There is no moment of delight in any pilgrimage like the beginning of it." -Charles Dudley Warner- “สำหรับนักเดินทางไกลแล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดจะสุขใจเท่ากับการเริ่มต้นออกเดินทาง หากคำกล่าวนี้ตรงใจคุณ นั่นหมายความว่า คุณคือคนหนึ่งที่หลงใหลการผจญภัยในต่างถิ่นต่างแดน มันคือ ความตื่นเต้นตอนเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง , มันคือความสุขตอนหาข้อมูลใน Google ว่า ทริปนี้ฉันต้องไปเช็คอินที่ไหนบ้าง และทริปนี้เราปักหมุดไปที่ “จังหวัดนครพนม” เพราะเหตุผล 2 อย่าง คือ 1.พระธาตุพนม คือ พระธาตุประจำปีเกิดของเรา 2.อาหารเวียดนามแสนอร่อยที่เราอยากไปลองลิ้มชิมรสถึงถิ่น เริ่มต้นออกเดินทางโดยรถทัวร์ของนครชัยแอร์ แบบ Gold Class (VIP) 32 ที่นั่ง ถือว่าสบายในระดับหนึ่ง เดินทางตอนกลางคืน ไปถึงนครพนมเช้าพอดี แล้วใช้บริการรถรับจ้างที่จอดเรียงรายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกรับบริการ ทั้งสามล้อสกายแล็ป , ลีมูซีน (รถเก๋งธรรมดานี่ล่ะ) เราเลือกลีมูซีน เพราะสถานที่แรก ที่เราอยากไป ค่อนข้างไกล ประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร และเราก็โชคดีที่ได้พลขับเป็นคุณลุงเจ้าถิ่นเมืองนครพนม สถานที่แรกคือ “วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร” ที่แห่งนี้มี พระธาตุพนมอันเลื่องชื่อ เป็นพระธาตุประจำปีเกิด (ปีวอก) และ ประจำวันเกิดของเรา (วันอาทิตย์) ระหว่างที่เดินเข้าไปกราบ ในใจนึกว่า “ได้มากราบเสียที” เมื่อกราบสักการะพระธาตุเป็นที่เรียบร้อย น้ำย่อยในกระเพาะเริ่มเรียกร้องความสนใจ ร้องครืดคราดประท้วงว่า หิวข้าวแล้วจ้า เราจึงเลือกร้านอาหารเวียดนามอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่เลือกทริป ด้วยความหิว เรากับเพื่อนจึงสั่งอาหารกันแบบไม่มีใครปรามใคร ใช่ค่ะ นี่คืออาหารทั้งหมดที่เราสั่งมา และ ใช่ค่ะ เรามากันแค่ 2 คน อาหารสะอาด รสชาติอร่อย จึงทำให้เรากินได้เรื่อย ๆ ถึงแม้ท้องจะสั่งการไปที่สมองว่า “อาหารเต็มกระเพาะแล้ว อิ่มแล้วจ้า หยุดกินเสียที” แต่ด้วยความเสียดาย เรากับเพื่อนก็กินจนหมด และหลังจากนั้นก็เดินทางไปไหนต่อไม่ได้ เพราะหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน จึงตัดสินใจเข้าที่พักไปนอนเหยียดตัวสักหน่อย เมื่อแดดร่มรำไร เราจึงออกจากที่พัก เปิด google map เดินไปที่ “ลานพญาศรีสัตตนาคราช” ณ ริมโขงแห่งนี้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คนในละแวกรวมถึงนักท่องเที่ยว เพราะเป็นลานกว้าง วิวสวย ลมพัดเย็นสบาย และที่สำคัญยังมี “องค์พญาศรีสัตตนาคราช” เป็นรูปปั้นทองเหลืองแถมพ่นน้ำได้อีกด้วย ซึ่งตามความเชื่อเรื่องพญานาค ตามตำนานพญานาคไทย-ลาวนั้น ถ้าพญานาคฝั่งไทยเป็นพญานาค 1 เศียร คือ พญาศรีสุทโธนาคราช ส่วนพญานาคฝั่งลาวเป็นพญานาค 7 เศียร คือ พญาศรีสัตตนาคราช เมื่อมาถึงถิ่นแล้ว เราเองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสายมูตัวยงคนหนึ่ง จึงสอบถามแม่ค้าล็อตเตอรี่เจ้าถิ่นว่า “ท่านชอบอะไรคะ” แม่ค้าตอบว่า “ท่านชอบหมอลำ หมอลำที่รำสวย ๆ นั่นน่ะ” เราจึงจุดธูปไหว้ พร้อมอธิษฐานว่า ขอให้ลูกได้มีโชคเถิด ถ้ามีโชคใหญ่ลูกจะถวายหมอลำ ว่าแล้วก็ถ่ายรูป ได้รูปนี้มา เมื่อมาดูภาพถ่ายถึงกับขนลุก ภาพนี้โนฟิลเตอร์ใด ๆ เมื่อถ่ายเสร็จก็แบ่งปันเพื่อนฝูงกลุ่มคนรักตัวเลข ต่างคนต่างเห็น มีเลขในใจ แล้วแต่ดวงกันล่ะคราวนี้ เมืองนครพนมเป็นเมืองรองอีกเมืองที่ค่อนข้างเงียบ แต่มีมุมความขลัง ผสมความเป็นเอกลักษณ์ และ ความน่ารักของผู้คน อย่างเช่น คุณลุงคนขับรถสามล้อสกายแล็ปคนนี้ ที่เราบอกว่า "คุณลุงคะ ช่วยเป็นนายแบบให้หน่อย" เราจึงได้ภาพนี้มา ทริปนี้ถือว่าเป็นทริปชาร์จพลังกาย และ เติมพลังใจ ใช้งบไม่เยอะ ติดตรงที่ไปเที่ยวผิดฤดู สมกับสโลแกน “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่ร้อน” ไม่ใช่สิ ต้องเป็น “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้” เพราะทริปนี้ได้เปิดโลกทัศน์ เปิดตา เปิดใจ และ ได้เรียนรู้เรื่องราวระหว่างการเดินทาง ใครที่ได้มาเยือนนครพนม คงจะหลงรักเมืองนี้เหมือนกับที่เรารู้สึกหลงรักเช่นกัน ปล. หลังจากจบทริปกลับมา สรุปว่างวดนั้น เลขท้าย 2 ตัว ออก 35 โปรดอย่าถามว่าเราถูกไหม เพราะเราเห็นเลข 32 และใช่ค่ะ เพื่อน ๆ ใน Facebook ที่เห็นภาพของเรา ถูกล็อตเตอรี่กัน ถึงแม้เราไม่ได้ลาภเป็นเงิน แต่ได้เป็นลาภปาก เพราะเพื่อนที่ถูกพาไปเลี้ยงขนมแทน เรื่องและภาพโดย Queen BB เครดิตรูปที่ 2 พระธาตุพนมโดย Phanupong chuataew จาก https://pixabay.com