สิ่งหนึ่งที่มือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัสหลาย ๆ คนอาจจะยังสงสัยก็คือเรื่องของ “ดินปลูกแคคตัส” เพราะด้วยความที่เราจะติดภาพว่าแคคตัสเป็นพืชทะเลทรายที่มีความทนแดดทนแล้งได้สูง แต่แท้จริงแล้วนั้นแคคตัสเป็นพืชที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ค่อนข้างมากพอสมควร และแคคตัสที่เราเลี้ยงกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีถิ่นกำเนิดมาจากในทะเลทรายอย่างที่เราเข้าใจ ซึ่งนั่นหมายความว่าถ้าเราเอาแคคตัสปลูกลงในทราย ก็มีโอกาสที่เขาจะตายมากกว่าที่เขาจะรอดชีวิตและถ้าเปรียบว่าที่พักอาศัยของคนเราคือบ้าน ดินที่ใช้ปลูกแคคตัสก็นับว่าเป็นบ้านของพวกเขาเช่นกัน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับดินปลูกแคคตัสกันให้มากขึ้น รวมถึงมาเรียนรู้วิธีการผสมดินสำหรับปลูกแคคตัสด้วยตนเองผ่านบทความนี้กันค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียนคุณสมบัติของดินปลูกแคคตัสจริง ๆ แล้วแคคตัสนั้นก็ต้องการดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ไม่ต่างจากพืชชนิดอื่น เพราะพวกเขาจำเป็นต้องใช้ธาตุอาหารในดินเหล่านั้นเพื่อการเจริญเติบโต เพียงแต่เขาจะต้องการดินที่มีความร่วนโปร่ง สามารถระบายน้ำได้ดีหลังจากรดน้ำ ซึ่งหากเราใช้ทรายเพียงอย่างเดียวในการปลูก คุณสมบัติเดียวที่จะได้ก็คือความสามารถในการระบายน้ำ แต่ในทรายนั้นจะไม่มีธาตุอาหารเพียงพอ จึงอาจทำให้แคคตัสของเราเติบโตช้าหรือขาดสารอาหารตายได้ค่ะดังนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกวัสดุปลูกแคคตัสจึงประกอบด้วย 2 สิ่งหลัก ๆ ด้วยกัน คือความโปร่งระบายน้ำได้ดี และมีสารอาหารครบเพียงพอต่อความต้องการของแคคตัสค่ะและในปัจจุบัน มีร้านค้าหลายแห่งที่ขายดินผสมเสร็จพร้อมปลูก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการปลูกแคคตัสสำหรับผู้เลี้ยงรายใหม่หรือคนที่เลี้ยงแคคตัสในปริมาณไม่มาก แต่ถ้าหากเราต้องการเลี้ยงแคคตัสหลาย ๆ ต้นหรือเลี้ยงแคคตัสเพื่อการขยายพันธุ์เพิ่มจำนวน การซื้อดินผสมสำเร็จแล้วจะมีต้นทุนค่อนข้างสูงกว่าการผสมดินปลูกด้วยตัวเองค่ะ อีกทั้งการผสมดินปลูกเองเรายังสามารถกำหนดปริมาณวัสดุปลูกต่าง ๆ ให้เหมาะกับแคคตัสแต่ละสายพันธุ์ของเราได้อีกด้วยภาพถ่ายโดยผู้เขียนวิธีการผสมดินปลูกแคคตัสและในบทความนี้ผู้เขียนก็จะมาแนะนำวิธีการผสมดินปลูกแคคตัสแบบง่าย ๆ โดยเป็นสูตรดินที่ผู้เขียนใช้เองในการปลูกแคคตัสที่บ้านนะคะ ซึ่งปกติแล้วจะไม่ได้มีการกำหนดอัตราส่วนตายตัว แต่จะเน้นคุณสมบัติของดินปลูกให้มีความโปร่งระบายน้ำได้ดีดังที่กล่าวไปค่ะ สำหรับขั้นตอนในการผสมดินปลูกแคคตัสของผู้เขียนก็จะมีดังนี้ค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน1. เทพีทมอส (Peat Moss) ลงในอ่างผสมดินปลูกพีทมอสจะเป็นวัสดุปลูกคล้ายกับดิน ที่เกิดจากการย่อยสลายทับถมกันของอินทรียวัตถุในธรรมชาติ จนได้เป็นพีทมอสที่มีเนื้อละเอียด มีความโปร่งในระดับหนึ่ง แล้วก็ค่อนข้างสะอาดเมื่อเทียบกับดินทั่วไป (จะไม่มีเชื้อโรคหรือเชื้อรา) แต่จะมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับดินปลูกพืชที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดค่ะและถึงแม้ว่าพีทมอสจะมีความโปร่งและละเอียดมาก แต่ก็อาจมีบางส่วนที่จับตัวเป็นก่อนแข็งได้ ดังนั้นก่อนที่จะผสมวัสดุปลูกอื่นลงไปแนะนำว่าให้ลองคนพีทมอสที่เทลงในอ่างแล้วให้ทั่วก่อน ถ้าพบก้อนพีทมอสก็ให้บีบออกเพื่อให้แตกตัวออกจากกันค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน2. ใส่หินภูเขาไฟหินภูเขาไฟจะเป็นหินที่มีรูพรุนค่อนข้างมาก น้ำหนักเบา สามารถระบายน้ำได้ดีจึงเหมาะแก่การใช้ผสมกับพีทมอสเพื่อช่วยเพิ่มความโปร่งให้มากขึ้น หินภูเขาไฟที่จำหน่ายทั่วไปจะมีหลายขนาดซึ่งขนาดที่ใช้ในการผสมดินปลูกจะเป็นขนาดเล็กสุดนะคะ โดยจะใช้ในอันตราส่วนเท่า ๆ กับพีทมอสค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน3. ใส่เพอร์ไลท์ (Perlite)เพอร์ไลท์นั้นจะเป็นวัสดุปลูกที่คล้ายกับหินภูเขาไฟ แต่จะมีรูพรุนเยอะกว่ามาก มีน้ำหนักเบา มีสีขาว เมื่อบีบจะแตกตัวออก สามารถรถบายน้ำได้ดีสุด ๆ จึงช่วยให้ดินปลูกของเรานั้นมีความโปร่ง ไม่กักเก็บน้ำไว้นานเกินไปค่ะ สำหรับปริมาณที่ใส่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการให้ดินปลูกของเราโปร่งแค่ไหน หากเป็นกระบองเพชรสายพันธุ์ที่ต้องการน้ำน้อย ๆ หรือเน่าไง่หากมีความชื้นสะสมก็จะใส่เพอร์ไลท์ลงไปเยอะหน่อยค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน4. ใส่เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)เวอร์มิคูไลท์นั้นจัดเป็นแร่ธาตุรูปแบบผสมที่เกิดจากการนำวัสดุธรรมชาติมาผ่านกระบวนจนได้ออกมาเป็นวัสดุที่มีลักษณะเป็นแผ่นเล็ก ๆ สีทอง เราจะใส่เวอร์มิคูไลท์ลงไปเพื่อช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดินปลูก เพราะเวอร์มิคูไลท์จะค่อย ๆ ปลดปล่อยแร่ธาตุต่าง ๆ ออกมาในดินอย่างช้า ๆ ค่ะ จึงทำให้ดินปลูกของเรานั้นมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ได้นาน ส่วนปริมาณที่ใส่ก็จะกะ ๆ เอาค่ะ ใส่ไม่เยอะพอให้มีเวอร์มิคูไลท์กระจายทั่วดินปลูกค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน5. ผสมวัสดุปลูกให้เข้ากันหลังจากที่เราใส่วัสดุปลูกต่าง ๆ ครบแล้ว จากนั้นก็คนผสมให้วัสดุทั้งหมดกระจายเข้ากัน เพียงแค่นี้ก็จะมีดินปลูกพร้อมใช้สำหรับการปลูกแคคตัสแล้วค่ะ ส่วนปุ๋ย หรือยากันเพลี้ยกันรา สำหรับผู้เขียนจะยังไม่ผสมลงไปในดินปลูกเลยแต่จะมาใส่ทีหลังแทน เนื่องจากสามารถกำหนดปริมาณให้พอเหมาะกับแคคตัสแต่ละต้นได้ง่ายกว่าค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียนส่วนวัสดุปลูกอื่น ๆ ที่เราจะเห็นมีการใช้กันในการผสมดินปลูกแคคตัส เช่น ดินใบก้ามปูหมักร่อน แกลบ ขุยมะพร้าว ทราย ก็สามารถนำมาใช้แทนวัสดุที่ผู้เขียนแนะนำได้ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าและสามารถหาซื้อได้ง่ายกว่า แต่วัสดุเหล่านี้จะไม่ดีเท่ากับวัสดุปลูกที่แนะนำ เช่น ดินใบก้ามปูอาจจะมีเชื้อโรคหรือเชื้อราสะสมอยู่ ดังนั้นก่อนใช้จึงควรตากให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อก่อน หรือขุยมะพร้าว อาจจะเก็บสะสมความชื้นไว้มากเกินไป และเป็นแหล่งเกิดของเชื้อราได้ เป็นต้นซึ่งการผสมวัสดุปลูกแคคตัสก็ไม่ได้มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดแต่อย่างใดนะคะ เราสามารถเลือกใช้วัสดุใดก็ได้ตามที่หาได้ เพียงแต่เราจะต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญ 2 อย่างที่กล่าวไปก็คือเรื่องของความสามารถในการระบายความชื้นของดิน และธาตุอาหารที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของแคคตัสค่ะ