะเป็นทางลิเวอร์พูลที่ครองเกมบุกใส่ได้เหนือกว่าอย่างชัดเจนมีจังหวะโอกาสจบได้เยอะพอสมควรแต่ว่าไม่สามารถทำประตูบียาร์เรอัลได้ ส่วนทางด้านบียาร์เรอัลเองก็เน้นรับรัดกุมแบบไม่เสียประตูไว้ก่อนซึ่งก็ถือว่าครึ่งแรกนั้นพวกเค้ายันเสมอไว้ได้เข้ามาในส่วนของครึ่งหลังก็ยังคงเป้นทางลิเวอร์พูลที่ยังคงเปิดเกมบุกใส่อย่างหนักและมีโอกาศลุ้นมากขึ้นจนสุดท้ายก็มาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลจากด้านข้างไปแฉลบเท้าของผู้เล่นบียาร์เรอัลอย่างเอสตูปินานเปลี่ยนทางเข้าประตูไปส่งผลให้ลิเวอร์พูลออกนำบียาร์เรอัล 1-0 ในนาทีที่ 53ถัดจากประตูแรกเพียง 2 นาที ลิเวอร์พูลก็มาได้ประตูที่ 2 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์จ่ายให้ซาดิโอ มา่เน่ หลุดเข้าไปยิง ผ่านมือผู้รักษาประตูอย่างเคโรนิโม่ รูลลี่ เข้าไปให้ลิเวอร์พูล ออกนำ 2-0 ในนาทีที่ 55 หลังจากได้ 2 ประตูขึ้นนำก็ยังคงเป็นเกมของลิเวอร์พูลที่พยายามบุกทำประตูเพิ่มแต่สุดท้ายก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้และจบลงด้วยสกอร์นี้ ไว้ว่ากันใหม่ในนัดที่ 2 ในส่วนของเกมคู่ระหว่างลิเวอร์พูลกับบียาร์เรอัลนี้นั้นส่วนตัวผู้เขียนเห็นว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่าอย่างชัดเจนในหลายๆด้านถึงแม้ว่าครึ่งแรกบียาร์เรอัลจะเล่นรัดกุมจนสามารถยันเสมอไว้ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารูปเกมเป็นของลิเวอร์พูลแทบจะตลอดโอกาสยิงเยอะมากๆ แต่ไม่สามารถเจาะประตูของบียาร์เรอัลได้เลย แต่พอช่วงครึ่งหลังได้ไม่นานลิเวอร์พูลทำเกมได้ดีขึ้นจนมาได้ประตูแรกเร็วในช่วงต้นครึ่งหลังจากการแก้เกมอันยอดเยี่ยมของเจอร์เก้น คล๊อปและคุณภาพของนักเตะลิเวอร์พูลเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนแล้วก็ไหลมาเป็นประตูที่ 2 อย่างรวดเร็ว อีกทั้งพอนำลิเวอร์พูลทางลิเวอร์พูลก็ยังคงพยายามบุกเข้าทำอย่างต่อเนื่องเพื่อจะเอาประตูเพิ่มแต่ก็ยังไม่คมพอและจบด้วยสกอร์ 2-0 กุมความได้เปรียบในนัดแรกไปก่อน สรุปภาพรวมของรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ทั้ง 2 เกม ในคู่แรกระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้กับเรอัล มาดริด ที่ถือเป็นบิ๊กแมตช์ของรอบนี้ก็ถือว่าสนุกสุดมันส์สมการรอค่อยจริงๆกับการยิงอย่างจุใจกันถึง 7 ประตู เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับแฟนบอลอย่างพวกเราจริงๆในเกมนี้ ส่วนผลจะเป็นยังไงนัด 2 ก็ต้องไปตัดสินกันที่บ้านของเรอัล มาดริด ส่วนคู่ที่ 2 อย่างลิเวอร์พูลก็เป็นไปตามที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้คือลิเวอร์พูลน่าจะเหนือกว่าแล้วก็เหนือกว่าจริงๆในรูปเกมและผลการแข่งขัน แต่ก็ยังประมาทไม่ได้เพราะนัดหน้าต้องไปเล่นในบ้านของบียาร์เรอัล ที่ไม่มีอะไรจะเสียน่าจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะให้ได้ ต้องมาลุ้นกันว่าบทสรุปยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกปีนี้ทีมใดจะได้ไปเข้าชิงชนะเลิศ ต้องค่อยติดตามกันต่อไปขอบคุณสำหรับการอ่านบทความของผมไว้พบกันใหม่บทความหน้าสวัสดีครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก UEFA Champions League ภาพปก / Raúl Albiol / Thiago Alcantara / ฺBernado Silva / Luka Modric ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4 / ภาพประกอบ 5 / ภาพประกอบ 6 ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิงจาก : Whoscore ส่องนักบอลตัวเต็ง ดูสดระเบิดแมทช์สุดมันส์บน App TrueID โหลดฟรี !