ตั้งแต่นายแม่กักตัวเองเพราะเจ้าโควิด-19 ภารกิจสอนลูกสาวหัดปรุง ก็มีมาเรื่อย ๆ วันนี้มื้อเย็นได้รับภารกิจมือใหม่หัดปรุง จากนายแม่ ในเมนู แกงคั่วผักกาด "อยากกินอะไรร้อน ๆ ได้ซดน้ำจะทำให้กินข้าวลำ" นี่คือเหตุผลประกอบการมอบภารกิจในวันนี้ (กินข้าวลำในภาษาเหนือ คือ กินข้าวได้อร่อย กินข้าวได้เยอะ ค่ะ นายแม่เป็นคนอีสานที่มาเป็นสะใภ้เมืองเหนือ ที่ตอนนี้กลายเป็นคนอีสานที่พูดเหนือได้คล่องปร๋อ) วัตถุดิบหลักในครั้งนี้ก็คือ ผักกาดกวางตุ้ง ถ้าเป็นทางเหนือผักกาดที่ออกดอกสีเหลืองแล้ว จะเรียกว่า ผักกาดจ้อน หรือ ผักกาดดอก เจ้า แล้วเหมือนเดิม ก่อนลงมือปรุง ก็ต้องหาคุณค่าทางโภชนาการของผักกาด เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการรังสรรค์ผลงานในครั้งนี้ หาข้อมูลในทันที ผักกาดจ้อนบ้านเฮา มีคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งแคลเซียม เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินซี โดยเฉพาะวิตามินซีและเบต้าแคโรทีนมีสูง แค่นี้ก็มีแรงจูงใจในการหัดปรุงแล้วค่ะ ยุคโควิด-19 แบบนี้ ก่อนไปตลาดต้องวางแผนก่อนว่าจะซื้ออะไรบ้าง จะได้รีบไปรีบกลับ แล้วอย่าลืมใส่หน้ากากอนามัยไปตลาดด้วยนะคะ เพราะมีครั้งหนึ่งรีบออกไปตลาดรีบไม่ใส่หน้ากากอนามัย ทุกสายตาจ้องมาที่เรา อยู่ไม่ได้สิคะ ต้องรีบกลับบ้านไปใส่หน้ากากอนามัยแล้วออกมาใหม่ มาดูส่วนผสมแกงคั่วผักกาดพร้อมราคาของวันนี้กันดีกว่า - ผักกาดกวางตุ้ง / ผักกาดจ้อน 4 มัด ๆ ละ 10 บาท รวม 40 บาท - กระดูกหมูอ่อนและสามชั้นมันน้อย ๆ หั่นบาง ๆ รวม 30 บาท - น้ำพริกแกงคั่ว ที่เหลือจากเมนูครั้งก่อน - กะปิ ที่ซื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว - ใบมะกรูด ต้นหลังบ้าน - กระเทียมจีนที่เหลือติดบ้าน 3 กลีบ - หอมแดงที่เหลือติดบ้าน 3 หัว - เกลือ 1 หยิบมือ (นายแม่บอกแบบนี้จริง ๆ) - น้ำปลาร้า 1 ทัพพี (น้ำปลาร้าปรุงรสเพื่อนนายแม่ให้มา) สรุปมื้อนี้ ลงทุนไป 70 บาท (กินได้อย่างน้อย 3 มื้อ มื้อเย็น 1 มื้อ ที่เหลือเก็บใส่กล่องถนอมอาหารใส่ตู้เย็นไว้ เพื่อให้นายแม่นำมาอุ่นกินในมื้อเช้า และมื้อกลางวันอีกวันหนึ่ง เพราะลูกสาวมือใหม่หัดปรุงต้องไปทำงาน) ยุคโควิด-19 แบบนี้ ต้องหาข้อมูลต่อว่าผักสมุนไพรที่จะเป็นส่วนผสมของแกงคั่วผักกาดในวันนี้ มีอันไหนที่กินแล้วจะเสริมภูมิต้านทานของร่างกายช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ ได้บ้าง เข้าไปหาข้อมูลที่ เว็บไซต์กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก พบว่า หอมแดง เป็นผักในกลุ่มที่มีสารสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 พลังในการรังสรรค์เมนูนี้ก็เพิ่มขึ้นมาแล้วละคะ เริ่มต้นด้วยการเพิ่มรสชาติพริกแกงคั่วด้วยกะปิและหอมแดง ตำให้เข้ากัน (จริง ๆ ตั้งใจเพิ่มรสชาติด้วยกระเทียมอีกหนึ่งอย่าง แต่มือใหม่หัดปรุงอย่างเราก็ลืมบ้างเป็นธรรมดา เลยตัดสินใจใส่เข้าไปในแกงเลยละกัน) ใส่น้ำมันในหม้อนิดหน่อยเพื่อนำพริกแกงคั่วที่เราตำไว้ลงไปคั่วให้พอหอม ใส่กระดูกหมูอ่อนสามชั้นหั่นบาง ๆ ลงไป คั่วให้พอสุกและมีกลิ่นหอม เติมน้ำเปล่าลงไป รอน้ำเดือด แล้วค่อยใส่ผัก (บ้านอื่นจะคั่วใส่กระทะ แล้วค่อยเทใส่ในหม้อก็ได้นะคะ บ้านนี้นายแม่ตะโกนมาบอกว่า คั่วในหม้อเลยจะได้ไม่ต้องล้างกระทะให้เปลืองน้ำ ^_^) พอน้ำเดือด หมูเปื่อย ก็ค่อยใส่ผักลงไปนะ ... เสียงนายแม่ตะโกนมา ใส่ผักลงไปแล้วก็รอผักเปื่อยสักนิด ค่อยปรุงด้วยเกลือ 1 หยิบมือและน้ำปลาร้าปรุงรส 1 ทัพพี นายแม่บอกว่า แค่ 2 อย่างนี้ ก็เอาอยู่แล้วค่ะ เคล็ดลับนายแม่คือ ปรุงรสหลังผักเปื่อยแล้ว ชิมให้รสชาติให้พอดีก็เอาลงจากเตาพร้อมเสิร์ฟได้ หากเราปรุงรสก่อน กว่าผักจะเปื่อย น้ำอาจจะแห้ง ต้องเติมน้ำ ปรุงรสใหม่ มือใหม่หัดปรุงอย่างเราอาจไม่รอด... ผักเปื่อยได้ที่แล้ว ปิดแก๊ส ยกลง ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟให้นายแม่ได้เลยจ้า สรุป ผลงานในวันนี้ นายแม่บอกว่า รสชาติใช้ได้ ... แต่น้ำแกงหมดถ้วย กินข้าวหมดถ้วยนะคะ หรือว่านายแม่หิวกันแน่นะ ลืมถ่ายรูปเป็นหลักฐานไว้เลยค่ะ ... ภาพถ่ายโดยผู้เขียน