ในความเดิมตอนที่แล้ว ภูเขาไฟโบรโม่ ลมหายใจที่ยังไม่ดับสูญ (1) หลังจากที่ดื่มด่ำบรรยากาศภาพของกลุ่มภูเขาไฟ และแสงสีธรรมชาติที่แต่งแต้มบนผืนฟ้ากันอย่างเต็มที่แล้ว จากจุดชมวิวที่ภูเขา Penanjakan เราเดินทางลงไปยังที่ราบด้านล่างด้วยคาราวานรถจี๊ปหลากสีสันเช่นเดิม เพื่อไปชมปากปล่องภูเขาไฟโบรโม่แบบใกล้ชิดกว่าตอนที่มองเห็นจากจุดชมวิว ชนิดที่เรียกว่าสามารถยื่นหน้าชะโงกไปดูจุดศูนย์กลางของปากปล่องกันเลยทีเดียว เบื้องหลังของนักท่องเที่ยวมากมายทิ้งไว้เพียงความฟุ้งของฝุ่นควันที่ลอยตัวขึ้นหลังจากรถจี๊ปวิ่งผ่าน คันแล้วคันเล่า เมื่อเดินทางมาถึงยังที่ราบฐานภูเขาไฟรถจี๊ปที่แล่นมาด้วยความเร็วต่างก็หยุดตัวลงบริเวณที่มีชายพื้นเมืองจำนวนมากยืนจับกลุ่มรอรับอยู่พร้อมกับม้าคู่กาย ยังอีกไกลพอสมควรกว่าจะถึงปากปล่องภูเขาไฟ แต่ทุกคนต้องลงจากรถเพื่อควบม้าผ่านพรมขี้เถ้าภูเขาไฟนี้ไป (คงเป็นการส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนอีกรูปแบบหนึ่ง) ข้ามทะเลทรายผ่านภูเขาไฟบาต็อกไปยังฐานภูเขาไฟโบรโม่ ช่วงแรกเส้นทางยังสะดวกสบายเป็นลานกว้าง แต่เมื่อใกล้ถึงฐานภูเขาไฟ หนทางก็เริ่มชันบ้างขึ้นเนินบ้าง เชื่อว่านักท่องเที่ยวหลายคนไม่เคยขี่ม้ามาก่อน และนี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนเรา อารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนนั้นทั้งเกร็งทั้งสนุกมาก ม้าจะวิ่งหรือเดินตามคนบังคับที่เดินจูงอยู่ด้านหน้า มีแอบพยศบ้างเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะทำให้เกือบหงายหลังอยู่หลายครั้ง มือจับอานม้าแน่นจนเหงื่อชุ่ม (กลัวตก) สนุกแต่ก็แสบจมูกแสบตาไปหมด ผลมาจากฝุ่นขี้เถ้าที่ตลบอบอวลอยู่รอบตัว เพราะมีม้าตัวที่เดินอยู่ข้างหน้าอีกหลายสิบตัวนั่นเอง เมื่อมาถึงฐานภูเขาไฟ จมูกเริ่มรับไม่ได้กับกลิ่นของกำมะถันที่ชัดเจนและรุนแรงขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเอาผ้าพันคอบ้าง ผ้าปิดปากบ้าง ขึ้นมาปิดบังจมูกกันเป็นแถบ ภูเขาไฟโบรโม่ เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ มีควันลอยคลุ้งขึ้นจากปากปล่องตลอดเวลา ทำให้รอบๆตัวดูทึมเทาไปหมด แต่ก็ยังมีสีสันสดใสจากเสื้อผ้าหลากสีของนักท่องเที่ยว สีฟ้าใสของท้องฟ้า สีสันของเจ้าม้าตัวน้อยใหญ่ที่บ้างยืนบ้างนอน มันคงเหนื่อยมาก ทั้งเดินมาไกลและต้องแบกรับน้ำหนักของผู้โดยสารแต่ละคนอีก จากฐานตรงนี้เราต้องขึ้นบันไดไปยังปากปล่อง หรือนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบกลิ่นฉุนของกำมะถัน จะเดินถ่ายรูปเล่นเพียงแค่บริเวณฐานภูเขาไฟนี้ก็ไม่ว่ากัน การเดินบนขอบปากปล่องภูเขาไฟเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ นอกจากจะให้ความแปลกใหม่แล้ว ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย สามารถเดินได้โดยรอบ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเลยทีเดียว เพราะบริเวณขอบปากปล่องภูเขาไฟเป็นสันทรายที่ค่อนข้างลื่น ด้วยความปลอดภัยไว้ก่อน ขอแนะนำว่าการยืนชมปากปล่องภูเขาไฟบริเวณจุดที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ถือว่าเป็นบริเวณที่คุ้มค่ามากเพียงพอแล้ว เพราะนอกจากจะมองเห็นกลุ่มควันที่พวยพุ่งขึ้นมาจากใจกลางปล่องแบบใกล้ชิด เห็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการกัดกร่อนหรือแปรสภาพด้วยฤทธิ์ของกำมะถัน ทัศนียภาพโดยรอบก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจทำให้เก็บภาพเพลินจนลืมกลัวแบตเตอรี่หมดกันเลยทีเดียว