เคยมั๊ยคะ เวลาเราเล่นโซเชียล หรืออ่านเว็บข่าวเรามักจะอ่านแค่พาดหัวข่าว/บทความ และเราก็ตัดสิน เชื่อถือในเรื่องราวที่เขียนไปแล้ว ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องที่ยังไม่เคลียร์ก็ได้ แล้วถ้าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องจริง มันจะเปลี่ยนส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตของคนที่ถูกเขียนและครอบครัวก็ได้ ในอินเดียเองก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น วันนี้ซามะจะพาทุกคนไปดูหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงของนักแสดงชื่อดังของอินเดียที่ช่วงหนึ่งของชีวิตเคยตกเป็นเหยื่อของ ‘สื่อ’ มาแล้ว นั่นคือเรื่อง Sanju ซันจู (2018) หนังบอลลีวูดจากผู้กำกับมากฝีมือของอินเดียอย่าง ราชคูมาร์ ฮิรานี ที่กำกับหนังเสียดสีระบบการศึกษาอย่าง 3 Idiots (2009) และหนังที่เล่นประเด็นศาสนาอย่าง PK พีเค ผู้ชายปาฏิหาริย์ (2014) ใครพร้อมอ่านเรื่องราวใน Sanju เลื่อนลงไปอ่านรีวิวได้เลยค่า (การรีวิวนี้เป็นความเห็น และความรู้สึกส่วนตัวของซามะนะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยล่วงหน้าจ้า)ตัวอย่างคลิปตัวอย่าง Sanju | Official Trailer | Ranbir Kapoor | Rajkumar Hirani | Releasing on 29th Juneขอบคุณคลิปจาก Youtube : Star Studiosเรื่องย่อ‘ซันเจย์’ นักแสดงชื่อดังของอินเดียกำลังมุ่งมั่นที่จะทำหนังสือชีวประวัติของเขาก่อนที่เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก เนื่องจากในปี 2006 ซันเจย์ถูกศาลต่อต้านขบวนการก่อการร้ายสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 ปีจากเหตุการณ์ระเบิดในมุมไบ ซึ่งที่ผ่านมาเขานั้นยื่นฎีกาต่อศาลคัดค้านคำตัดสินมาโดยตลอด และไม่นานเขาถูกศาลสั่งให้มีโทษจำคุก 5 ปีจากคดีการครอบครองอาวุธปืน ส่วนคดีผู้ก่อการร้ายศาลตัดสินให้ซันเจย์ไม่มีความผิด แต่สื่อกลับเมินเฉยกับคำพิพากษานี้ ทำให้ประชาชนยังคงเข้าใจว่าเขานั้นเป็นผู้ก่อการร้าย ผู้คนจึงคอยด่าสาปเขาและครอบครัวทางเดียวที่จะทำให้ซันเจย์พ้นจากข้อกล่าวหาจากความคิดของผู้คน เขาจึงรีบหาคนมาเขียนหนังสือให้เร็วที่สุด จนเขาได้เจอกับ ‘วินนีย์’ นักเขียนอัตชีวประวัติชาวอินเดียที่มีชื่อเสียงมาก วินนีย์ได้ไปสืบเรื่องราวของซันเจย์มาก็ไม่อยากจะเขียนให้เขาเพราะซันเจย์มีแต่ข่าวคาวและเรื่องเสียหายไปหมด ซันเจย์จึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวในชีวิตของเขาแบบหมดเปลือกให้วินนีย์ฟังเพื่อให้เธอนั้นยอมเขียนหนังสือให้เขาและเขาก็จะได้พ้นจากมลทินที่ไม่ได้ก่อขึ้นภาพยนตร์ที่เสียดสีองค์กรสื่อของอินเดียSanju คือหนังที่ตั้งคำถามกับความเป็นสื่อ และหน้าที่จรรยาบรรณของสื่อของอินเดีย โดยเฉพาะเรื่อง ‘การพาดหัวข่าวของสื่อ’ ที่จะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้กำกับ ราชคูมาร์ ฮิรานี ต้องการสะท้อนและตั้งคำถามไปยังองค์กรสื่อโดยหยิบเอาเรื่องราวของซันเจย์ ดัตต์ (Sanjay Dutt) นักแสดงชาวอินเดียที่มักจะตกเป็นข่าวฉาวเสมอ ทั้งข่าวยาเสพติด การครอบครองอาวุธปืน แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นข่าวที่เขียนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดในมุมไบในปี 1993 ซึ่งการพาดหัวข่าวที่แรงๆ แบบนี้บวกกับในขณะนั้นก็เกิดความขัดแย้งมากมายในอินเดีย ทำให้ซันเจย์ ดัตต์ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ครอบครัวต้องใช้ชีวิตด้วยความทุกข์ มีแต่ความเครียดและความเจ็บปวด นั่นก็เป็นเพราะการพาดหัวข่าวแรงๆ ที่เน้นแต่จะเพิ่มยอดขาย เรียกความสนใจจากประชาชน และการใส่สีตีไข่ให้เกินจากความจริงแท้ๆการได้รับโอกาสและกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนรักช่วงเวลาที่ซันเจย์เจอปัญหาชีวิต มรสุมทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่ประดังประเดเข้ามาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อน เหมือนชีวิตเจอทางตันจนไม่สามารถหาทางออกจากปัญหาได้ แต่เขาโชคดีที่มีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ ให้โอกาสเขาได้แก้ตัว มีเพื่อนรักที่ผลักดันให้เขาไม่หลงในเส้นทางที่ผิด และมีภรรยาที่เชื่อมั่นและเชื่อใจเขามาตลอดว่าเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ทั้งหมดนี้มันทำให้ตัวเขายังมีความหวังที่ว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายและต้องทำทุกวิถีทาง พยายามให้มากที่สุดที่จะพิสูจน์ความจริง และสุดท้ายเขาก็สามารถเอาชนะกับข้อกล่าวหาทั้งหมด และกลับมาอยู่ในวงการบันเทิงได้อย่างมีความสุขอีกครั้งไตร่ตรองข้อมูลก่อนจะตัดสินแค่สิ่งที่เห็นนอกจากสื่อซึ่งมีหน้าที่ส่งสารไปยังมวลชนโดยต้องยึดหลักจรรยาบรรณสื่อ Sanju ยังบอกเราอีกว่าประชาชนในฐานะผู้รับสารเองก็อย่าเอาแต่หลงเชื่อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์หรือจอโทรทัศน์ อย่าเพิ่งตัดสินใครถ้าหากเราไม่รู้ว่าตัวตนของเขาคนนั้นเป็นคนแบบไหน รวมถึงหลักฐานที่แน่ชัดว่าเขาทำอย่างนั้นจริงรึเปล่า ซึ่งในหนังจะชอบใช้เครื่องหมายคำถาม (?) ต่อท้ายเสมอ เพราะเป็นการพาดหัวที่ขายได้และหลบหลีกในเรื่องการนำเสนอข่าวเท็จได้ (เพราะมันเป็นแค่การถาม ไม่ใช่กล่าวหาไงล่ะ ถึงจะฟ้องสื่อก็ฟ้องไม่ได้) ดังนั้นเราซึ่งเป็นคนรับสารต้องใช้วิจารณญาณในการชมเช่นเดียวกับสื่อที่ต้องใช้วิจารณญาณในการนำเสนอข่าวรีวิวจากซามะนี่เป็นหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ให้แง่คิดได้ดีมากๆ ทั้งเรื่องดูแล้วสนุก มีทั้งมุกตลกฮาเปิ่นๆ เศร้าดราม่า และหดหู่เล็กน้อย สุดท้ายก็คงเป็นความรู้สึกลุ้นตามกันไปว่าเขาจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้มั๊ย หนังของราชคูมาร์ ฮิรานีไม่เคยทำให้ซามะผิดหวังเลยทั้งเนื้อหา และทิศทางการนำเสนอที่จะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเลยคือยิงคำถามหรือประเด็นเพื่อฝากไว้ให้คิดกัน ในส่วนนักแสดงหนุ่มหล่อ รันบีร์ กาปูร์ ก็ทุ่มเทแสดงเป็นซันเจย์ในหลายช่วงอายุมากตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ ไปจนถึงเป็นนักแสดงวัยเก๋า ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ลึกซึ้งทั้งในฉากคุยกับพ่อ และเพื่อนรัก น้ำตาคลอเบ้าเลยบอกตรงๆ เรื่องนี้ซามะให้ 10 10 10 ค่าใครที่อยากจะชมภาพยนตร์ของผู้กำกับมือฉมัง ราชคูมาร์ ฮิรานี ก็อย่าลืมชม Sanju ซันจู (2018) ด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนนะคะที่อ่านบทความของซามะจนจบ แล้วเรื่องต่อไปซามะจะรีวิวเรื่องอะไร ลงเมื่อไหร่ ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ สามารถดูบทความอื่นๆ ได้ที่ ซามะ คลิ๊กที่ชื่อเลยน้า วันนี้ลาไปก่อน บายจ้าาาบทความอื่นๆ:แชร์ Trick :: HOW TO เรียนภาษาอังกฤษจากหนัง/ซีรีส์มูฟวี่รีวิว :: The Moon พุ่มพวง (2011) นักร้องบ้านนอกคนนี้ จะกล่อมน้องพี่และแฟนเพลงมูฟวี่รีวิว :: Rang De Basanti เลือดเนื้อพลีเสรีชน (2006) หนุ่มสาวที่เคยหมดศรัทธากับประเทศ หันมาต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชันด้วยอุดมการณ์อันแน่วแน่มูฟวี่รีวิว :: The Greatest Showman โชว์แมนบันลือโลก (2017) ภาพยนตร์มิวสิคัลปลุกพลังใจให้ยอมรับความแตกต่างเครดิตภาพภาพปก: Canva จาก ผู้เขียน (ซามะ) I ภาพประกอบโดย Bollywood Hungama (1) (2) ภาพที่ 1, 2, 4, 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 จาก Bollywood Hungama ภาพที่ 3, 5 จาก Facebook: Netflixเครดิตคลิปคลิปตัวอย่าง Sanju | Official Trailer | Ranbir Kapoor | Rajkumar Hirani | Releasing on 29th Juneจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !