ทุกท่านมีอาการแบบนี้บ้างไหมคะ เช่น อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากพบใคร ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร อยากอยู่เฉยๆ ประหนึ่งว่าโลกใบนี้มีแต่เราคนเดียว รู้สึกเบื่อๆ อยากๆ หดหู่ เหงา วังเวง โดยไร้สาเหตุ นอนไม่ค่อยหลับ หรือหลับแล้วมักสะดุ้งตื่นตอนดึก วิตกกังวลใจอะไรก็ไม่รู้ แต่ทำให้รู้สึกกังวลใจมากๆ นั่นเป็นอาการเริ่มต้นของโรคซึมเศร้าเบื้องต้นค่ะ แต่ถ้ามีอาการเริ่มหนักขึ้นแบบว่า พูดคนเดียว พูดกับสิ่งที่มองไม่เห็น ได้ยินเสียงแว่ว เริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราคิดว่าเรากำลังจะบ้า รู้สึกกลัวทุกอย่างรอบข้าง กลัวจนใจสั่น แล้วสุดท้ายรู้สึกอยากจะฆ่าตัวตาย เพราะรู้สึกสิ้นหวังอาการแบบนี้ รีบไปพบแพทย์ทางด้านจิตเวช ด่วน! เราอาจจะป่วยเป็น โรคแพนิก!โรคแพนิก หรือที่เรียกว่า โรคตื่นตระหนก เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง เป็นกันเยอะและมีมานานแล้ว แต่เราไม่รู้จัก เพราะอาการใกล้เคียงกับโรคอื่น เช่นโรคซึมเศร้า จนกระทั่งป่วยเป็นโรคแพนิก ตัวเราเองก็ไม่รู้ คนใกล้ตัวเราก็อาจจะไม่เข้าใจอาการที่แสดงออกมา นึกว่าเรียกร้องความสนใจ แต่ที่น่าดีใจก็คือ โรคแพนิกรักษาหายได้!อาการตื่นตระหนก หรือ กลัวสุดขีดจนใจสั่น อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนทั่วไปแต่เป็นบ่อย ๆ ไม่หายสักที เริ่มไม่ธรรมดา มาทำความรู้จัก โรคแพนิก กันค่ะโรคแพนิก (Panic Discoder) คือ การที่คนไข้มีอาการแพนิก หรือที่เรียกว่า "Panic attack" เป็น ๆ หาย ๆ ติดต่อกันเป็นเวลาเกิน 1 เดือน ขึ้นไป ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานได้สาเหตุที่พบได้ในคนที่เป็นโรคแพนิก มี 2 ปัจจัย1. ด้านพันธุกรรม ถ้าหากมีญาติสายตรงเป็นโรคแพนิกก็มีโอกาสจะเป็นมากกว่าคนอื่น 5 เท่า2. ระบบชีวภาพในร่างกาย คือ ระบบประสาทอัตโนมัติอาจจะทำงานไวเกินไป ทำให้มีอาการใจสั่น เหงื่อแตกขึ้นมาได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องพบเหตุการณ์อะไรที่น่ากลัว โรคนี้มักพบในคนอายุน้อย อายุประมาณ 20 - 30 ปี จะมารู้ตัวอีกทีก็อายุเลย 40-50 ปี ไปแล้ว เพราะว่าไม่รู้จัก ไม่เข้าใจอาการของโรคอาการแพนิกเด่นชัดมีไม่เท่ากัน มาสังเกตอาการดังนี้คะ ใจสั่น เหงื่อแตกง่าย หายใจไม่อิ่ม รู้สึกเจ็บหน้าอก มีอาการชาที่มือ ที่เท้า ที่ปาก รู้สึกวิงเวียน กลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ กลัวว่าจะบ้า กลัวว่าจะเสียชีวิตอาการข้างต้นอาจทำให้เราและคนใกล้ตัว สรุปเองว่าแค่ อาการเครียดและคิดมาก จึงไม่ได้ไปพบแพทย์ มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและทรมานน่ะค่ะ หากอาการแพนิกกำเริบ แล้วต้องดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความวิตกกังวล ตื่นตระหนก กลัวตลอดเวลา ทำให้ไม่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง กลัวจนไม่กล้าอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้ หรือกลัวที่จะทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น ขับรถ ขึ้นลิฟต์ การร้องเพลงบนเวทีหรือการพูดต่อหน้าสาธารณชน การเข้าประชุมร่วมกับคนอื่น การเข้าค่ายอาสา ฯลฯ ทำอะไรก็กลัวสุดขีด ตื่นตระหนกไปหมด ทำให้เราเครียดและซึมเศร้าได้ จากการที่ไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรแน่ กลัวว่าจะตายจากโรค ทำให้เริ่มท้อแท้ สิ้นหวัง คิดฆ่าตัวตายในที่สุด!ถ้าเรากังวลใจ สงสัยในอาการที่เป็นบ่อย และหนักมากขึ้นไม่หายสักที การไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคแพนิกให้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แพทย์จะดูให้แน่ชัดว่าไม่ได้เป็นโรคอื่นที่มีอาการใกล้เคียงกับแพนิก เช่น โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจ โรคปอด หรือบางคนอาจเป็นภาวะวัยทองการรักษาโรคแพนิก มีวิธีการรักษา 2 หลักใหญ่ ๆ คือ1. การใช้ยา 2. การทำจิตบำบัด ประเภทปรับความคิดและพฤติกรรมการรักษาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ การปรับความคิดและพฤติกรรม เราสามารถช่วยเหลือตัวเองได้การปรับความคิด การให้กำลังใจตัวเอง คือ บอกตัวเองว่า โรคนี้เป็นขึ้นมาแล้วรักษาได้ แล้วไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต คิดบวกเข้าไว้ค่ะ เช่น ทุกอย่างต้องดีขึ้น อย่าคาดหวังจริงจังกับชีวิตมากเกินไปเพราะถ้าทำไม่ได้ตามที่หวังไว้ จะทำให้สิ้นหวัง ท้อแท้ จนไม่อยากอยู่บนโลกนี้การปรับพฤติกรรม การใช้ชีวิตประจำวันของเรา การกินดื่ม การนอน การทำงาน หรือการหากิจกรรมทำเพื่อผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกายรักษาสุขภาพ ทำงานอดิเรก การดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ทำขนม งานฝีมือ ปลูกต้นไม้ ท่องเที่ยว การพูดคุยกับเพื่อนสนิท กิจกรรมอะไรก็ได้ที่ทำแล้วเรามีความสุข😄เมื่อมีอาการโรคแพนิกกำเริบ ตื่นตระหนก กลัวสุดขีดเกิดขึ้น การสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ ช้า ๆ บอกตัวเองว่าเราปลอดภัย ไม่เป็นไร ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ ทำให้อาการใจสั่นลดลงได้ เป็นวิธีที่ง่ายและทำได้ทันที การฝึกทำสมาธิบ่อย ๆ จนชำนาญทำให้มีสติตั้งมั่น หายกลัว หายตกใจได้เราคงจะต้องหันมาสังเกตและใส่ใจตัวเองและคนใกล้ตัวให้มากขึ้นค่ะ เพราะสถานการณ์หลายอย่างในปัจจุบันส่งผลกระทบต่อจิตใจและการดำเนินชีวิตของเราหลายด้านเหลือเกิน ถ้าเรามีคนใกล้ตัวป่วยโรคนี้ การเข้าใจ รับฟังและให้กำลังใจกับเขาเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ และการไปพบจิตแพทย์ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะเรามีพันธุกรรมที่ต่างกัน! ระบบชีวภาพในร่างกายก็ต่างกัน! ซึ่งมีผลต่อการเกิดโรคนี้ แต่ถ้าเราไม่รักษา มันอาจจะส่งผลเสียต่อตัวเรา จนไม่สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้ ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ผู้ป่วยที่กำลังเผชิญกับโรคและหายป่วยจากโรคแพนิกนี้ค่ะ เครดิต ขอขอบคุณข้อมูลจากรศ.พญ.พรจิรา ปริวัชรากุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์Faculty of Medicine Siriraj Hospital คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ภาพปกออกแบบ Canva ภาพประกอบจาก pexels ภาพประกอบที่ 1 Sofia Alejandra/ภาพประกอบที่ 2Pavel Danilyuk/ภาพประกอบที่ 3 lilartsy /ภาพประกอบที่ 4 Elina Fairytaleอัปเดตสาระดี ๆ มีประโยชน์แบบนี้อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !