ย้อนกลับไปในช่วงปี 70 เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยได้ยิน รู้จัก และบางคนเคยเป็นลูกค้าของแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลีอย่างกุชชี่ (Gucci) ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากธุรกิจเครื่องหนังก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นสินค้าเสื้อผ้า เครื่องประดับพร้อมด้วยโลโก้ดับเบิลจีซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนเห็นแล้วรู้จักเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านแฟชั่นและทรงอิทธิพลไปทั่วโลก นั่นคือภาพจำในด้านบวกของแบรนด์กุชชี่ แต่ความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ดังกล่าวยังมิอาจลืมความจริงของโศกนาฏกรรมอันโด่งดังและอื้อฉาวที่สะเทือนโลกแฟชั่น วันนี้ซามะจะมารีวิวเรื่อง House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ (2021) หนังที่จะมาเปิดโปงเบื้องหลังคดีจ้างวานฆ่าชื่อดังในอิตาลี เบื้องหลังความขัดแย้งกันเองในตระกูลจนเป็นที่มาของการฆาตกรรมนองเลือด ใครที่พร้อมอ่านรีวิวก็เอานิ้วเลื่อนลงไปอ่านเลยค้าบ (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า)ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ | Official Trailer ซับไทยขอบคุณคลิปจาก Youtube : SF Cinemaเรื่องย่อHouse of Gucci คือเรื่องราวจากคดีสะเทือนขวัญและฉาวโฉ่ของตระกูลเจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรด์เนมสุดหรูมีสไตล์อย่างตระกูลกุชชี่ จุดเริ่มต้นของเรื่องเกิดจากหญิงสาวนามว่า ‘ปาทริเซีย เร็จจิอานี’ ลูกสาวบริษัทรถบรรทุก วันหนึ่งเธอได้ไปที่งานปาร์ตี้ทำให้เธอพบกับ ‘เมาริซิโอ กุชชี่’ ชายหนุ่มรูปงาม ผู้ที่เป็นทั้งนักกฎหมายและทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลกุชชี่ ทั้งคู่ตกหลุมรัก คบหากัน จนกระทั่งปาทริเซียแต่งงานกับเมาริซิโอ และกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลกุชชี่ในที่สุดและมีพยานรักด้วยกัน 1 คน ทั้งสองเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันหวานชื่น และเป็นคู่รักคู่หนึ่งที่ทรงอิทธิพลต่อแวดวงธุรกิจและแฟชั่นในช่วงยุค 80 กราฟความนิยมของกุชชี่เริ่มตกลง ปาทริเซียอยากจะปรับเปลี่ยนตัวแบรนด์ให้เข้ากับยุคสมัยอย่างที่เธอต้องการ แต่ก็โดนขัดขวางโดยหัวเรือใหญ่อย่าง ‘อัลโด กุชชี่’ ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทและเป็นลุงของเมาริซิโออีกด้วย ไฟแห่งความบาดหมางและการแย่งชิงจึงถูกจุดขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนเกิดโศกนาฏกรรมที่โด่งดังและอื้อฉาวที่สุดในวงการแฟชั่นหญิงสาวทะเยอทะยาน VS ชายหนุ่มทายาทแสนเพอร์เฟ็กต์เห็นได้ชัดเจนว่าตลอดทั้งเรื่องจะเน้นที่คู่ของเมาริซิโอ กุชชี่ และปาทริเซีย เร็จจิอานี เพื่อให้คนดูได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนตั้งแต่จุดเริ่มต้นอันแสนหวานก่อนจะจบลงด้วยฆาตกรรมสุดอื้อฉาว ในตัวหนังเราจะเห็นได้ถึงความพยายามในการรุกอย่างหนักของปาทริเซียหลังจากที่รู้ว่าเมาริซิโอคือทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลกุชชี่ซึ่งขณะนั้นก็เรียกได้ว่ากุชชี่เป็นแบรนด์แฟชั่นดังระดับโลก ตัวเมาริซิโอเองก็ดูเป็นคนเงียบๆ เป็นหนุ่มนักกฎหมายที่ไม่ได้มีความใฝ่ฝันอยากจะเข้ามาบริหารธุรกิจ อันที่จริงเขาไม่มีความสามารถด้านนี้ด้วยซ้ำ หลังจากที่ได้เจอกับปาทริเซียซึ่งเธอพยายามดันเขาให้ทำทุกวิถีทางจนทำให้เมาริซิโอเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในบริษัท และเป็นผู้บริหารสูงสุดด้วย แต่แม้เขาจะได้ทุกอย่างของกุชชี่มาเขาเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทรยศต่อลุงอัลโด คนที่เคยซัพพอร์ตความรักและการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทกุชชี่ หักหลังเปาโล ผู้ที่หลงใหลในแฟชั่นและใฝ่ฝันจะสืบทอดธุรกิจมากกว่าเมาริซิโอเสียอีก จุดนั้นเองทำให้ความรักที่มีต่อปาทริเซียเริ่มหมดลง นับวันความสัมพันธ์ยิ่งระหองระแหง และตัดสินใจแยกทางกับเธอ จนเป็นชนวนเหตุให้ปาทริเซียวางแผนฆ่าอดีตสามีอคติที่เฉียบขาด VS การตัดสินใจที่ผิดพลาดพาร์ทนี้จะขอโฟกัสไปที่ทายาทรุ่นที่ 2 ทั้งสองคนของตระกูลกุชชี่ ราดอลโฟ กุชชี่ และ อัลโด กุชชี่ หลังจากที่เมาริซิโอได้พาปาทริเซียมาทำความรู้จักกับราดอลโฟผู้เป็นพ่อ ต่อหน้าปาทริเซียเขาก็ยังคีพลุคว่าเป็นเศรษฐีมีมารยาทผู้ดีอยู่ แต่เขาก็คัดค้านหัวชนฝาไม่รับปาทริเซียเป็นสะใภ้ตระกูลกุชชี่ด้วยเหตุผลในเรื่องฐานะทางสังคมที่ต่างกันมากๆ และมองว่าเธออาจจะมาปอกลอก เข้าหาลูกชายเพราะอยากครอบครองอาณาจักรกุชชี่ ถึงขนาดที่ถ้าเมาริซิโอแต่งงานกับเธอเขาจะตัดชื่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนออกจากกองมรดกทันที ซึ่งต่างกับความคิดของอัลโดที่เห็นชัดเจนว่าเขาเอ็นดูทั้งปาทริเซียและเมาวริซิโอ และอาจจะเอ็นดูห่วงใยมากกว่าลูกชายตัวเอง (เปาโล กุชชี่) ด้วยซ้ำ หากเปรียบเทียบกันแล้วมองได้ว่าราดอลโฟมีอคติส่วนตัวกับปาทริเซีย แต่พอเวลาผ่านไปอคติของเขาก็กลายเป็นเรื่องจริงและทำให้กุชชี่ถึงจุดตกต่ำในท้ายที่สุด ตัดกลับมาที่อัลโดที่วางใจจะให้เมาริซิโอเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหาร เอ็นดูปาทริเซียและไม่ได้สนใจถึงคำพูดของราดอลโฟเลยแม้แต่น้อย แต่ภายหลังเขารู้แล้วว่าการเข้ามาของปาทริเซียทำให้กุชชี่เริ่มสั่นคลอน หายนะเริ่มมาเยือนคนในตระกูลกุชชี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อัลโดเคยมีกับสูญหายไปเพราะหลานชายที่เขาเคยรักและเมตตาความกระหายในอำนาจ เงินทองนำไปสู่โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญHouse of Gucci ทำให้เราเห็นถึงผลกระทบที่ร้ายแรงซึ่งมีเหตุมาจากความกระหายในอำนาจและความโลภของมนุษย์ เกิดการห้ำหั่นฟาดฟันกันเองในตระกูลซึ่งมีปาทริเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของความแตกแยกนี้ บวกกับการละเลยที่จะจัดการปัญหาชีวิตครอบครัวและปัญหาความสัมพันธ์ ส่งผลให้ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของแบรนด์กุชชี่ต้องมัวหมอง ย่อยยับ และท้ายที่สุดแฟชั่นเฮาส์ที่ก่อตั้งในรุ่นปู่ และรุ่นพ่อรักษามานับร้อยปีจำต้องหลุดมือไปอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกหลานในตระกูลกุชชี่ เพราะตั้งแต่เมาริซิโอนั่งเก้าอี้ผู้บริหารสูงสุดแบรนด์กุชชี่มีแต่ขาดทุนและขาดทุนหนักขึ้นเรื่อยๆ บริษัทอินเวสต์คอร์ปจึงต้องเข้ามาจัดการปัญหาโดยกดดันให้เมาริซิโอขายหุ้นที่เขามีให้ และหลังจากนั้นความตกต่ำของกุชชี่ก็ค่อยๆ หมดไปจนกลับมาเป็นแบรนด์ที่ทั่วโลกยอมรับอีกครั้งทั้งการออกแบบ ยอดขาย และสร้างกำไรมหาศาล ในขณะเดียวกันก็ปิดตำนานตระกูลกุชชี่ในฐานะเจ้าของที่ครอบครองมานานเช่นกันรีวิวจากซามะส่วนตัวซามะดูแล้วไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าโอเคในเรื่องมุมกล้อง โทนสีในหนัง เสื้อผ้าหน้าผมที่เลิศหรูไฮแฟชั่น แล้วก็ชื่นชมนักแสดงทุกคนที่เตรียมพร้อม ทำการบ้านตัวละครของตัวเองมาดีมาก โดยเฉพาะเลดี้ กาก้า ที่สวมบทบาทเป็นปาทริเซีย เร็จจิอานีได้ใกล้เคียงเลยทั้งสำเนียงอิตาลี สีหน้า ท่าทางอิริยาบถต่างๆ และก็อดัม ไดรเวอร์ ผู้รับบท เมาริซิโอ กุชชี่ ถ้าเทียบกับปาทริเซียแล้วเป็นตัวละครที่ตรงข้ามในเรื่องความคิดความอ่านที่ไม่ฉับไวเท่าภรรยาตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไปตามแนวทางที่ภรรยาวางไว้ แววตาและอารมณ์รู้สึกได้ว่าเขาเหมือนรู้สึกผิด และไม่อยากมาถึงจุดที่ชีวิตส่วนตัว บริษัท เกียรติและศักดิ์ศรีทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขา อย่างไงก็ตาม ซามะอยากจะเบรกทุกคนก่อนว่าเนื้อหาในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด บางฉากบางซีนเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งทางผู้กำกับและทีมงานบางส่วนบอกว่าเป็นเพียงการอ้างอิง เน้นให้ความบันเทิงเท่านั้น ยังไงก็ดูเอาสนุกๆ นะคะ อยากรู้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริงก็ต้องเสิร์ชหาข้อมูลอีกทีค่ะถ้าใครยังไม่ไปดู อย่าลืมไปชม House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ (2021) ผลงานการกำกับของ ริดลีย์ สก็อตต์ และรวบรวมนักแสดงระดับเกรดเอทั้ง เลดี้ กาก้า อดัม ไดรเวอร์ อัล ปาชิโน จาเรด เลโต เจเรมี ไอร์ออนส์ และซัลมา ฮาเยก มาอยู่ในหนังอีกด้วย ที่สำคัญยังเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วยน้า ต้องดูให้ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความของซามะจนจบ หากใครอยากรู้รีวิวเรื่องอื่นๆ สามารถคลิ๊กที่บทความอื่นด้านล่าง หรือชื่อของซามะได้เลยนะคะ สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน เรื่องหน้าจะเป็นแนวไหน เรื่องอะไรต้องติดตามเท่านั้นนะคะ สวัสดีค่า บาย บทความอื่นๆ:มูฟวี่รีวิว :: The Last Emperor จักรพรรดิโลกไม่ลืม (1987) ชีวิตสูงสุดคืนสู่สามัญของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีนมูฟวี่รีวิว :: In This Corner of the World (2016) แค่วาดฝันให้โลกสวย แอนิเมชันที่เผยมุมอันโหดร้ายจากสงครามผ่านสาวน้อยช่างฝันมูฟวี่รีวิว :: 3 Idiots (2009) ภาพยนตร์เบาสมองปนฮา เสียดสีระบบการศึกษาได้อย่างเจ็บแสบมูฟวี่รีวิว :: Rang De Basanti เลือดเนื้อพลีเสรีชน (2006) หนุ่มสาวที่เคยหมดศรัทธากับประเทศ หันมาต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชันด้วยอุดมการณ์อันแน่วแน่เครดิตภาพภาพปก: Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย (1) (2) จาก Facebook: SF Cinemaภาพที่ 1, 5, 7, 12 จาก Facebook: SF Cinemaภาพที่ 2, 3, 4, 6, 9, 10, 11 จาก Facebook: House Of Gucciภาพที่ 8: Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) l ภาพประกอบโดย (1) (2) จาก Facebook: SF Cinemaเครดิตคลิปคลิปตัวอย่าง House of Gucci เฮาส์ ออฟ กุชชี่ | Official Trailer ซับไทย จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !