ไลฟ์แฮ็ก
มือใหม่ 16/8 fasting 2 เดือนเห็นผล
*ขอขอบคุณภาพ Cover จาก Aphiwat Chuangchoem from StockSnap">StockSnap
ใกล้หมดยุคกักตัวช่วงโควิด-19 แม้การ์ดเราจะยังไม่ยอมตก แต่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นของวิถีชีวิตปกติกำลังกลับมาลอยคลุ้งในอากาศ... ข่าวออกมาทั้งการเปิดห้างสรรพสินค้า เปิดให้บริการการพบปะ แบบที่ยังต้องรักษาระยะห่างอยู่ แต่ที่สำคัญคือ ที่ทำงานกำลังจะเปิดให้เรากลับไปตากแอร์ เอ้ย ทำงานกันอีกแล้วววววว ก่อนที่ความคิดถึงงานจะท่วมท้น อีกห้วงความคิดหนึ่งถาโถม Flash back อย่างรวดเร็วเข้ามาในสมองด้วยคำถามเสียงดัง ๆ ที่ว่า
เราทำอะไรสำเร็จแล้วบ้างในช่วงกักตัว Covid-19 ที่ผ่านมา
ตอบอย่างภาคภูมิใจ!!! สิ่งนั้นคือการจำกัดเวลาในการทานอาหารวันละ 8 ชั่วโมงถ้วน หรือที่รู้จักกันในนาม 16/8 Fasting คนจริงต้องทำสำเร็จ และทำสำเร็จอย่างมีความสุขด้วย!!! ดังนั้นวันนี้จะขอมาแชร์ประสบการณ์การทานอาหารแบบที่หลายคนหวาดกลัวว่าจะทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ จะหิว จะทรมาน ว่าจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไรค่ะ!ขอขอบคุณภาพจาก Dan Gold on Unsplash
Advertisement
Advertisement
ขอแชร์ประสบการณ์ fasting 16/8 ว่าเรา
ทำได้ ทำสำเร็จ และมีความสุขด้วย
ก่อนอื่น อาจจะต้องเกริ่นกันสักนิดถึงเหตุผลส่วนตัวของการทำ fasting เพราะเหตุผลของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน และนั่นอาจจะเป็นการบอกได้ว่าแรงจูงใจ หรือแรงกระตุ้นให้เกิดความพยายามของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เราทำ fasting ด้วยเหตุผลของสุขภาพล้วน ๆ (เจือด้วยความ "ไม่อยากอ้วน" หน่อย ๆ)
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.foodiesfeed.com/author/_picoftasty/
สืบเนื่องจากการเป็นซีสรังไข่ ทำให้ต้องรักษาอาการอย่างต่อเนื่องด้วยการทานฮอร์โมน และด้วยความกลัวว่าน้ำหนักจะขึ้น หรือตัวจะบวม ซึ่งเป็นอาการข้างเคียงของการทานยาจำพวกนี้ ทำให้ต้องหาทางรักษาร่างอย่างเร่งด่วน ประกอบกับไม่สามารถออกกำลังหลังผ่าตัดได้ถนัดถะหนี่ ดังนั้นหนทางการดูแลสุขภาพผ่านการรับประทานอาหารที่ดี อร่อย และไม่ทำให้อ้วน ดูจะเป็นหนทางที่หอมหวลภายใต้ข้อจำกัดดังกล่าวมาข้างต้น ดังนั้น!!! ฟัง เอ้ย อ่านทางนี้ค่ะ
Advertisement
Advertisement
ถ้าเราทำได้ คุณก็ทำได้
จากการศึกษาจากหลากหลายกูรู และยูทูปเบอร์ และหนังสือ และฟิตเนสเทรนเนอร์ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ "ความสุข" ค่ะ
ใช่แล้ว เราต้องนึกถึงความสุขของการได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็นก่อน จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ก็ต้องตอนนี้ล่ะค่ะ อย่างเคสของเรา เราพบว่าความสุขคือการทานอาหารที่อร่อย แต่ยังมีสุขภาพและรูปร่างที่ดีได้ด้วย แค่คิดถึงการเดินเฉิดฉายด้วยกางเกงกีฬา แขนและขามี Line กล้ามเนื้อให้เห็นพอดี ๆ ตัดสลับไปที่ภาพอาหารที่เพิ่งทานมาอิ่ม ๆ ซึ่งก็คือ ฟิลเลย์มินยองสเต็กแบบสุกกลาง ๆ แกล้มด้วยเบบี้แครอท ราดน้ำเกรวี่ไวน์แดง แซมด้วยผักโขมผัดและมันฝรั่งอบใส่ซาวเออร์ครีม... OMG คิดถึงแค่นี้ก็ฟินสุด ๆ กับการออกจากบ้านครั้งนี้แล้วค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้ คุณผู้อ่านอาจจะตกใจได้ว่าเอที่พูดมาเนี่ยทานได้หมดจริงๆเหรอในช่วง Fasting เต่ง เต๋ง เตง เต๊ง ...ทานได้หมดเลยคร้า... แต่อย่าเกินช่วงเวลาดี๊ดี 8 ชั่วโมงของเรา
Advertisement
Advertisement
ขอขอบคุณภาพจาก https://www.foodiesfeed.com/author/hoaluu/
เราต้องนึกถึงความสุขของการได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากเป็นก่อน
พอเราจดจำความสุข และเป้าหมายของการทำ Fasting ได้แล้ว กฏเหล็กมีอยู่แค่สามข้อค่ะ
- ทานแค่พออิ่ม
- แบ่งมื้อทานเมื่อหิวให้ลงตัวในช่วง 8 ชั่วโมง และพักรับแคลอรี่ในช่วง 16 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ
เรื่องมันก็มีอยู่เท่านี้แหละค่ะท่านผู้อ่าน แต่อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งคิดว่ามันจะง่ายดาย สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ ลองลงมือทำกันก่อนค่ะ แล้วจะรู้ว่าความยากง่ายนั้นเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลจริง ๆ อย่างกรณีของตัวเอง นับจากวันที่เริ่มทำ เราจะตื่นประมาณ 07:00 น. เนื่องจากเป็นช่วงโควิดทำให้ Work From Home (WFH) ตื่นสายได้สบายๆ อาบน้ำแปรงฟันลงมาทานข้าวช่วงระหว่าง 08:15-09:00 น. แล้วแต่วัน จากนั้นก็นั่งทำงานยาว ลงมาทานข้าวอีกทีตอนเที่ยงตรง ซึ่งทำให้ต้องทานอีกครั้งหนึ่งไม่เกินบ่ายสี่โมงเย็น หรือ 16:15 น. โดยประมาณ
ทำอยู่ประมาณสองสัปดาห์ก็พบว่าน้ำหนักลดลง 2 กิโลกรัมแบบสบาย ๆ ประกอบกับอาการหิวที่เกิดขึ้นได้ในช่วงหัวค่ำ และถูกดับลงด้วยน้ำปานะทั้งหลายทำให้เราผ่านเข้าเฟสสองได้อย่างง่ายได้ เฟสสองก็คือการที่เราไม่หิว หรือหิวน้อยมากหลังอาหารมื้อบ่ายสี่ ซึ่งช่วงนี้เองที่น้ำหนักค่อยๆลดสัปดาห์ละเพียงไม่กี่ขีด เพราะว่าเรายังทานอาหารทุกอย่างโดยไม่จำกัดประเภท (กลับไปที่กฏเหล็กสามข้อข้างต้นค่ะ)
แต่เนื่องจากเราค่อย ๆ รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ทีละเล็กละน้อย
ขอขอบคุณภาพจาก Josh Couch on Unsplash
ทำให้เรามีกำลังใจทำอย่างต่อเนื่อง ไม่หยุด แม้น้ำหนักที่ลดฮวบฮาบให้ดีใจในช่วงสองสัปดาห์แรกจะดูเหมือนไม่ขยับไปไหนในช่วงสัปดาห์ที่สาม ทิ้งตัวนอนนิ่งแหงแก๋อยู่ตรงนั้น แต่เราต้องไปต่อค่ะ สังเกตุว่าเราทาน "มากกว่าอิ่ม" หรือเปล่า แล้วปรับตัวเองกลับมาค่ะ นึกถึงความสุขของเป้าหมายปลายทางไว้ค่ะ แล้วเราจะสำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ ถึงวันนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วน้ำหนักลงไปทั้งสิ้น 3.5 กิโลกรัมค่ะ ถือว่าเยี่ยมยอด และยังก้าวเดินต่อไปค่ะ
อ้อ จริง ๆ มีทริคดี ๆ มาฝากนะคะนั่นคือการดื่มกาแฟระหว่างวันแบบไม่ใส่น้ำตาลค่ะ ส่วนตัวเราเองเนื่องจากเป็นคนชอบดื่มกาแฟอยู่แล้ว จัดสองแก้วต่อวันค่ะ งานวิจัยและหลาย ๆ เทรนเนอร์เค้าบอกกันค่ะว่ากาแฟช่วยเผาผลาญได้ ซึ่งถ้าคิดตามหลักวิทยาศาสตร์ก็น่าจะเป็นไปได้นะคะ เพราะกาแฟมีคาเฟอีนที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นั่นก็เหมือนร่างกายทำงานมากขึ้นนิดๆหน่อยๆ ให้พอ productive ดังนั้นก็เผาผลาญได้ดีกว่านั่นเองค่ะ แต่ถ้าวันไหนอ่อนล้าอยากได้ความนุ่มละมุนเข้าร่าง จะเติมนมสักหน่อย ก็ไม่ได้ผิดกติกาอะไรเลยค่า กฏเหล็กที่เอามาฝากกันวันนี้มีแค่ สามข้อ เท่านั้นจริง ๆ ค่าาาาา
ขอให้ทุกคนสนุก และมีความสุขกับการทำ Fasting อย่างง่ายที่นำมาฝากกันนะคะ
ความคิดเห็น