ฟุกุชิมะ, เชอร์โนบิล, Three Mile Island มหาภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ในอดีต ไฟที่รุกวาบราวกับฟ้าผ่า ตามด้วยเสียงระเบิดสนั่นที่ดังกึกก้อง คือสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทั้ง 3 แห่งนี้ ความน่ากลัวของทั้ง 3 เหตุการณ์นี้คืออะไร? สาเหตุ? เบื้องหลังสิ่งที่ทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งนี้? ทุกคนสามารถติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้ ผ่านบทความนี้ ฟุกุชิมะ ไดอิชิ(Fukushima Daiichi) วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 เวลา 14:46 ได้เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 9 Richter ขึ้นประมาณ 3 นาที ทางทิศตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น แผ่นดินไหวครั้งนี้ จัดว่ารุนแรงติดอันดับ 1 ใน 5 ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ณ เวลาเดียวกัน ที่โรงไฟฟ้า ฟุกุชิมะ ไดอิชิ มีเครื่องปฏิกรณ์ทั้งหมด 6 เครื่องด้วยกัน แต่ขณะนั้นมีการเปิดใช้งานอยู่เพียง 3 เครื่องเท่านั้น ซึ่ง โดยปกติทางโรงไฟฟ้าจะออกแบบ เพื่อรับมือกับอุบัติเหตุตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ในกรณีของ ฟุกุชิมะ ไดอิชิ ระบบที่ออกแบบไว้สามารถทำงานได้ตามปกติ นั่นคือ ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวขึ้น เครื่องปฏิกรณ์ทั้ง 3 ได้หยุดทำงาน ตามระบบที่วางไว้เพื่อความปลอดภัย โดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ถึงแม้ว่า จะหยุดเดินเครื่องไปแล้วก็ตาม ตัวเครื่องปฏิกรณ์ที่พึ่งหยุด ก็ยังมีความร้อนอยู่ภายในซึ่งถ้าเกิดปล่อยไว้ความร้อนนั้นก็จะมากพอที่จะทำให้เตาปฏิกรณ์หลอมละลาย และเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี ทางโรงไฟฟ้าจึงต้องมีระบบ cooling(ทำให้เตาปฏิกรณ์เย็นตัวลง) แต่เนื่องจากแผ่นดินไหวทำให้สายไฟเกิดความเสียหาย ส่งผลให้ระบบ cooling ไม่สามารถทำงานได้ แต่แน่นอน ผู้ออกแบบโรงไฟฟ้าก็คิดถึงจุดนี้เอาไว้แล้วเช่นกัน จึงวางระบบ เครื่องปั่นไฟที่ใช้น้ำมันดีเซล เป็นเครื่องสำรองในการจ่ายไฟฟ้าให้ระบบ cooling ทำงาน ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดไว้และทำงานได้ปกติ เตาปฏิกรณ์กำลังจะปิด และเย็นตัว เพื่อเซ็ตระบบใหม่ แต่ทันใดนั้นเอง!!! ผลกระทบจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้เกิด สึนามิ! ที่มีความสูงถึง 15 เมตร แน่นอนว่าทางโรงไฟฟ้าต้องออกแบบกำแพงกั้นน้ำจากสึนามิไว้อยู่แล้ว แต่การออกแบบที่คาดการณ์ไว้นั้นสามารถกั้นสึนามิที่มีความสูงเพียง 5.7 เมตรเท่านั้น(สถิติที่เคยเกิดสึนามิ ไม่เคยสูงขนาดนี้) แต่เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงทำให้ สึนามิที่เกิดขึ้น มีความสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก และไม่สามารถกั้นน้ำไว้ได้ จนสุดท้ายน้ำทะเลก็ทะลักเข้ามาและท่วมบริเวณเครื่องปั่นไฟฟ้าสำรอง ทำให้ เสียหายไป 12 จาก 13 ตัว ส่งผลให้ภายในโรงไฟฟ้าไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่เพียงเท่านั้น สึนามิสร้างความเสียหายให้กับถนน ทำให้ไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากภายนอกได้ และเมื่อไม่มีไฟฟ้า ทำให้ระบบ cooling หยุดทำงาน ส่งผลให้เตาปฏิกรณ์ร้อนสูงมาก จนน้ำภายในเตาปฏิกรณ์ระเหย และทำปฏิกิริยากับโลหะ เกิดเป็น แก๊สไฮโดรเจน(ติดไฟได้) และเนื่องจากไอน้ำบริเวณนั้นมีอุณหภูมิที่สูงมาก เจ้าหน้าที่ เลยตัดสินใจ เปิดวาล์ว เพื่อระบายความดันออก ไม่งั้นจะเกิดการระเบิดขึ้น แต่เมื่อเปิดวาล์วระบายออกแล้ว ก็เกิดเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า ส่งผลให้ไอน้ำที่ระบายออกไปไหลย้อนกลับ เข้ามาสู่แกนปฏิกรณ์ และเกิดระเบิดขึ้น เมื่อเวลา 3:36 PM ของวันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2554 หลังจากนั้นแกนปฏิกรณ์ก็มีอุณหภูมิที่สูงขึ้น จนถึง 2,800 องศาเซลเซียส ทำให้แกนปฏิกรณ์หลอมละลาย และเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีออก โดยมิอาจยังยั้งเหตุการณ์ได้เลย แต่ยังโชคดีที่ ญี่ปุ่นรับมือเหตุการณ์หลังจากเกิดอุบัติเหตุได้ดี โดยการอพยพผู้คนไปหยั่งที่ปลอดภัยได้ทันท่วงที ทำให้มีประชาชนเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลกระทบจากรังสี เชอร์โนบิล(Chernobyl) ณ เวลา 1 นาฬิกา 23 นาที 45 วินาที ในวันที่ 26 เมษายน ปี ค.ศ. 1986 เป็นเวลาที่เรียงกันสวยงามราวกับเลขมงคลที่มาพร้อมกับแสงไฟที่รุกวาบสว่างจ้ากลางท้องฟ้ายามค่ำคืน และตามมาด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว นั่นไม่ใช่เวลาที่เป็นเลขมงคล แต่เป็นเวลาที่บันทึกถึงการระเบิดครั้งใหญ่ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Chernobyl ใกล้เมือง ปรือเปียต(Prypiat) โดยอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติเหมือน ฟุกุชิมะ แต่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของการปฏิบัติงาน เหตุการณ์เริ่มขึ้นจาก Operator ต้องการที่จะทดลองว่า ขณะที่กำลังปิดเตาปฏิกรณ์นั้น เราสามารถใช้แรงเฉื่อย(เช่น เวลาเรากดหยุดพัดลม พัดลมจะหมุนต่อไปอีกสักครู่นึงแล้วค่อยหยุด เราเรียกแรงที่ทำให้พัดลมหมุนต่อหลังจากหยุดเครื่องแล้ว ว่า แรงเฉื่อย) ต้องการทดสอบว่าสามารถใช้แรงเฉื่อย ในการหมุนกังหันปั่นไฟ ไปหยั่งปั๊มน้ำเพื่อให้ปั๊มทำการ cooling เตาปฏิกรณ์ก่อนที่ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าฉุกเฉินจะทำงานได้หรือไม่ โดยการกระทำครั้งนี้ Operator ไม่ปรึกษา วิศวกรก่อนที่จะลงมือทำ ซึ่งผลจากการคำนวณคลาดเคลื่อนไปเพียงเล็กน้อย ทำให้ ไฟฟ้าส่งไปหยั่ง ระบบ cooling ไม่ทันโดยขาดไป 15 วินาที ด้วยเวลาเพียงแค่นั้น ก็สามารถทำให้ เตาปฏิกรณ์ในยุคนั้น หลอมละลายได้แล้ว และเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้ไอน้ำบริเวณเตาปฏิกรณ์ มีความดันสูงจนสามารถระเบิด อาคารคอนกรีตที่ออกแบบไว้ในสมัยนั้นได้ ทำให้สารกัมมันตรังสี รั่วไหลออกมานอกโรงไฟฟ้า และเกิดการปนเปื้อนสู่สาธารณะ และเข้าสู่ร่างกายประชาชน โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อสุขภาพของประชาชน Three Mile Island เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ปี ค.ศ. 1979 ภัยอันตรายที่มาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน ไม่ได้เกิดภัยธรรมชาติ หรือ ระเบิดใดๆขึ้น มีเพียงสารกัมมันตรังสีที่รั่วออกมาจาก โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมือง Harrisburg มลรัฐ Pennsylvania ประมาณ 16 กิโลเมตร มีสาเหตุเกิดมาจาก ความเข้าใจผิดของ Operator เหตุการณ์เริ่มต้นจาก ปั๊มน้ำที่ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้แกนปฏิกรณ์บริเวณโรงงาน เกิดความเสียหายทำให้น้ำภายในอาคารเตาปฏิกรณ์ ไม่สามารถระบายความร้อนได้ จนมีอุณหภูมิสูงขึ้น ถ้าปล่อยไว้ ก็จะมีความดันไอที่สูงและเกิดการระเบิด ทำให้ต้องมีการหยุดการทำงานของเตาปฏิกรณ์และกังหัน แต่ความร้อนที่สะสมอยู่ก็ยังไม่ได้หายไป และมีแนวโน้มที่จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จึงจำเป็นต้องเปิดวาล์ว เพื่อระบายความดัน จนถึงขั้นตอนนี้ไม่มีปัญหาใดๆ เมื่อสามารถความคุมความดันอยู่ในระดับปกติได้แล้ว Operator จึงสั่งปิดวาล์ว ตัวระบบก็ขึ้นสัญญาณว่า วาล์วได้ปิดตัวลงเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า จริงๆแล้ววาล์วเกิดปัญหาขัดข้องและยังไม่ได้ปิดตัวลง ทำให้ความดันในตัวควบคุมระดับน้ำต่ำลงน้อยกว่าเกณฑ์ ซึ่งความดันที่ต่ำลงนี้สามารถทำให้เกิดไอน้ำขึ้นอย่างมหาศาล จนตัวระบบ ตรวจพบว่า มีระดับน้ำในตัวควบคุม เกินกว่าระดับ Operator เห็นอย่างนั้น จึงตัดสินใจ หยุดระบบจ่ายน้ำฉุกเฉินที่เข้าสู่แกนปฏิกรณ์ ซึ่งจริงๆแล้วระดับน้ำในแกนปฏิกรณ์ยังอยู่ในระดับปกติ แต่เมื่อสั่งหยุดการจ่ายน้ำ ทำให้ไม่มี น้ำเข้าไปทำหน้าที่ cooling ในแกนปฏิกรณ์ ส่งผลให้ แกนปฏิกรณ์ เกิดการหลอมละลายไปครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังโชคดีที่สามารถความคุมสถานการณ์ ได้ และสามารถระบายความร้อนออกจากแกนปฏิกรณ์ได้อย่างปลอดภัย และไม่มีการรั่วไหล่ แต่แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นได้ 2 วัน ได้มีการตรวจผมสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหล โดยมีสาเหตุมากจากระหว่างการถ่ายโอนก๊าซกัมมันตรังสี ตอนที่ระบายความร้อน ปริมาณเล็กน้อย ซึ่งก็ทำให้ประขาขนได้รับรังสีเกินกว่าค่าที่กำหนดนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตและไม่มีปัญหาด้านสุขภาพในระยะยาว จาก 3 มหาภัยพิบัติทางนิวเคลียร์ในอดีต ทำให้ปัจจุบัน ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต่างๆ ได้รับรู้ถึงบทเรียนในการบริหาร เริ่มตั้งแต่การ ออกแบบ เพื่อให้รองรับกับภัยธรรมชาติและเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างดีมากขึ้น รวมถึงการอบรมพนักงานภายในตัวโรงไฟฟ้าให้มีจิตสำนึก ต่อระบบความปลอดภัยในการทำงานต่างๆด้วย ส่งผลให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปัจจุบัน มีการพัฒนาในหลายๆได้ ทั้งเรื่องของระบบการทำงาน ระบบความปลอดภัย และ Safety culture ที่ดีของบุคลากร ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปัจจุบันมีความปลอดภัยอยู่ในระดับที่สูงมาก อ้างอิงจากสถิติการเสียชีวิตในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถือว่าต่ำมาก เทียบกับโรงงานผลิตไฟฟ้าในรูปแบบอื่น นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยพื้นฐาน ยังได้ถูกกำหนดและควบคุมโดย IAEA อย่างเข้มงวด (www.iaea.org ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ IAEA ได้ที่นี่) เห็นได้ว่ามนุษย์เราก้าวผ่านอุปสรรคยักษ์ใหญ่มามากมายจนมีวันนี้ได้ วันที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ต้นทุนและพื้นที่ น้อยกว่าโรงงานชนิดอื่นมาก เป็นการเรียนรู้จากอดีต เพื่อพัฒนาปัจจุบันให้ก้าวสู่อนาคตที่ยิ่งใหญ่ไปอีกขั้นและผมเชื่อว่า มนุษย์จะไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้ ให้เหตุการณ์ทั้ง 3นี้เป็นเรื่องเล่าที่บอกคุณว่า ทุกปัญหามีทางแก้ ทุกอุปสรรคเราสามารถก้าวข้ามมันไปได้ อ้างอิง : www.silpa-mag.com / g-switch.org / www.iaea.org / bangkok57stationเครดิตรูปภาพ ภาพที่ 1 จาก: Defence Technology institute ภาพที่ 2 จาก: ZUFAROV and - / TASS / AFP ภาพที่ 3 จาก: NARAภาพที่ 4 จาก: International Automatic Energy Agency(IAEA)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !