การเดินทางกับเหตุการณ์บนท้องถนนมักมีเรื่องราวหลากหลายให้พบเห็นอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะอุบัติเหตุ การมีสติจึงมีความสำคัญ นอกจากตนเองจะปลอดภัย คนอื่นๆ ก็ด้วยเช่นกันอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ตลอด ทั้งมีคู่กรณีและไม่มี ทุกเหตุการณ์ล้วนทำให้ลุ้นระทึกเสมอ แม้จะเห็นเหตุการณ์ไกลๆ ก็ตาม ล่าสุดมีโอกาสเจอเหตุการณ์รถพ่วงขนของขึ้นเขาแล้วรถมีปัญหา เสียจังหวะรถยนต์ขึ้นต่อไม่ได้ รถจึงไหลลงไปชนเสาไฟฟ้า และผู้เขียนก็เป็นรถคันแรกที่ไปเจอเหตุการณ์นั่นด้วย จึงเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าผ่านกระจกหน้ารถยนต์ในเช้าวันหนึ่งที่เดินทางไปทำงานเส้นทางถนนเป็นช่วงใกล้ลงเขา สังเกตเห็นไฟสัญญาณฉุกเฉินจากรถพ่วงสิบล้อพ่วงบรรทุกปุ๋ยคันหนึ่งที่ขึ้นเนินชันมาได้แล้ว แต่ยังต้องขึ้นโค้งต่อมาอีกหน่อย เหมือนรถไม่มีแรงขึ้นต่อ พอเห็นจังหวะนั้นก็เลยหยุดรถรอดูสถานการณ์ก่อน เพียงไม่กี่วินาทีได้ยินเสียงดังแกร๊กจากรถสิบล้อพ่วง และรถไหลถอยลงไป ส่วนที่เป็นพ่วงถอยไปจนเสาไฟฟ้าข้างทางล้มลง สายไฟที่โยงกันอยู่ดึงเสาไฟฟ้าอีกต้นด้านหลังรถสิบล้อล้มพาดถนนอีกเสาพอดี สายไฟแรงสูงพาดลงเกือบถึงหน้ารถยนต์ผู้เขียนจึงรีบถอยรถออกมา สายไฟกระแทกลงพื้นถนนไฟช็อตเสียงดังขึ้นพร้อมไฟลุก ก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลงไป หลังจากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่กี่วินาทีตรงหน้าก็รีบถอยรถยนต์ออกจากที่เกิดเหตุไปในที่ปลอดภัยพร้อมจึงส่งสัญญาณให้คันหลังถอยตามและแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นข้างหน้า ไม่สามารถไปต่อได้สะดวก เมื่อถอยรถยนต์จนเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยลงจากรถยนต์ไปดูสถานการณ์ต่อไป รถสิบล้อพ่วงขนแกลบผสมขี้ไก่มาส่งให้ลูกค้าในหมู่บ้านข้างหน้า แต่คนขับไม่เคยมาในพื้นที่ ไม่คุ้นชินกับเส้นทางดีพอผนวกกับรถยนต์ขัดข้อง เพลารถยนต์ขาดในที่เกิดเหตุจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น แต่ก็คิดว่าคนขับรถยนต์น่าจะตัดสินใจหมุนพวงมาลัยและหักหลบให้ลงข้างทางแทนการปล่อยไหลลงตามถนนที่โค้งและชัน เพราะเสี่ยงและอันตรายมากกว่า แต่พอรถลงข้างทางทำให้รถไม่ไหล ไม่อันตรายต่อคันที่ตามมาด้วยหลังจากนั้นก็มีการติดต่อเจ้าหน้าไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ป่าไม้ หน่วยงานในท้องที่มาช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ โชคดีที่ไม่มีใครเป็นอะไรและเสียหายนอกจากรถสิบล้อพ่วง สายไฟ เสาไฟฟ้า และพื้นถนนเท่านั้น คนขับก็ไม่เป็นอะไร แต่ก็คงเสียขวัญไปพอสมควร และอุบัติเหตุบนท้องถนนในครั้งนี้จะจัดการให้ถนนสามารถสัญจรได้เป็นปกติก็ใช้เวลาเกือบครึ่งวันด้วยเช่นกัน สรุปบทเรียนจากการเจอเหตุการณ์บนท้องถนนในครั้งนี้1. เมื่อเห็นรถใหญ่หรือรถยนต์ทั่วไปไม่ปกติก็ควรสังเกตสถานการณ์ก่อน อย่าเพิ่งรีบสวนไปโดยเฉพาะพื้นที่เนินเขา ไม่มั่นใจอย่าเพิ่งตัดสินใจพลันด่วน โดยไม่ดูสถานการณ์ให้ดีพอ2. เมื่อสังเกตว่ามีเหตุขัดข้องของรถยนต์ที่สวนมา และมีรถยนต์ตามหลังมา ให้รีบเปิดไฟฉุกเฉินกันไว้ก่อน3. มีเหตุอันตรายจากเสาไฟฟ้าหรือสายไฟให้ถอยห่างออกและจอดตรงที่ไม่ใกล้เสาไฟไว้จะดีกว่า เพราะแรงดึงจากสายไฟอาจทำให้เสาไฟฟ้าต้นอื่นล้มตามได้4. เมื่อลงจากรถยนต์ให้รีบหนุนล้อรถยนต์เสมอหากพื้นถนนไม่ได้เป็นทางเรียบตรง 5.เมื่อคลี่คลายสถานการณ์แล้ว ต้องเช็คดูให้มั่นใจว่ารถยนต์สามารถผ่านไปได้จริงๆ ไหม อาจจะเกิดเหตุซ้ำซ้อนได้ (บางทีคันที่มาต่อท้ายรีบไป ทำให้ต้องไปจ่อคันหน้าจนบังคับไม่ได้)6. หากมีกล้องหน้ารถยนต์บันทึกเหตุการณ์ได้จะเป็นประโยชน์เสมอ ที่สำคัญหมั่นตรวจเช็คและลบวีดิโอที่บันทึกไว้บ่อยๆ เพราะถ้าเกิดเหตุใดๆ จะได้เป็นหลักฐานได้7. ถ้าไม่รีบหรือมีเหตุจำเป็นจริง หาเส้นทางอื่นที่สามารถไปได้หรือย้อนกลับไปพักที่บ้านก่อน ค่อยเดินทางอีกทีเมื่อเส้นทางปลอดภัยแล้ว 8. เมื่อเราปลอดภัยดีแล้ว สามารถช่วยเตือน แนะนำรถคนอื่นที่สัญจรคันอื่นได้ 9.เหนือสิ่งอื่นใด คือ "การมีสติ" สำคัญมากที่สุด จะได้รู้ว่าทำอะไรก่อน ตนเองปลอดภัย และผู้ร่วมทางปลอดภัยได้ด้วยทุกครั้งที่เดินทาง ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความปลอดภัยเสมอนะครับทุกภาพประกอบโดยผู้เขียนขอบคุณ Canva ใช้ตกแต่งบทความ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !