ยุงลาย คือ พาหะนำโรคอันตรายหลายชนิด หากเรารู้เท่าทันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร หรือป้องกันตัวเองให้ออกห่างจากยุงลายได้อย่างไร นับว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยลดอัตราการเสี่ยงในการเกิดโรคกับตนเองแล้ว ยังช่วยป้องกันการระบาดของโรคไปที่คนอื่นได้อีกด้วย ภาพโดย icon0.com จาก Pexels ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน และความร้อนจึงทำให้การแพร่พันธุ์ของยุงเจริญเติบโตได้ดี ดังนั้นโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากยุงลายในบ้านเราจึงพบได้ต่อไปนี้ 1. ไข้เลือดออก ยุงตัวเมียจะออกหาอาหารในเวลากลางวัน และมีเลือดคนเป็นอาหาร ยุงอาจไปกัดคนที่ป่วยติดเชื้อไวรัสเดงกี่ และเชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง ทำให้มีไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้นในกระเพาะ และหลังจากนั้นไวรัสจะออกจากกระเพาะไปสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงตัวเดิมไปกัดคนอื่นอีก ก็จะปล่อยเชื้อไวรัสไปยังผู้ที่ถูดกัด เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนและผ่านระยะฟักตัวนานประมาณ 5-8 วัน ก็จะทำให้เกิดอาการของโรคไข้เลือดออก ภาพโดย Oberholster Venita จาก Pixabay อาการของโรคไข้เลือดออก ในระยะฟักตัว 5-8 วัน อาการจะเริ่มแสดงออกมา ตั้งแต่มีไข้ รุนแรงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนช็อคและเสียชีวิตได้ หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ อาการไข้สูงเฉียบพลัน 2-7 วัน ส่วนใหญ่ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป 40-41 องศาเซลเซียส ผิวหนังจะพบว่าเส้นเลือดเปราะ แตกง่าย ร่วมกับมีจุดเลือดออกเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วร่างกาย ในบางรายจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ถ่ายดำ มีอาการปวดท้อง เด็ก หรือวัยรุ่น มักมีอาการไม่รุนแรง คนที่เคยติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกมาแล้ว มีโอกาสรุนแรงได้สูงกว่าเดิม การรักษา ทางการแพทย์ยังไม่มีวิธีฆ่าเชื้อไวรัสไข้เลือดออก เพียงแค่รักษาตามอาการ และสามารถรักษาภาวะแทรกซ้อนได้ หากพบว่ามีอาการช็อค ก็ต้องให้น้ำและเกลือแร่ตามความเหมาะสม ภาพโดย JESHOOTS.com จาก Pexels ข้อควรระวัง ถ้ามีไข้ให้ใช้ยา Paracetamal ได้ ห้ามใช้ยากลุ่ม NSAIDS (Ibruprofen) เพราะเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออก 2. โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya Virus) โรคชนิดนี้จะมียุงลายบ้าน และยุงลายสวนเป็นพาหะ ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นพาหะ เกิดจากยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดของผู้ที่ป่วยมีไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง ไปเพิ่มจำนวนเชื้อมากขึ้น แล้วเชื้อจะเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่น ก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรค ภาพโดย Hans Braxmeier จาก Pixabay อาการของโรคชิคุนกุนยา จะมีอาการคล้ายไข้เลือดออก แต่สิ่งที่แตกต่างจากไข้เลือดออก คือ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการช็อค แต่จะสร้างความทรมานอื่นด้วยอาการปวดตามข้อ เช่น ข้อมือ ข้อเท้า โดยจะเปลี่ยนตำแหน่งปวดไปเรื่อย ๆ ในบางรายอาจปวดมากจนเคลื่อนไหวไม่ได้ อาการจะปวดตัั้งแต่ 1-12 สัปดาห์ยาวนานต่อเนื่อง และในบางรายอาจจะปวดเป็นปี ดังนนั้นหากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ มีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ระยะไข้สั้นเพียง 2 วัน โดยส่วนใหญ่ไข้จะลงใน 4 วัน มีผื่นขึ้นตามตัว มีอาการคันร่วมด้วย อาการปวดตามข้อต่าง ๆ ภาพโดย OpenClipart-Vectors จาก Pixabay การรักษา การรักษาเป็นการรักษาแบบประคับประคอง ตามอาการ เช่น ให้ยาลดอาการไข้ ปวดข้อ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะเจาะจง ข้อควรระวัง สามารถใช้ยากลุ่ม NSAIDS (Ibruprofen) ได้ ภาพโดย Ernesto Eslava จาก Pixabay ดังที่กลาวมา โรคไข้เลือดออก และ โรคไวรัสชิคุนกุนยา ล้วนแต่มีพาหะจากยุงลาย เราจะป้องกันได้อย่างไร ? พยายามขจัดภาชนะ หรือแหล่งน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ทายากันยุง เมื่อต้องนั่งอยู่บริเวณคาดว่าจะมียุง โดยเฉพาะตอนกลางวัน ควรนอนกางมุ้ง หรือติดมุ้งลวดที่ประตู หน้าต่าง เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายเข้ามาภายในบ้าน Cover photo design by https://www.canva.com/