มาทำความรู้จักกับ "Impostor Syndrome" กันเถอะ"Impostor Syndrome" เป็นโรคชนิดหนึ่งที่ทุก ๆ คนต้องเคยเป็นนั้นก็คือ โรคที่คิดว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอหรืออาจจะเก่งแล้วในระดับหนึ่งแต่ยังมีความคิดที่ว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอจนเสียความมั่นใจ จากที่นักเขียนได้ลองไปหาข้อมูลมาแม้แต่คนที่ประสบความสำเร็จแล้วยังมีอาการของ "Impostor Syndrome" อยู่เลย โรคนี้เกิดจากการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การงาน ฝีมือ ทักษะ มันจะเกิดขึ้นกับสถานการณ์ที่มีเรื่องของการแข่งขันมาเป็นตัววัด และสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอนั้นก็คือ1.เราพยายามทำมันอย่างเต็มที่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่มันออกมากลับไม่ตรงดั่งใจหวังเมื่อเทียบกับคนข้าง ๆ2.ประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเมื่อได้เห็นผลงานของคนอื่น3.รู้สึกว่าสิ่งที่เราพยายามมันยังดีไม่พอหรือว่าสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่อาจจะไม่ใช่ทางของเรา4.ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาในใจว่า ทำไมคนนั้นทำเรียนรู้แค่เวลาสั้น ๆ กลับทำได้ดีกว่าเราที่เรียนรู้มานาน5.เกิดจากการโดนติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเรียน การงานหรืออื่น ๆ ที่มาจากความผิดพลาด6.ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้วทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกที่ทำให้เรานั้น ตัดท้อ พอเราเริ่มมีความคิดแบบนี้แล้วมันจะทำให้เราเริ่มไม่อยากพัฒนาตัวเองเพราะเราคิดว่าเราเก่งไม่พอ ความรู้สึกด้านลบมันจะดึงเราให้เราทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แต่ก็ใช่ว่า โรค "Impostor Syndrome" จะไม่มีทางแก้ไขหรอกนะ มาดูกันเลย1.เปลี่ยน Mindset ใหม่บอกตัวเองว่า คนเรานั้นไม่เหมือนกันจริง ๆ แล้วโรคที่เกี่ยวข้องกับความคิดล้วนเกิดจาก Mindset ทั้งนั้นเพราะสิ่งที่มองเห็นมันส่งผลมายังความรู้สึกของเรามันเป็นตัวที่ทำให้เราคิด ตัวอย่างเช่นA : วาดรูปดอกไม้ได้สวยมาก ๆ ภายในเวลา 10 นาที ไม่เคยเรียนวาดภาพมาก่อนB : มองผลงานของ A และมาเปรียบเทียบกับของตัวเอง ทำให้เกิดคำถามในใจว่า ทำไม A ถึงว่ารูปดอกไม้ได้สวยขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ A ไม่เคยเรียนภาพมาก่อนแต่เราทั้งเรียน ทั้งทบทวน ทำไมถึงไม่สวยเท่ากับของ Aนี้เป็นความรู้สึกเชิงเปรียบเทียบอย่างแท้สมบูรณ์ มันบงบอกเลยว่า B กำลังตัดท้อตัวเองและน้อยใจตัวเองที่ว่าทำไมมันเก่งไม่พอวิธีแก้ไข เลิกเปรียบเทียบและคิดว่า ทุก ๆ งานมันจะเหมือนกันได้อย่างไร มันจะต้องมีแตกต่างกันบ้างสิ พยามให้กำลังใจตัวเองและบอกตัวเองว่า เราขอโตเติบไปในแบบของเราดีกว่า2.พยายามชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ บ้างบางทีการชื่นชมความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ทำให้เรามีกำลังใจเหมือนกันนะ อย่างเช่นA : สอบได้คะแนนเกือบเต็มB : สอบได้คะแนนผ่านครึ่งพอดี และดีใจมากที่ไม่ต้องมารอแก้ ซึ่งนี้ก็ถือว่าเป็นการประสบผลสำเร็จอย่างหนึ่งเหมือนกันในเรื่องเล็ก ๆ มันทำให้เราคิดว่า เราก็ทำได้เหมือนกันนะ 3.อย่าเอาคำว่าเก่งไม่พอ มาเป็นตัวหยุดพัฒนาบางคนพอคิดว่าตัวเองนั้นเก่งไม่พอ ก็อยากจะหยุดไปทำอย่างอื่นต่อ แต่คุณรู้ไหมการกระทำแบบนี้มันเป็นการกระทำที่สิ้นเปล่า พอคุณเปลี่ยน คุณได้ทำสักพักและคุณก็จะกลับมาคิดเหมือนเดิมเพราะว่าคุณไม่ได้ทำสิ่ง ๆ นั้นแบบสุดจริง ๆ แล้วคุณเอาคำว่าเก่งไม่พอมาบังหน้าทำให้ไม่อยากจะทำต่อแล้ววิธีแก้ไข ร่างภาพความสำเร็จของสิ่งที่กำลังทำอยู่ไว้ก่อนว่าเรา อยากจะเห็นความสำเร็จนั้นเป็นแบบไหนและพยามคิดว่านี้คือการเรียนรู้ เฉพาะนั้นผู้เขียนอยากให้ใครที่กำลังตกอยู่ในโรค Impostor Syndrome" โปรดเปลี่ยนความคิดใหม่ อย่าเอาคำพูดลบ ๆ มันกักกันตัวเองไม่ให้ไปต่อและท้ายที่สุด สิ่งที่มันจะทำให้เราเริ่มความคิดแบบนี้ได้ก็คือ ความพยายาม สำหรับบทความนี้ก็ได้จบลงไปแล้ว เราหวังผู้อ่านจะต้องได้อะไรกลับไปบ้างอย่างแน่นอน วันนี้จะต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ ขอบคุณค่ะบทความที่เกี่ยวข้อง"Be Creative" ในวันที่ต้องกักตัว4 วิธี ปรับตัวเองให้มี "Growth Mindset"ข้อมูลอ้างอิงPodcast Imposter syndrome ทำไมคนเราชอบคิดว่าตัวเองเก่งไม่จริง? I MOODY EP. 02ภาพทั้งหมดโดย Pixabayภาพปกจาก PixabayPixabay 1 / Pixabay 2 / Pixabay 3 / Pixabay 4 /