>> มะเร็งปากมดลูกคืออะไร? ใครเป็นกลุ่มเสี่ยง? การวินิจฉัยและรักษามีอะไรบ้าง? สามารถป้องกันได้อย่างไร? วันนี้เราจะมาสรุปข้อมูลให้ผู้อ่านได้รับความรู้ และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายกันมากขึ้นกันค่ะ.มะเร็งปากมดลูก คืออะไร? เป็นการเกิดก้อนเนื้อร้ายหรือมะเร็งบริเวณปากมดลูกของผู้หญิง มีอัตราการเกิดจัดเป็นอันดับสองของโรคมะเร็งในผู้หญิง โดยสาเหตุสำคัญคือ การติดเชื้อ Human papilloma virus หรือเชื้อ HPV ซึ่งสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ สายพันธุ์ 16 และ 18 สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ หรือการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน ปัจจุบันพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มีความเสี่ยงของการติดเชื้อแล้วพัฒนาเป็นโรคมะเร็ง ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่อายุยังน้อย. อาการของมะเร็งปากมดลูก ในระยะแรกอาจไม่พบความผิดปกติ แต่อาจพบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดระหว่างมี/หลังหมดประจำเดือนไปแล้ว หรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวผิดปกติ ปัสสาวะ หรืออุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น ซึ่งอาการอาจไม่จำเพาะต่อการเป็นโรคมะเร็ง แต่หากพบความผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกการติดเชื้อ HPVการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อยสูบบุหรี่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ติดเชื้อ HIVการวินิจฉัยและการรักษามะเร็งปากมดลูกการวินิจฉัย จะมีการขูดเซลล์เยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปส่องกล้องจุลทรรศน์หรือที่เรียกว่า Pap smear หากพบความผิดปกติอาจมีการส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อบริเวณนั้นไปตรวจเพิ่มเติมเพื่อวินิจฉัยว่าเป็นเนื้อร้ายจริงหรือไม่ และอยู่ในระยะใด นอกจากนี้อาจมีการตรวจอื่นเพิ่มเติมเช่น เอ็กซเรย์ อัลตร้าซาวด์ เป็นต้นการรักษาการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัดการฉายแสง นอกจากนี้การตรวจคัดกรองควรทำในผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนหน้านี้ ควรได้รับการตรวจทุก 5 ปี การป้องกันมะเร็งปากมดลูก ปัจจุบันมีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนในผู้หญิงอายุตั้งแต่ 9 ปี - 25 ปี โดยวัคซีนจะมีประสิทธิผลที่ดีกว่าในผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน หากเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้วก็ยังสามารถได้รับประสิทธิผลของการป้องกัน แต่ต้องไม่เป็นผู้ที่เคยติดเชื้อหรือไม่มีเชื้อที่ผิดปกติไป การฉีดวัตซีนจะฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ระยะเวลา 6 เดือน เข็มแรกฉีดเดือน 0, เข็มที่สองฉีดห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน และเข็มที่สามฉีดห่างจากเข็มแรก 6 เดือน โดยฉีดเข้าบริเวณกล้ามเนื้อแขน. วัคซีนที่มีในประเทศไทยมี 2 ชนิดคือ วัคซีนยี่ห้อ Cervarix ป้องกันสายพันธุ์ 16,18 และวัคซีนยี่ห้อ Gardasil สามารถป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ได้แก่ 6, 11, 16, 18 ซึ่งสายพันธุ์ 6, 11 สามารถก่อให้เกิดโรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศได้เครดิตภาพ:ภาพปก pixabay / ภาพที่ 1 pixabay / ภาพที่ 2 flickr / ภาพที่ 3 flickr