https://cdn.pixabay.com/photo/2017/08/10/16/49/soccer-2624763_1280.jpg ในโลกของฟุตบอลปัจจุบันมีการตั้งคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับเรื่องการตัดสินของผู้ตัดสิน ไม่ว่าจะเป็นผู้ตัดสินหลักภายในสนาม หรือผู้ช่วยผู้ตัดสินริมเส้น อย่าลืมว่าผู้ตัดสินเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง แล้วยิ่งโลกของฟุตบอลสมัยใหม่ที่เล่นกันด้วยความเร็ว ความแรง เทคนิค และดุดัน จะอาศัยความสามารถของมนุษย์ธรรมดาก็อาจจะเกิดความผิดพลาดได้จึงมีความคิดที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสิน เช่น ในลีกใหญ่ ๆ ในยุโรปก็เริ่มต้นด้วยการใช้เทคโนโลยีโกล์ไลน์มาใช้ในการแข่งขัน เทคโนโลยีนี้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี เพราะมีความชัดเจนในเรื่องของการตัดสิน แต่อีกหนึ่งปัญหาคือในระหว่างการแข่งขันหรือในบางมุมที่สายตาของมนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ทัน จึงมีความพยายามที่จะนำเทคโนโลยีที่เรียกกันว่า Video assistant referee หรือที่เรียกกันติดปากว่า VAR https://cdn.pixabay.com/photo/2018/07/23/10/05/judge-3556460_1280.png เทคโนโลยี VAR เริ่มมีการนำมาใช้ครั้งแรก ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2018 ที่ประเทศรัสเซียเป็นเจ้าภาพ ผู้ชมบางคนมีความรู้สึกว่า VAR ทำให้เกมส์การแข่งขันขาดความต่อเนื่อง ไม่มีความสนุก เพราะ ทุกครั้งที่มีจังหวะปัญหาผู้ตัดสินจะต้องดู VAR บางเหตุการณ์อาจจะกินเวลานานหลายนาที ความต่อเนื่องของเกมส์ขาดหายไป ผู้ชมบางคนถึงกับบอกว่าการนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสินทำให้เสน่ห์ของฟุตบอลนั้นขาดหายไป หรือการตัดสินที่ผิดพลาดของผู้ตัดสินทำให้ฟุตบอลมีเสน่ห์มากขึ้น จุดนี้ฟีฟ่าเคยออกมาชี้แจงแล้วว่าเทคโนโลยี VAR ไม่ใช่จะนำมาใช้กับทุกกรณี จะใช้ในเฉพาะกรณีที่สำคัญ ๆ เช่น จังหวะที่มีผลเป็นใบแดงโดยตรง จังหวัดที่มีผลกับลูกจุดโทษ จังหวะที่มีผลต่อการได้ประตู ผู้ตัดสินสามารถขอดู VAR ได้ https://cdn.pixabay.com/photo/2018/09/26/11/01/football-3704304_1280.jpg แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากฝ่ายที่คุณเชียร์ได้ประโยชน์จาก VAR คุณก็อาจจะมองว่าเทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อใดก็ตามทีมที่คุณเชียร์เสียประโยชน์จากการดู VAR คุณก็อาจจะมีความคิดที่เป็นลบกับเทคโนโลยีนี้ อย่าลืมว่าในอดีตที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่ผู้ตัดสินไม่สามารถใช้สายตาตัดสินได้อย่างถูกต้อง เช่น กรณีของ “หัตถ์พระเจ้า” ของ ดิเอโก้ มาราโดน่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศเม็กซิโก ระหว่างอาร์เจนจินา กับ อังกฤษ ซึ่งถ้าหากวันนั้นมี VAR วลีหัตถ์พระเจ้าคงไม่มีมาจนถึงวันนี้ M.Kotaro เครดิตถาพปก https://cdn.pixabay.com/photo/2015/09/04/23/26/football-923172_1280.jpg