ทุกวันนี้การหารายได้เสริม, การมีอาชีพที่ 2, หรือ อาชีพที่ 3 ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ในสังคม คุณอาจจะเป็นพนักงานออฟฟิศในช่วงกลางวัน แต่หลังเลิกงานกลายเป็นคนส่งอาหาร, แม่ค้าออนไลน์, นักเขียน ฯลฯ สุดแท้แต่ทักษะความถนัดของแต่ละบุคคล แต่เราเชื่อว่าก็ยังมีเพื่อน ๆ อีกหลายคนน่ะแหละที่ยังไม่มีไอเดียร์ว่าจะหาอะไรทำเป็นอาชีพเสริมดี หรือบางคนที่มีไอเดียร์แต่ติดที่งบประมาณจำกัด จะไปเรียนคอร์สสอนอาชีพอะไรก็ราคาแพง ไม่แน่ใจว่าเรียนมาแล้วจะได้ผลคุ้มค่าเงินที่เสียไปหรือเปล่า ? วันนี้เรามีทางออกมาเสนอ สิ่งนั้นก็คือคอร์สฝึกวิชาชีพของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พอบอกว่าเป็นศูนย์ฝึกอาชีพของรัฐ หลายคนส่ายหน้าหนี แต่จากประสบการณ์ตรงของเราจากที่ไปได้ลงคอร์สอาหารไทย และ ขนมไทย ที่ศูนย์ ฯ แถวบ้าน เราพูดได้เต็มปากว่าของเค้ามีคุณภาพนะ แม้ที่เรียนจะอึดอัดคับแคบไปบ้าง (อันนี้เป็นเฉพาะบางศูนย์ บางศูนย์สถานที่ก็ใหญ่โตมาก เช่น ที่เขตสะพานสูงที่เราเคยไปเรียน ห้องเรียนสะอาดและกว้างขวางมาก) และต้องเรียนร่วมชั้นกับเพื่อนหลายคน แต่เนื่องจากมันฟรี ! ถึงแม้จะไม่สะดวกสบายไปบ้างก็ถือซะว่าแลกกันกับค่าเรียนที่ประหยัดได้ซึ่งเราว่ามันคุ้มนะ เกริ่นนำมาเสียมากมายเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าคอร์สฝึกอาชีพของกทม. คือ อะไร ? คอร์สฝึกอาชีพของกทม. คือ คอร์สการสอนวิชาชีพแก่ประชาชนผู้สนใจทั่วไป โดยวิทยากรที่มีความชำนาญในสาขาวิชาชีพนั้น ๆ ที่ กทม. จัดให้เรียนกันแบบไม่เสียค่าเรียน (ผู้เรียนอาจมีค่าอุปกรณ์การเรียนบ้าง แต่ไม่แพง) สาเหตุที่ กทม.เปิดการสอนวิชาชีพแก่ประชาชนผู้สนใจก็เพื่อเป็นสวัสดิการที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อให้ผู้สนใจนำความรู้ตรงนี้ไปต่อยอดเพื่อหารายได้ ฯลฯวิชาที่สอนมีวิชาอะไรบ้าง ? วิชาที่สอนมีมากมายหลากหลายสาขา แต่ที่ฮิตติดเทรน ได้แก่-อาหารไทย / อาหารว่าง-ขนมไทย-เบเกอรี่-ซ่อมคอมพิวเตอร์-ซ่อมโทรศัพท์มือถือ-ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์-แกะสลักผักผลไม้-จัดดอกไม้สด-เสริมสวย-ตัดผมชาย-นวดแผนไทยทั้งนี้วิชาที่สอนในแต่ละศูนย์อาจมีเนื้อหาแตกต่างกันได้เล็กน้อย ขึ้นกับความพร้อมของแต่ละศูนย์เรียนเวลาไหนบ้าง แล้วเรียนที่ไหน ? เวลาเรียนก็แบ่งเป็น 2 ช่วง ให้เลือกเรียนตามสะดวก คือเรียนวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เริ่มเรียนตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงเย็น ระยะเวลาเรียน 2 เดือนเรียนวันจันทร์ - ศุกร์ เรียนเวลาเดียวกับกับวันเสาร์ - อาทิตย์ แต่ใช้ระยะเวลาเรียนทั้งสิ้น 1 เดือน ซึ่งถ้าเรียนแล้วยังรู้สึกว่าวิชายังไม่แน่น ยังอยากเรียนรู้เพิ่มเติมก็สามารถสมัครเรียนต่อในเทอมใหม่ได้ เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาเพียงแค่ 1 - 2 เดือน ยังไม่ครอบคลุมเนื้อหาวิชาทั้งหมดหรอกค่ะ ในด้านของสถานที่เรียนนั้นทางกทม. ก็ได้จัดสถานที่เรียนไว้ให้ทั้งหมด 17 แห่ง ทั่วกรุงเทพ ฯ ได้แก่ ศูนย์ฝึก ฯ สวนลุมพินี, ศูนย์ฝึก ฯ บ่อนไก่, ศูนย์ฝึก ฯ มีนบุรี ซึ่งจะมีลิงก์เข้าไปดูรายละเอียดได้ตรงนี้เรียนอะไรกันดี ? การจะเลือกเรียนวิชาใดขอแนะนำว่าเอาที่เพื่อน ๆ สนใจน่าจะดีที่สุด แต่ถ้าถามว่าสาขาวิชาใดที่เปิดปุ๊บก็เต็ม คนสมัครเรียนเยอะมาก ๆ เต็มเร็วกว่าวิชาอื่น ก็เช่น อาหารไทย เบเกอรี่ ขนมไทย ตัดผมชาย ซ่อมมือถือ และ นวดแผนไทยถ้าจะให้เรายกตัวอย่าง เช่น คอร์สเรียนเบเกอรี่ คอร์สนึงจะรับนักเรียนประมาณ 20 กว่าคน เปิดรับสมัครยังไม่ถึง 2 อาทิตย์ดีเลยเต็มซะแล้ว หรือ อย่างตัดผมชายอันนี้ก็ป๊อปสุด ๆ เต็มเร็วมาก เราเคยคุยกับเพื่อนที่ลงเรียนคอร์สนี้เค้าบอกว่ามันได้รายได้ดี เพราะการตัดผมผู้ชายไม่ยุ่งยาก มีอุปกรณ์เพียงแค่ หวี กรรไกร และ ปัตตาเลียน แค่นี้ก็ตัดผมได้แล้ว และถึงแม้ในช่วงแรกยังไม่เปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อนเราก็อาศัยเปิดบ้านเป็นร้านตัดผม และให้บริการรับตัดผมนอกสถานที่ ซึ่งอย่างหลังนี่เค้าบอกว่ามีลูกค้าเยอะพอสมควร เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่เดินทางมาตัดผมที่ร้านเองลำบาก ก็จะเรียกช่างไปตัดผมให้ที่บ้านซึ่งแน่นอนว่าช่างก็สามารถคิดค่าเดินทางบวกเพิ่มไปได้ทำไมจึงควรมาเรียนที่ศูนย์ฝึก ฯ ? สิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้เรียนจะได้จากการเรียน คือ การได้ประสบการณ์จริง ขอยกตัวอย่างจากตัวเองก็แล้วกัน เราเป็นคนชอบทำกับข้าวจึงได้สมัครเรียนคอร์สอาหารไทย สิ่งที่เราได้ก็คือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การควบคุมไฟในการทำอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะจะทำให้รสชาติและหน้าตาของอาหารแตกต่างกัน การทำอาหารในคราวล่ะมาก ๆ และการคิดต้นทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถเรียนรู้ได้จากการดูคลิป หรือ การฝึกทำกับข้าวที่บ้าน นอกจากทักษะและความรู้ในการประกอบอาชีพ เรายังได้มีโอกาสพบกับเพื่อนใหม่ในหลากหลายอาชีพ เพราะผู้ที่มาสมัครเรียนไม่ได้มีแต่คนว่างงาน นักเรียนหลายคนเป็นพนักงานบริษัทหรือข้าราชการเกษียณอายุ เป็นเจ้าของกิจการ นักเรียน นักศึกษา เรียกได้ว่ามีหลากหลายอาชีพซึ่งทำให้เราได้เห็นแง่มุมใหม่ ๆ ของเพื่อนในอาชีพเหล่านั้น จนบางครั้งได้ไอเดียร์ดี ๆ ไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองก็มี สุดท้ายนี้เราอยากชวนเพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจว่าจะเพิ่มเติมทักษะอาชีพของตัวเอง ให้หันมาลองสมัครเรียนที่ศูนย์ฝึกอาชีพของกทม. ดูซักครั้งนึง แล้วคุณจะพบว่ามันดีกว่าที่คุณคิดแหล่งข้อมูล 17 ศูนย์ฝึกกรุงเทพ ฯ มหานคร อบรมฟรี ประกอบอาชีพได้ทันทีเนื้อหาและภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน