“ขอดูมือขวาหน่อยครับ” เสียงของพี่หนุ่ย และวลีนี้คงเป็นที่คุ้นเคยกันอย่างดี ถ้าคุณเป็นแฟนของวงร็อคระดับตำนานของประเทศไทย “ไมโคร”เพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง ความร้อน ก่อนคอนเสิร์ต “จำฝังใจ” วันนี้เรามารู้จักประวัติ และอัลบั้มทั้งหมดของ ไมโคร ก่อนไปยกมือขวาในคอนเสิร์ตกันครับ ถ้าให้เริ่มต้น คงต้องเล่าย้อนไปสมัย พี่หนุ่ย (อำพล ลำพูน) ยังเป็นเด็กวัยรุ่น และเรียนอยู่ที่ อำเภอแกลง ในจังหวัดระยอง ยุคนั้นยังเป็นสมัยยุคของตู้เพลงหยอดเหรียญ เพลงละ 5 บาท แกอาศัยฟังเพลงร็อค สากล พวก Deep Purple / UFO / Scorpions จากการหยอดตู้เพลง เพราะการหาเพลงสากลเสพย์ตามท้องตลาดสมัยนั้น ถือว่ายากอยู่ครับ (ไม่เหมือนสมัยนี้มี ยูทูบ กดกันไป อยากฟังเพลงไหน)พอมาช่วงวัยรุ่น พี่หนุ่ยก็เริ่มมีวงเป็นของตัวเอง วงแรก ชื่อว่า The Crab ( ที่มาของชื่อ ก็มาจากปูที่วิ่งตามชายหาดนี่ล่ะ ) โดยมีสมาชิกในวงทั้งหมดสามคน แต่ยังเป็นวงโฟล์คซองอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกของ วงไมโคร ปัจจุบันด้วย คือ พี่อ้วน (มานะ ประเสริฐวงศ์) ในตำแหน่งกีต้าร์หลังจากจบการศึกษาที่ระยอง ทุกคนในวงแยกย้าย และเข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ พี่หนุ่ยเรียนต่อที่อาชีวศิลป์ ส่วนพี่อ้วนไปเรียนต่อที่ไทยวิจิตรศิลป์ แต่ทั้งสองคนก็ยังนัดพบเจอกันเสมอ ที่ซอยวัฒนวงศ์ ย่านประตูน้ำ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเป็นจุดรวมของนักดนตรีในสมัยนั้น ( ดังหรือเปล่าไม่รู้... แต่ขนาดพี่เต๋อ เรวัต ยังไปเดิน )โดยพี่หนุ่ย กับพี่อ้วนก็ไปดูวงรุ่นพี่ที่ระยอง ที่เข้ามากรุงเทพฯก่อนหน้า เล่นดนตรีที่นั่นอยู่บ่อย ๆ นั่นก็คือ วงของ พี่ปู (อดิสัย นกเทศ) มือกลอง ซึ่งในวงของพี่ปูก็ยัง มี พี่อ้อด (อดินันท์ นกเทศ) มือเบส เล่นอยู่ด้วยสุดท้าย ไมโครก็เกิดจากการรวบนักดนตรี สาม สี่กลุ่ม คือวง ทอฟฟี่ ของ พี่ปู (อดิสัย นกเทศ) กับ พี่อ้อด (อดินันท์ นกเทศ) ในตำแหน่งกลอง และเบส (จ.ระยอง)วงเดอะแคร็บ พี่หนุ่ย (อำพล ลำพูน) และ พี่อ้วน (มานะ ประเสริฐวงศ์) ในตำแหน่ง ร้องนำ และกีต้าร์ (จ.ระยอง)พี่บอย (สันธาน เลาหวัฒนาวิทย์) ในตำแหน่ง คีย์บอร์ด (จ.กรุงเทพฯ)พี่กบ (ไกรภพ จันทร์ดี) ในตำแหน่งกีต้าร์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (จ.กรุงเทพฯ) ซึ่งระยะแรก ๆ ที่ฟอร์มวง ตอนนั้น ทางวงยังใช้ชื่อ นิวเคลียร์ กันอยู่ จนวันหนึ่งโอกาสมาถึง ทางวงได้ไปเล่นเป็นวงเปิดให้กับ วง แม็คอินทอช และ ได้พยามคิดชื่ออย่างเป็นทางการ เพื่อให้คนสามารถจดจำได้ จึงใช้ชื่อว่า ”ไมโคร” โดยได้ชื่อนี้มากจาก ไอเดียร์ของ พี่จี้ด สุนทร สุจริตฉันท์ (วง รอยัลสไปรท์)หากพูดถึงเรื่องผลงาน ผลงานแรกของ “ไมโคร” ไม่ใช่การออกอัลบั้ม แต่เป็นผลงานการแสดงหนังระดับคลาสสิก ในปี พ.ศ. 2527 ของ อาเปี้ยกโปสเตอร์ ที่มีชื่อว่า “วัยระเริง” ซึ่งตอนนั้นต้องการวงร็อคมาแสดงนำ และค่อนข้างหายาก เพราะสมัยก่อนกลุ่มวงที่เล่นแนวร็อคยังไม่ค่อยมีมากนัก ส่วนมากจะเป็นแนวดิสโก้เสียส่วนใหญ่ โดยผลงานหนังเรื่องนี้ นอกจากจะสร้างชื่อให้ ไมโคร แล้ว ยังสร้างชื่อให้กับ แหวน ฐิติมา สุตสุนทร กับ สุรสีห์ อิทธิกุล ที่ฝากผลงานไว้ใน อัลบั้มเพลงประกอบหนัง “วัยระเริง” แต่ทางวงไมโคร ไม่ได้มีส่วนกับอัลบั้มนี้แต่อย่างใดเข้าเรื่องเพลงกันต่อ … คราวนี้เรามาดูอัลบั้มของทั้งหมดไมโคร และพี่หนุ่ย กับวิวัฒนาการทางดนตรีของแต่ละอัลบั้มกันขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Official ร็อก เล็ก เล็ก(พ.ศ.2529)ไมโคร เปิดหน้าประวัติศาสตร์ เพลงร็อคเมืองไทย ด้วยการ ออกอัลบั้มแรกใน ปี พ.ศ. 2529 ในชื่อชุดว่า “ร็อค เล็ก เล็ก” ภายใต้การดูแลของ พี่ป้อม อัสนี โชติกุล และ พี่เต๋อ เรวัต พุทธินันทน์ หน้าปกอัลบั้ม บ่งบอกความเป็น วงร็อคชัดเจนในส่วนของซาวด์ดนตรี ในสมัยนั้น ซาวของกลองเพลงร็อค นิยมทำเป็นซาวด์แบบแอรีน่า คือ เป็นเสียงกลองที่เราฟังแล้วเหมือนเราไปฟังอยู่ในคอนเสิร์ต ถ้าคุณนึกไม่ออกลองไปฟัง เพลง ของ Bon Jovi ในอัลบั้ม New Jersey ได้ครับ ซาวด์กีต้าร์ หรือการมิกซ์เสียง สมัยนั้นก็ยังไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เป็นดนตรีแบบ ดิบ ๆ ตรงๆ เพลงในอัลบั้มมีเพลงช้าขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าไปคอนเสิร์ตไหนของไมโครเป็นต้องได้ยิน อย่างเพลง “อย่าดีกว่า” ที่โชว์ลูกเล่นกีต้าร์ ตั้งแต่เริ่มเพลง ด้วยเทคนิคการเล่น Hammer on-Pull off เป็นลิคกีต้าร์เล็ก ๆ ฝากไว้ตั้งแต่ต้นเพลง หรือ เพลง “อยากจะบอกใครสักคน” ที่อินโทรคีย์บอร์ดของ พี่บอย ดังขึ้นมา คุณต้องร้องอ๋อ... และร้องเพลงนี้ตามได้ รวมไปถึงเพลง พาวเวอร์บัลลาด ที่คุณฟังแล้วสามารถจินตนาการได้ว่าได้เดินท่ามกลางสายฝนกับสาวในฝัน อย่างเพลง “รักปอนปอน” ที่พี่กบ ฝากเสียงร้องเอาไว้อัลบั้มแรกถือว่าไมโครเปิดตัวได้อย่างดีทีเดียว เพราะยุคนั้น กระแสเพลงร็อคยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก พีเต๋อ กล่าวไว้กับงานชุดนี้ว่า “ถ้าขายได้ แสนม้วนก็โอเคแล้ว” แต่ชุดนี้กลับขายได้ 7- 8 แสนม้วนทีเดียวหมื่นฟาเรนไฮต์ (พ.ศ.2531)อัลบั้มที่สอง ถูกปล่อยออกมาหลังจาก อัลบั้มแรก 2 ปี แค่ชื่ออัลบั้มก็ร็อกแล้ว เปิดอัลบั้มด้วยเพลงร็อคจังหวะเนิบกับเสียงดันสายกีต้าร์ที่ติดหู อย่างเพลง “เอาไปเลย” ต่อด้วยเพลง จังหวะเร็ว ๆ ให้อารมณ์ต่อเนื่อง อย่างเพลง “จริงใจซะอย่าง” และ “หมื่นฟาเราไฮต์” ชุดนี้ทำเพลงจังหวะร็อกได้ติดหูกว่าชุดแรกมาก รายละเอียดการเรียนเรียงดนตรี และ การมิกซ์ ถือว่าทำได้ดีกว่าชุดแรกที่ขาดไม่ได้เราก็ยังมีเพลงช้าติดหู ให้ได้ฟังกันเหมือนเดิม “พายุ”, “ใจโทรมๆ” , “บอกมาคำเดียว” และเซอร์ไพรส์ ก็คือ เพลงในอัลบั้มนี้ก็ยังมีเพลงที่พี่อ้วน ฝากเสียงร้องเอาไว้ด้วยนะ อย่างเพลง “รักคุณเข้าแล้ว” แถมยังเล่นมิวสิกวีดีโอเองด้วย (เป็นเพลงเดียวของ ไมโคร ที่พี่อ้วนร้อง) นอกนี้ก็ยังมีเพลงที่ พี่กบ ร้องไว้อีก คือเพลง “จริงใจซะอย่าง” ที่ร้องกับพี่หนุ่ย และ เพลง “คิดไปเองว่าดี”เต็มถัง (พ.ศ. 2532)ไม่ปล่อยให้แฟน ๆ ได้รอกันนาน ปีต่อมาทางวงเดินหน้าอัลบั้มที่สาม “เต็มถัง” อัลบั้มนี้เปิดตัวร็อคเต็มสูบกันมาเลย อย่างเพลง “ส้มหล่น” ตามด้วยเพลงที่เริ่มต้นด้วยการเดินเบสและกลองอย่างเพลง “เรามันก็คน” ก่อนจะเบรกอารมณ์ ด้วนเพลงช้า ฮิตติดหู อย่าง “คนไม่มีสิทธิ์” นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงฮิตในอัลบั้มอีกหลายต่อหลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น “รุนแรงเหลือเกิน” , “เติมน้ำมัน” , “มันก็ยังงง”อัลบั้มนี้ยังทำให้เกิดประวัตศาสตร์ คอนเสิร์ตที่ผู้ชมเป็นผู้หญิงเท่านั้น เป็นคอนเสิร์ตแรกในหน้าประวัติศาสตร์ คือ คอนเสิร์ตเติมสีเขียวหวาน โดยจะใส่เฉพาะชุดสีเขียว เท่านั้น จัดขึ้นที่ลานลอยฟ้า เซ็นทรัลลาดพร้าว ในวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2532 ซึ่งใครที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น คงจำห่าฝนที่สาดกระหน่ำลงมาได้อย่างดีจนทำให้ทางวงต้องหยุดเล่นจากความดัง สุด สุด ในสามอัลบั้มที่ผ่านมา ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า อัลบั้มเต็มถัง จะเป็นอัลบั้มสุดท้าย...ที่พี่หนุ่ย จะร่วมอัดเสียงกับทางวงด้วยความที่ ทิศทางทางดนตรีที่ไม่ลงตัวกัน พีหนุ่ยแยกออกมาทำอัลบั้มเดี่ยว ในขณะที่วงไมโครยังคงเดินหน้าทำอัลบั้มต่อไป โดยมี พี่กบ เป็นนักร้องนำ ต่อไปจะมาพูดถึงอัลบั้ม ที่จะแยกเป็นของวงไมโคร ที่มีพี่กบเป็นนักร้องนำ กับอัลบั้มเดี่ยวของพี่หนุ่ยกันนะครับ ขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Officialไมโคร - เอี่ยมอ่องอรทัย (พ.ศ.2534)หลังจากพี่หนุ่ยออกไปทำอัลบั้มเดี่ยว พี่กบก็รับหน้าที่เป็นนักร้องนำเต็มตัว และเดินหน้าสู่ความเป็น เฮฟวี่เมทัล ในอัลบั้ม “เอี่ยมองอรทัย” ซึ่งสไตล์ดนตรีมีความเป็นร็อค แฮแบนด์ ยุค 80 ซึ่งก่อนหน้านั้น แนวทางของวงจะเน้นไปทาง ฮาร์ดร็อก และเฮฟวีเมทัลไลน์ และซาวกีต้าร์จัดจ้านขึ้นจากสามอัลบั้มแรกอย่างเห็นได้ชัด ฟังแล้วนึกถึงวงอย่าง Skid row ชุดแรกขึ้นมาเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเพลงบรรเลงกีต้าร์ อย่างเพลง “คิดถึง” ฟังแล้วก็คิดถึง Gary Moore ขึ้นมาทันที น่าเสียดาย... อัลบั้มนี้อาจจะมีเพลงที่เราไม่ค่อยคุ้นหูมากนัก เพราะอาจจะเข้าถึงคนฟังได้ยาก แต่เพลงที่ดัง และคุ้นหู ก็มีอยู่นะอย่างเพลง “รักซะให้เข็ด และ “เลือดเย็น” ขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Officialอำพล - วัตถุไวไฟ (พ.ศ. 2535)หลังจากทิ้งช่วงมา 3 ปี พี่หนุ่ยก็เดินหน้าปล่อยอัลบั้มเดี่ยว อัลบั้มแรกของตัวเองที่ชื่อว่า “วัตถุไวไฟ” ด้วยหน้าปกอัลบั้มเสื้อแจ็กเกต สีดำ เริ่มเพลงแรก ด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม “วัตถุไวไฟ” สำหรับผมในอัลบั้มนี้ ถือว่าเป็นเพลงเร็ว ที่ฟังแล้วติดหูผมเลยนะ มีนักดนตรีดังดัง เข้ามาร่วมงานในอัลบั้มนี้มากมาย อาทิเช่น วีระ โชติวิเชียร, เพชร มาร์ , พี่ฉ่าย สมชัย ขำเลิศกุล เพลงโดยรวมในอัลบั้มมีความฮาร์ดร็อค แต่ฟังง่าย และติดหู เพลงที่เราคุ้นหูกันก็จะมี “เสียมั้ย”, “ลางร้าย”, “แผลในใจ” และ “ยังไงก็โดน” ขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Officialอำพล – ม้าเหล็ก (พ.ศ. 2537)ห่างหายไป 2 ปี พอให้แฟนเพลงได้คิดถึง พี่หนุ่ยกลับมาพร้อมอัลบั้ม แนวป้อบร็อค นามว่า “ม้าเหล็ก” ที่ธีมของอัลบั้มนี้ คือ รถไฟ เพลงฮิตในอัลบั้มนี้ที่ทุกคนที่เป็นแฟนเพลงของ พี่หนุ่ย ต้องร้องตามได้แน่นอน ก็คือเพลง “ไว้ใจ” เพลงที่สามหน้าบี (ในยุคเทป) ความพิเศษในอัลบั้มนี้ คือ หลังจากที่ทิ้งช่วงจากการแยกทางกับวงมาสักพัก พี่หนุ่ยเลยชวน เพื่อน ๆ จาก ไมโครมาแจมในอัลบั้ม โดยฝีมือการอัดกีต้าร์ในอัลบั้มนี้ ก็ไม่ใช่ใครนอกจาก พี่กบ กับพี่อ้วน และยังมี เสียงคีย์บอร์ดจากพี่บอยอีกคน ฟังฝีมือการแจม กีต้าร์ กับคีย์บอร์ดได้ในเพลง “ม้าเหล็ก” มันส์หยดดดดด แน่นอน...ขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Officialอำพล – อำพลเมืองดี (พ.ศ. 2538)พี่หนุ่ยยังคงออกอัลบั้มอย่างต่อเนื่อง ในชุดที่สาม ในอัลบั้มที่มีชื่อว่า “อำพลเมืองดี” อัลบั้มนี้ มีกลิ่นและทิศทางดนตรีที่ต่างจากชุดอื่น ๆ เพราะตอนนั้น กระแสอัลเทอเนทีฟ มาเต็มจริง ๆ เป็นอัลบั้มที่เหมือนส่วนผสม ของดนตรีฮา์ดร็อค และดนตรียุคสมัยใหม่ ๆ มีเพลงฮิตที่ ตลกคาเฟ่สมัยนั้นเอาไปเล่นกันแทบทุกที่คือ คือ “ฝากรอยเท้าเอาไว้” พี่กบ ยังคงมาฝากไลน์กีต้าร์ไว้ในอัลบั้มเหมือนเดิม และ อัลบั้มนี้ก็เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายของพี่หนุ่ย ขอบคุณภาพจาก GMM Grammy Officialไมโคร – สุริยคราส (พ.ศ. 2538)ไมโครกลับมาด้วยอัลบั้มสุริยคราส ช่วงนั้นมีหลาย ๆ วงในรุ่นเดียวกันทยอยกันออกอัลบั้มใหม่ในช่วงนั้นหลาย ๆ วง อย่าง โจ-ก้อง, อินคา นอกจากนี้ยัง มีวงร็อกหน้าใหม่เกิดขึ้นอย่างมากมาย และเป็นช่วงที่ดนตรีกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของอัลเทอเนทีฟ โดยทางแกรมมี่ ก็เริ่มมีวงใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน อย่าง Fly, Y not 7 ทำให้ดนตรีฝั่งฮาร์ดร็อคยุคก่อน เริ่มมีความนิยมลดน้อยลงไปตามกาลเวลาอัลบั้มนี้ ไมโคร ควบคุมการผลิตดนตรีเองโดยมี พี่บอยนั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์ เพลงในอัลบั้ม ยังคงความเป็นร็อคที่มีเนื้อหาทางดนตรีเข้มข้น แต่ฟังง่ายกว่าอัลบั้มชุดที่แล้ว ในแง่ของอัลบั้ม อาจจะไม่มีเพลงฮิตติดหูเราเหมือน 3 ชุดแรกของไมโคร ... แต่มุมมองการทำดนตรี ทางวง คว้ารางวัลมาได้ 3 รางวัลทีเดียว จากเวทีสีสัน อะวอร์ดส์ ได้แก่ ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม, อัลบั้มยอดเยี่ยม และโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม ไมโคร – ทางไกล (พ.ศ. 2540)ใครชอบดนตรี ฮาร์ดร็อคแบบ Scorpions พลาดชุดนี้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ชุดนี้เป็นสตูดิโอชุดสุดท้าย ที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นชุดที่ดนตรีหนักที่สุดของไมโคร โดยออกกับค่าย ฟิลฮาโมนิก แต่ละเพลงภาคดนตรีใส่กัน ยับยุบยิบ เต็มสูบจริง ๆ และการเรียบเรียงภาคดนตรีทำได้น่าฟังมาก โดยทางวงทำหน้าที่โปรดิวเซอร์กันเอง ถึงแม้อัลบั้มนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่อัลบั้มนี้สำหรับผม อัลบั้ม นี้ คืออัลบั้ม เพลง ร็อคยุค ยุค 90 ที่ดีที่สุด ติด 1 ใน สิบของประเมศไทย เลยล่ะครับหลังจากอัลบั้มนี้ แต่ละคนก็แยกย้ายกันไป แต่ก็ยังมีผลงานเดี่ยวของพี่กบ ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ส่วน พี่บอย (มือคีย์บอร์ด) ก็ไปออกโปรเจค Perfect Sunday กับ พี่อิง อชิตะ อยู่หนึ่งอัลบั้ม หลังจากห่างหายไป 10 ปี จากการเล่นคอนเสิร์ตครั้งล่าสุด ร็อก เล็ก เล็ก รีเทิร์น ไมโครกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง กับ 35 ปี ไมโคร จำฝังใจ คอนเสิร์ต ซึ่งจะจัดขึ้นสองรอบ ในวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม และวันอาทิตย์ ที่ 3 พฤษภาคม ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี บัตรราคา 6,000 / 5,000 / 4,500 / 4,000 / 3,500 / 3,000 / 2,500 และ 1,500 ...แล้วเจอกันนะครับสาวกไมโครทุกท่าน เครดิตขอบคุณภาพ ฺBanner จาก ช่อง One31